Suzuka 4 Hours. ครั้งแรกที่ได้ไปชมการแข่งขันแบบติดขอบสนาม และครั้งแรกที่ทีมคนไทย 100% ชนะการแข่งขัน Endurance 4 Hours.

 

Suzuka 4 Hours. ครั้งแรกที่ได้ไปชมการแข่งขันแบบติดขอบสนาม และครั้งแรกที่ทีมคนไทย 100% ชนะการแข่งขัน Endurance 4 Hours.

รายการการแข่งขัน Suzuka Endurance เป็นรายการแข่งขัน Endurance ที่ยิ่งใหญ่ระดับโลก ซึ่งรายการนี้ได้มีการแข่งขันที่สนาม Suzuka Circuit ที่ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งเป็นประเทศต้นกำเนิดของรถค่ายต่างๆเลยก็ว่าได้ เป็นรายการที่มีนักบิด Moto GP อย่าง S.Bradl , S. Guintoli และซุปตาร์จาก WSBK เข้าร่วมแข่งขันด้วยไม่ว่าจะเป็น J.Rea, V.DerMark  เรียกได้ว่าเป็นรายการที่คั่นรายการแข่งระหว่างพักในการแข่งขันครึ่งฤดูกาล ครั้งนี้เป็นปีที่ 42 ที่มีการจัดการแข่งขันขึ้นมา  “เอ.พี.ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์” เข้าร่วมแข่งขันในรายการ Suzuka 4 Hours ซึ่งเป็นครั้งที่ 3 และเป็นทีมคนไทย 100 % ที่เข้าร่วมในการแข่งขัน ที่สำคัญคือ ทางทีมพร้อมมาก  ในการเข้าร่วมการแข่งขัน  ไม่ว่าจะเป็นตัวของนักแข่งเอง หรือแม้กระทั้งทีมช่างเอง ซึ่งตัวผมได้เข้าไปยังพิทของทีม ได้เห็นการทำงานต่างๆรวมถึง ความพร้อม ผมคิดในใจเลยว่ายังไงก็มองไปถึงแชมป์เลยครับ

 

 

ครั้งนี้ทางทีม “เอ.พี.ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์” ได้ส่งสามนักบิดเข้าร่วมทำการแข่งขันได้แก่ “มุกข์” มุกข์ลดา สารพืช นักบิดสาวแกร่ง “ฟิล์ม” ปิยวัฒน์ ประทุมยศ และอีกคนที่เป็นนักบิดสำรองคือ “บิว” วริทธิ์ ทองนพคุณ เข้าร่วมทำการแข่งขันในรายการ Suzuka 4 Hours ซึ่งใช้รถหมายเลข 149 เข้าทำการแข่งขัน หมายเลข 149 มีที่มาและที่ไปครับ เลข 149 หมายถึงบ้านเลขที่ของ บริษัท AP. Honda นั่นเอง ซึ่งเป็นเลขนำโชคของทีมอีกด้วย

 

 

หลังจากที่เราลงเครื่องจากสนามบิน Nagoya  พวกเราก็ได้ทำการมุ่งหน้าตรงไปยังสนาม Suzuka ทันที เพื่อไปดูการคลอดิฟายของนักบิดไทยของเรา

 

 

นักบิดของเราคลอดิฟายมาและได้ออกตัวเป็นที่ 2 ซึ่งเป็นการดีที่ได้ออกตัวในอันดับต้นๆ และเราก็ได้สัมภาษณ์นักแข่งของเราเล็กน้อยถึงความพร้อมในการแข่งขันทั้ง 2 คนคือ “มุกข์” มุกข์ลดา สารพืช และ“ฟิล์ม” ปิยวัฒน์ ประทุมยศ ซึ่งมีพยากรณ์อากาศว่าวันแข่งขัน ฝนตกหนัก 70-80 % กันเลยทีเดียว

 

 

วันเสาร์ที่ 27 กรกฏาคม 2562 วันที่แข่งขัน Suzuka 4 Hours. พวกเราก็ตื่นเช้าออกจากโรงแรมแต่เช้าเพื่อเดินทางไปยังสนามแข่ง ใช้เวลาในการเดินทางประมาน 1.15 ชั่วโมงกันเลยทีเดียว พอถึงสนาม เจ้าถิ่นมารอคิวเข้าแถว เพื่อเข้าสนาม ซึ่งสนามจะเปิดให้เข้าในเวลา 8.00น. ดูจากการเข้าแถวแล้วยาวมากครับคนรอเพียบเลยเป็นระเบียบไม่แตกแถวเลย ส่วนพวกผมเดินเข้าทาง VIP. ครับ (ป่าวหรอกมีบัตรนักข่าวเลยได้เข้าไปก่อน 555+)

