ทดสอบ Kawasaki Ninja ZX-4R รถ 4 สูบเรียงพิกัด 400cc

 

ทดสอบ Kawasaki Ninja ZX-4R รถ 4 สูบเรียงพิกัด 400cc 

 

เครื่องยนต์สี่สูบเรียงของ Ninja ZX-4R  ขนาด 398cc เป็นกุญแจสำคัญของความสนุกสนานในการขับขี่รถรุ่นนี้ และด้วยการส่งผ่านประสิทธิภาพที่บดบัง รถรุ่นอื่นในคลาส 400cc ด้วยกำลังของเครื่องยนต์ Four in line ที่มีกำลังเครื่องยนต์ 55kW(75PS) ที่รอบ14,500 รอบ/นาที แต่เมื่อถึงรอบปากแตรเปิดจะทำให้มีแรงม้าเพิ่มเป็น 56.7kW(77PS) ที่รอบ 14,500 รอบ/นาที แรงบิด 37.6 นิวตันเมตร ที่รอบ 12,500 รอบ/นาที และมี Redline ที่สูงกว่า 15,000 รอบ/นาที 

ECU ที่ใช้พื้นฐานเดียวกันกับ Z H2 

ETV (Electronics Throttle Valves) ที่มีขนาดใหญ่ถึง ø34 mm ที่ทำให้ตอบสนองดีเยี่ยม ซึ่งทำให้ง่ายต่อการทำงานในส่วนของ KTRC, การเลือกโหมดการขับขี่ และการใช้งานควิกชิพเตอร์ พอร์ทไอดีออกแบบทำให้คล้ายรุ่นพี่อย่าง Ninja ZX-10R ออกแบบแฟริ่งให้นำอากาศเย็นมาระบายความร้อนภายนอกเครื่องยนต์

คอท่อไอเสียและทางเดินได้แรงบันดาลใจจากท่อไอเสียของ Ninja ZX-6R เพื่อให้ได้กำลังสูงสุดและเสียงเร้าใจ ภายใต้กรอบของกฎหมาย

ตัวเครื่องยนต์ยังมาพร้อมกับ Assist & Slipper Clutch ช่วยให้การเข้าเกียร์นุ่มนวล

และเพิ่มอัตราเร่งขณะออกจากโค้ง

 

 

ระบบรองรับน้ำหนักด้านหน้าที่ถูกติดตั้งมากับ Ninja ZX-4R เป็นแบบ Up-Side Down ที่มีระบบ SFFBP ของ SHOWA ซึ่งระบบรองรับน้ำหนักนี้ ทำให้ Ninja ZX-4R สามารถขับขี่ได้ทั้งในสนามแข่งและรองรับการใช้งานในชีวิตประจำวันในส่วนของโช้คอัพหลัง เป็นแบบ Horizontal Back-Link ที่ถ่ายทอดมาจาก Ninja ZX-10R

*ในรุ่น SE สามารถปรับ Preload ที่โช้คอัพหน้าได้

 

 

ระบบเบรกหน้าเป็นแบบดิสคู่ Semi-floating ขนาด 290 มม. ปั๊มหน้าคู่เป็น

แบบ Radial-mount Monobloc ที่มาพร้อมลูกสูบ 4 พอท ที่ถูกเลือกมาเพื่อเพิ่มแรงเบรกให้กับ Ninja ZX-4R เบรกหลังมาพร้อมกับจำนขนาด 220 มม. และลูกสูบขนาด 38 มม. ระบบเบรกถูกควบคุมด้วย ABS unit ใหม่ล่าสุดที่ออกแบบมาให้เหมาะเฉพาะกับรุ่นนี้

Ninja ZX-4R มากับล้อห้าก้านที่มีน้ำหนักเบาทำให้รถมีความคล่องแคล่วควบคุมง่าย รัดมาด้วยยาง Dunlop