 

 

ระหว่างสองข้างทางก็มี ร้านค้ามาเปิดขายสินค้ามากมาย  ไม่ว่าจะเป็นร้าน 56 ดีไซน์ ร้านขายของฝากต่างๆ เพียบเลยครับ เหมาะแก่สายช๊อปเป็นอย่างมาก เช้านี้บอกได้เลยว่า พยากรณ์อากาศของญี่ปุ่นแม่นมากครับ ฝนตก !!! แต่พวกเราก็มีตัวช่วยคือเสื้อกันฝนนั่นเอง แล้วพวกเราก็ลงไปให้กำลังใจนักแข่งของเราถึงในแทร็คกันเลยครับ ฝนจะตกลมจะแรงแค่ไหนก็ไม่หวั่นเลย

 

 

สนามที่ฝนก็มีปัจจัยหลายๆอย่างที่เป็นตัวแปรสำคัญ  สำหรับการแข่งขัน ไม่ว่าจะเป็นสภาพแทร็ค สภาพความพร้อม  ความฟิตของนักแข่ง ทีมงาน ที่สำคัญคืออุบัติเหตุครับ ล้วนแล้วแต่เป็นปัจจัยที่สำคัญทั้งนั้น เมื่อเริ่มการแข่งขัน “มุกข์” มุกข์ลดา สารพืช ซึ่งเป็นไม้แรกของทีม เอ.พี.ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ ต้องอยู่คนละฝั่งกับตัวรถแล้ววิ่งไปที่รถให้เร็วที่สุด ออกตัวไม่ค่อยดีนักทำให้ตกไปอยู่ในอันดับที่ 4 แต่ผ่านไป 3-4 รอบ ก็สามารถขึ้นนำมาเป็นที่ 1 ได้ ซึ่งทีม เอ.พี.ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ ได้มีการวางแผนที่ดีมากๆ 

 

 

หลังจากผ่านไป 22 รอบ ก็ได้เปลี่ยนตัวไม้สองลงไปแข่งขันต่อนั่นก็คือ “ฟิล์ม” ปิยวัฒน์ ประทุมยศ ก็ได้ทำการแข่งขันอีก 22 รอบด้วยกัน

 

 

รวมแล้วตอนนี้ ผ่านไปแล้ว 44 รอบ ได้เปลี่ยน “มุกข์” มุกข์ลดา สารพืช ลงไปหวดอีกครั้ง ซึ่งเป็นฮีทที่2 ของเจ้าตัวในการแข่งขัน และเมื่อแข่งไปได้ประมาน18 รอบ ก็ได้เกิดธงแดงขึ้นภายในสนาม เนื่องจาก โค้งที่ 13 มีนักแข่งล้มกันหลายๆรอบและเป็นโค้งที่เป็นทางระบายน้ำ แต่เนื่องจากฝนที่ตกหนัก ทำให้การระบายน้ำช้า จึงทำให้มีน้ำขัง แล้วเกิดอุบัติเหตุ จึงทำให้เรซไดเร็กเตอร์ประกาศธงแดง ซึ่งทางทีม เอ.พี.ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ ได้ทำการแข่งขันไปแล้ว 62 รอบ และนำห่างจากที่ 2 ถึง 2 รอบด้วยกัน หลังจากนั้นอีกประมาน 5 นาที ทาง เรซไดเร็กเตอร์ ได้ประกาศยุติการแข่งขัน ซึ่งการแข่งขันในครั้งนี้โดยรวม ใช้เวลาไปแล้วทั้งหมด 2 ชั่วโมงกับอีก 40 นาทีโดยประมาณ ซึ่งทำการแข่งขันมากกว่า 75 % ไปแล้ว จึงทำให้ทีม เอ.พี.ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ ชนะการแข่งขันในที่สุด และเป็นทีมคนไทย 100% ทีมแรกที่ชนะการแข่งขันด้วย 

 

 

หลังจากนั้นเราก็ไปห้องสัมภาษณ์ ทาง “มุกข์” มุกข์ลดา สารพืช ก็ได้บอกว่า  “ก่อนอื่นต้องขอขอบคุณ เอ.พี.ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ ที่ไว้วางใจให้ มุกข์ ได้ลงแข่งขันในรายการนี้อย่างต่อเนื่อง ถ้าไม่ได้รับโอกาสดีอย่างนี้คงไม่สามารถที่จะประสบความสำเร็จได้ เราต้องยกเครดิตทั้งหมดให้กับทีมช่างคนไทย ที่ทำงานกันอย่างหนักในการพัฒนารถแข่ง และมีระบบการทำงานที่ยอดเยี่ยม ทำให้ มุกข์ และน้องฟิล์ม (ปิยวัฒน์ ประทุมยศ) ลงบิดได้โดยปราศจากปัญหาใดๆ”
“การคว้าแชมป์ครั้งนี้พิสูจน์ให้เห็นว่าคนไทยไม่แพ้ชาติใด เราพัฒนาและยกระดับขึ้นมาจนกลายเป็นทีมชั้นนำของเอเชีย และคว้าแชมป์กลับไปฝากชาวไทยได้สำเร็จ กุญแจสำคัญคือทีมเวิร์คที่เราสร้างขึ้นมาได้อย่างลงตัว เราขอมอบแชมป์ครั้งประวัติศาสตร์นี้ให้กับแฟนๆ ชาวไทย และจะไม่หยุดพัฒนาเพื่อให้ทีมแข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง”

 

 

ส่วนทางด้าน “ฟิล์ม” ปิยวัฒน์ ประทุมยศ ก็ได้กล่าวว่า “ดีใจมากครับ ปีนี้ทุกอย่างลงตัวมาก รถแข่งสมบูรณ์แบบ ทีมช่างของเราทำงานกันอย่างหนัก ต้องชื่นชมทุคนในทีมจริงๆ ส่วนตัวผมเองก็ทำหน้าที่ได้อย่างเต็มที่ ในสนามไม่ได้แข่งกับใครเลยครับ ตั้งสมาธิและแข่งกับตัวเองตลอดเวลา  ทำให้ทุกอย่างออกมาดี อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญคือทีมงานของเราทำงานกันได้ดีจริงๆ มีทีมเวิร์คที่ยอดเยี่ยม และทีมเมทที่ขี่ได้ดีมากๆ ทำให้ผมไม่กดดันมากนัก อยากขอบคุณทุกคนที่มีส่วนในความสำเร็จครั้งนี้ ทำให้เราเอาแชมป์กลับไปฝากคนไทยได้”

 

 

สำหรับ เอ.พี.ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ สามารถคว้าแชมป์ในรายการ ซูซูกะ 4 ชั่วโมง เอ็นดูรานซ์ เรซ 2019 มาครองท่ามกลางสภาพอากาศที่มีฝนตกลงอย่างต่อเนื่องที่ประเทศญี่ปุ่น โดยเอาชนะคู่แข่งด้วยระยะห่างถึง 2 รอบสนาม และนับเป็นความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ของวงการมอเตอร์สปอร์ตไทย
นี่แหล่ะครับเป็นอะไรที่ประทับใจสำหรับตัวผมมากๆ  ซึ่งได้มีโอกาสไปเป็นครั้งแรก ทำให้ตื่นเต้นไปหมดทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการแข่งขันในสภาพอากาศแบบฝนตก  เป็นสภาพอากาศที่ผมเองยังไม่เคยเจอ และความสำเร็จของทีมคนไทย 100% ที่สร้างชื่อเสียงให้ประเทศไทย

 

 