GPR300 ที่มีกริบยางที่ดีทั้งสภาพถนนเปียกและแห้ง 

ยางหน้ำ 120/70ZR17M/C (58W)

ยางหลัง 160/60ZR17M/C (69W)

 

 

ไฟรอบคันมาในแบบ Full LED หน้าจอ TFT ขนาด 4.3 นิ้ว ที่สามารถเลือกโหมดได้ (Normal, Circuit) ตัวหน้าจอจะแสดงผล ความเร็ว, รอบเครื่อง, ไฟบอกตำแหน่งเกียร์, ไฟเตือนเปลี่ยนเกียร์, เกจวัดระดับน้ำมันเชื้อเพลิง, เกจบอกระยะทาง, อุณภูมิน้ำหล่อเย็น, นาฬิกา,แบตเตอรี่, เวลาต่อรอบ, เตือนการเข้ารับบริการ, โหมดการขับขี่, ควิกชิพเตอร์ และอื่นๆ

หน้าจอ TFT มี Built in Bluetooth เพื่อเชื่อมต่อกับโทรศัพท์ของผู้ใช้รถโดยเชื่อมต่อผ่านแอพพลิเคชั่น “RIDEOLOGY” ซึ่งมีฟังก์ชั่นดังนี้

- Vehicle Info: แสดงข้อมูลรถผ่านแอพในโทรศัพท์

- Riding Log: แสดงเส้นทางการขับขี่ของผู้ขับขี่

- Telephone Notice: เตือนผู้ขับขี่ว่ามีสายหรือ

อีเมลล์เข้า

- Tuning-General Setting: ตั้งค่าหน้าจอผ่านแอพพลิเคชั่น

Ninja ZX-4R แบ่งโหมดการขับขี่ เป็น 4 โหมดด้วยกันดังนี้

Sport เป็นโหมดที่ให้กำลังสูงสุดสนุกกับการขับขี่แบบสปอร์ต

Road เหมาะกับการขับขี่ทุกสถาณการณ์

Rain เพิ่มความมั่นใจในการขับขี่บนพื้นถนนเปียกลื่น

Rider ผู้ขับขี่สามารถเลือก KTRC และ Power mode ได้เอง

Kawasaki Quick Shifter (KQS)

KQS ที่ติดตั้งมากับ Ninja ZX-4R SE สามารถใช้ได้ทั้ง upshift

และ downshift ทำให้การเข้าเกียร์ส่งกำลังเครื่องยนต์ในขณะเข้า

เกียร์ได้อย่างราบเรียบไม่สะดุดโดยไม่ต้องกำคลัช หากไม่ต้องการใช้

งาน KQS สามารถปิดได้เช่นกัน

 

 

ฟิลลิ่งด้านการขับขี่

การทดสอบครั้งนี้พวกเราได้ไปทดสอบที่สนามพีระเซอร์กิต พัทยา ต้องบอกว่าสามารถใช้รถได้เต็มประสิทธิภาพเลยทีเดียว

 

 

ท่านั่ง

ท่านั่งเป็นท่านั่งที่เรียกได้ว่านั่งสบายอารมณ์แบบกึ่งสปอร์ตกึ่งทัวร์ริ่งเหมาะแก่การขับขี่ท่องเที่ยวแบบไกลๆเป็นอย่างมาก หรือหากใครอยากซึ่งแบบสายสนามสามารถเปลี่ยนแฮนด์ของตัวรถให้ก้มไปข้างหน้าได้อีก ความสูงจากเบาะถึงพื้นมีความสูงขนาด 800 มิลลิเมตร แต่ด้วยการออกแบบเบาะที่เว้าช่องขาทำให้เหยียบได้เกือบเต็มๆเท้าเลย

 

 