เช้าวันรุ่งขึ้นพวกเราก็ได้มาสนามอีกครั้ง  เพื่อมาชมการแข่งขัน 8 Hours. วันนี้พวกเรามาช้ากว่าเมื่อวานเลยวิ่งหน้าตั้งกันเลยครับ พอมาถึงเอากระเป๋าเก็บได้ พวกเราก็ได้วิ่งลงไปยังพิทวอร์คเลยครับ ซึ่งการแข่งขัน 8 Hours. กำลังจะเริ่มในไม่กี่นาทีนี้ อากาศในวันนี้แตกต่างจากเมื่อวานโดยสิ้นเชิง คือวันนี้ไม่มีฝน อากาศค่อนข้างร้อน ทำให้การแข่งขันในวันนี้หวดกันอย่างเต็มข้ออย่างแน่นอน และวันนี้ก็มีข่าวที่เรียกได้ว่าเป็นที่ฮือฮาในญี่ปุ่นเป็นอย่างมาก  เพราะว่าหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์ญี่ปุ่น ได้บอกว่า “มุกข์” มุกข์ลดา สารพืช เป็นนักแข่งหญิงคนแรกในประวัติศาสตร์ของการแข่งขัน Suzuka 4 Hours. ที่ได้เป็นแชมป์ ซึ่งถือว่าเรื่องนี้ประวัติศาสตร์ของการแข่งขันเลยครับ และหลังจากนั้นพวกเราก็ได้อยู่ที่สนาม ถึงแค่บ่ายสองเพียงเท่านั้นก็ต้องเดินทางกลับโรงแรม เพื่อเตรียมตัวเดินทางในวันต่อไป ซึ่งวันต่อไปของพวกเราก็ได้เดินทางไปยัง ฟูจิ และนี่ก็เป็นครั้งแรกของผมเช่นกันที่ได้เดินทางไปยังฟูจิ

 

 

วันรุ่งขึ้นพวกเราก็ได้เดินทางไปยังฟูจิ โดยจุดหมายของวันนี้ คือ Fuji Matsuzono hotel ระหว่างทางพวกเราก็ได้แวะ ขี่ ATV เพื่อไปดูภูเขาไฟฟูจิ แต่ค่อนข้างโชคร้ายเนื่องจาก สภาพอากาศไม่เป็นใจเลยทำให้ไม่เห็น มีเมฆบัง แต่ก็ไม่เป็นไรครับ ก็ถือว่ามาขี่ ATV เล่น และนี่ก็ครั้งแรกของผมอีกเช่นกันที่ได้ขี่รถ ATV ยอมรับครับว่าเป็นอะไรที่ตื่นเต้นไปอีกแบบ เพราะปกติขี่แต่มอไซค์อย่างเดียว ซึ่ง ATV ที่ผมได้ขี่ถือว่าค่อนข้างแรงเลย แต่ผู้คนนำทางเขาไม่ค่อยไว้ใจในการขับขี่ของพวกเราสักเท่าไหร่  จึงทำให้ไม่ได้ลองอะไรมากครับ (ในใจนี่อยากออกตัวแบบล้อฟรีกันเลยทีเดียว 555+) แต่เมื่อขับขี่ไปตามรูทที่เขาวางไว้สักพัก พวกเราก็ได้เจอทุ่งหญ้ากว้างๆ เขาบอกว่าที่นี่เป็นที่ถ่ายทำหนังในญี่ปุ่นหลายๆเรื่องที่เกี่ยวกันการทำสงคราม ถ้ามาในวันที่ท้องฟ้าเปิดคงได้เห็นว่าสวยงามขนาดไหน หลังจากที่เรา ขี่ ATV กันเสร็จแล้วพวกเราก็เดินทางต่อโดยจุดหมายอยู่ที่ Fuji Matsuzono hotel ซึ่งเป็นโรงแรมที่เห็นวิวฟูจิได้อย่างชัดเจนเลยครับ

 

เช้าวันรุ่งขึ้น มีพี่ๆที่ไปวิ่งกันก็ได้เก็บภาพสวยๆมาฝากด้วย หลังจากนั้นพวกเราก็มุ่งหน้าไปยัง ชินจุกุ เพื่อเดินช๊อปก่อนกลับไทยกันครับ เมื่อไปถึงชินจุกุก็มีก็อตซิล่ามาต้อนรับเลย ก็ถือว่าเป็นอะไรที่แปลกตาไปอีกแบบ หลังจากที่เราเดินช๊อปปิ้งกันเสร็จเรียบร้อย  ก็ถึงเวลาที่พวกเราต้องเดินทางกลับไทยกันแล้วครับ พวกเราได้เดินทางไปยังสนามบินนาริตะ เพื่อกลับประเทศไทย ในเวลา 18.00น. ตามเวลาท้องถิ่นของญี่ปุ่น (ซึ่งเร็วกว่าประเทศไทย 2 ชั่วโมง)

 

 

ครั้งนี้ต้องขอขอบคุณทาง AP.Honda มากๆครับที่ให้ผมได้ไปเปิดประสบการณ์ใหม่ๆที่ไม่เคยสัมผัสให้ผมได้เป็นส่วนหนึ่งของหน้าประวัติศาสตร์ทีมไทยในการคว้าแชมป์ และดูแลผมเป็นอย่างดี