ช่วงล่าง

ต้องบอกว่าช่วงล่างของตัวรถที่เป็นโช้กแบบ Up-Side Down + โช้กหลัง ที่เป็นค่ามาตรฐานจากโรงงาน หากนำไปใช้ในชีวิตประจำวันอาจจะพอดีเลย แต่หากนำมาขับขี่ในสนามเต็มรูปแบบ อาจจะต้องเซ็ทให้เข้ากับผู้ขับขี่ เพราะหากเบรกหนัก รถจะดิ้นเล็กน้อยนั่นเอง แต่ด้วยช่วงล่างของตัวรถที่เป็นรุ่น SE สามารถปรับความแข็งของสปริงได้ 

 

 

กำลังของเครื่องยนต์

ด้วยพละกำลังของเครื่องยนต์พิกัด 400cc ต้องบอกว่าตัวรถมีอัตราเร่งที่ไวพอสมควรเลย มีกำลังให้ใช้อย่างต่อเนื่อง ด้วยสเตอร์หลังที่ใหญ่ทำให้รอบต้นของตัวรถสามารถเร่งได้เลยไม่ต้องรอรอบเครื่องยนต์ เมื่อเครื่องยนต์ทำถึงรอบที่กำหนด ปากแตรทำงานจะทำให้แรงม้าของเครื่องยนต์เพิ่มอีก 2 แรงม้า จากเดิม 75 Ps กลายเป็น 77 Ps ควิ๊กชิพเตอร์ที่ติดมากับตัวรถ(ในรุ่น SE) ถือว่าทำได้ดีเลย มีทั้ง Up, Down ใช้งานได้จริง สำหรับท๊อปสปีด เราไปทดสอบกันที่สนามพีระเซอร์กิต ทำให้ไม่สามารถเทสในส่วนของท๊อปสปีดได้เพราะใช้ขี่เพียง 5 เกียร์เท่านั้น 

 

 

ดีไซน์ของตัวรถ

ต้องบอกว่าการดีไซน์ของตัวรถถูกถ่ายทอดมาจาก Ninja Family มิติของตัวรถอยู่ที่ ยาว1,990 x กว้าง 765 x สูง 1,110 มิลลิเมตร 

 

 

ระบบเบรก

ต้องบอกว่าเบรกหน้าแบบดิกส์คู่เบรกเอาอยู่สบายๆเลย ด้วยเบรกหน้าแบบเรเดียนเม้าส์ ทำให้เบรกหนึบ สั่งได้ดั่งใจ

 

 

การควบคุม

ต้องบอกว่าตัวรถหากได้ลองคล่อมจะรู้สึกได้เลยว่าตัวรถมีน้ำหนักที่เบา เวลาขับขี่ การพลิ๊กตัวเข้าโค้งเอส ทำได้ดีเลย พลิ๊กรถได้ไว 

 

 

สรุปแล้ว

Kawasaki Ninja ZX-4R เป็นรถที่เหมาะกับผู้ขับขี่ทุกประเภทเลยก็ว่าได้ ตัวรถขับขี่ได้ง่ายมากๆ ช่วงล่างสามารถปรับได้เบรกเอาอยู่สบายๆเหลือๆเลย เครื่องยนต์มีกำลังทุกย่านความเร็ว

Kawasaki Ninja ZX-4R มีด้วยกัน 2 รุ่นได้แก่ รุ่น STD มีราคาอยู่ที่ 320,000 บาท และรุ่น SE มีราคาอยู่ที่ 360,000 บาท

หากใครสนใจสามารถเข้าไปดูไปคล่อมตัวจริงได้ที่ ศูนย์ Kawasaki ใกล้บ้านได้เลย

ขอขอบคุณ Kawasaki Thialand มากๆครับที่ให้พวกเราทีมงาน Mocyc.com เข้าร่วมการทดสอบในครั้งนี้ 

 

 

ติดตามข่าวสารวงการมอไซค์ : www.mocyc.com
Page Facebook : www.facebook.com/MocycThailand
Youtube : www.youtube.com/channel/UC2zealFH63iys1sWHW6xFOg?view_as=subscriber
IG : instagram.com/mocycthailand