รีวิว และทดสอบ CB300R โดย Mocyc.com
รีวิว และทดสอบ CB300R โดย Mocyc.com
ความคราฟต์......ความประณีต.......ความหลงใหลในงานฝีมือ......แล้วคุณหล่ะชอบความคราฟต์เหมือนผมไหม
ทุกอย่างต้องพร้อมเพื่อให้มันสมบูรณ์แบบ......ทุกอย่างต้องลงตัว......
เพื่อสิ่งที่ละเอียดอ่อนและมีคุณค่า
เมื่อมันพร้อมทุกอย่างนั่นแหละคือ...ความคราฟต์
ความคราฟต์มันคือ การเลือกสรรค์ของทุกอย่างเป็นอย่างดี งานศิลป์ที่ถูกสร้างด้วยตัวเราเอง การใช้ชีวิตตามตไตล์ของตัวเอง และมันคือการเรียนรู้แบบไม่มีวันสิ้นสุด ความคราฟต์คือการบ่งบอกความเป็นตัวตนของผมเอง และผมเชื่อว่าทุกคนต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับตัวเราเองอยู่แล้ว และนี่คือสิ่งที่ผมเลือก Neo Sports Café New Honda CB300R
ก่อนอื่นต้องบอกว่าในเรื่องการดีไซน์นั้นนอกจากไฟกลม LED ด้านหน้ารถแล้วนั้น ก็ไม่ต่างจากรถในแนวสปอร์ตเน็กเก็ตแบบปกติเท่าไหร่ ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของแฮนด์บาร์อลูมิเนียมด้านหน้าที่ยกสูงขึ้นมา และกว้างออกด้านข้างเพื่อให้ควบคุมรถสำหรับการวิ่งอย่างต่อเนื่องได้อย่างง่ายๆ และท่านั่งที่ขาเราสามารถหนีบถังน้ำมันที่ตัวรถนั้นออกแบบมาให้รองรับในจุดนี้เป็นอย่างดีCB300R นั้นมาพร้อมกันกับขุมกำลังขนาด 286cc แบบ DOHC 4 วาล์ว 1 ลูกสูบ ขนาดกระบอกสูบและช่วงชักอยู่ที่ 76 x 63mm อัตราส่วนกำลังอัดเท่ากับ 10.7:1 ระบายความร้อนด้วยหม้อน้ำ
ซึ่งเป็นเครื่องยนต์ตัวเดียวกันกับ CBR300R, CB300F และ Rebel 300 นั่นเอง ซึ่งข้อดีก็คือเป็นเครื่องยนต์ที่ค่อนข้างจะเสถียรเอามากๆ เพราะผ่านการทดสอบและปรับปรุงกันมาหลายครั้งแล้วกว่าจะมาถึงโมเดลนี้ตัวรถนั้นจะเน้นแรงบิดและอัตราเร่งความเร็วต้นถึงกลางเป็นพิเศษ ให้แรงม้ามาสูงสุดที่ 31 ตัว และทอร์คสูงสุดที่ 27 นิวตันเมตรหัวฉีด PGM-Fi เกียร์ 6 สปีดน้ำหนักตัวของรถอยู่ที่143 กก.เพียงพอต่อการใช้งานที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็นการเดินทางในชีวิตประจำวัน หรือแม้กระทั่งขับขี่ไปออกทริป
Honda CB300R มาพร้อมระบบกันสะเทือนด้านหน้าเป็นแบบ เทเลโคสปิคและโช้กหัวกลับ หรือ Upside down โดดเด่นด้วยแกนโช้ก ขนาด 41 มม.
ะบบกันสะเทือนด้านหลังเป็นแบบ โช้กอัพสปริงเดี่ยว โมโนโช้กสามารถปรับระดับได้ 7 ระดับ
ขนาดเบรกหน้าเป็นแบบเรเดียลเมาท์ 4 ลูกสูบ จานเบรกเป็นแบบโฟลตติ้งดิสก์ และ ABS แบบ IMU-based
ยางนั้นเป็นยางแบบเรเดียล ขนาด 17 นิ้ว ยางหน้ามีขนาด 110/70 ยางหลังมีขนาด 150/60 ซึ่งเท่ากับ CB150R เลยครับ
ในส่วนของเรือนไมล์นั้นเป็นเรือนไมล์แบบ ฟลูดิจิทัล ที่มาพร้อมไฟชิฟไลท์ แต่ไม่มีไฟบอกเกียร์ครับแสดงผลมาตรวัดความเร็ว มาตรวัดรอบเครื่องยนต์ มาตรวัดระดับน้ำมันเชื้อเพลิง มาตรวัดความร้อน มาตรวัดระยะทาง ระดับเกียร์ นาฬิกาจับเวลา โหมดทริป A-B และไฟแจ้งเตือนต่างๆ
แฮนด์ที่ให้มากับรถนั้นเป็นแบบแฮนด์อ้วน ซึ่งทำให้ดูหล่อเทห์มาจากโรงงานเลยครับ ถังน้ำมันนั้นมีความจุอยู่ที่ 10 ลิตร ซึ่งอัตราการสิ้นเปลืองอยู่ที่ 27.1 กิโลเมตร/ลิตร
ฟิลลิ่งด้านการขับขี่นั้นเส้นทางที่เราใช้ในการทดสอบรถไม่ต่ำกว่า 300 กิโลเมตร ซึ่งครบรถอารมณ์ของการขับขี่เลยครับผม ไม่ว่าจะเป็นทางในเมือง ขึ้นเขา ลงเขา โค้งยาวๆโค้งสั้นๆ มาใบแบบฉบับเต็มอารมณ์ เลยครับ
ท่านั่งในการขับขี่เป็นท่านั่งที่นั่งสบายไม่ก้มมาข้างหน้าทำให้ไม่เมื่อยเหมาะแก่การขี่ทางไกล
ฟิลลิ่งการขับขี่ในเมืองนั้นบอกเลยครับว่ามุดง่ายมาก อัตราเร่งในช่วงต้นนั้นดีมากครับเพราะด้วยเครื่องที่เป็น 300 ซีซี จึงสามารถเร่งแซงได้อย่างใจคิด
ในทางขึ้นเขานั้นต้องบอกเลยครับว่ารถมีอัตราเร่งที่ดีจึงทำให้มั่นใจในทางขึ้นเขาครับ
ส่วนทางโค้งนั้นถือว่าทำได้ดีครับเพราะรถนั้นมีบาลานซ์ที่ดี แต่โช้กหลังนั้นค่อนข้างย้วยไปนิดหน่อยครับ แต่ก็สามารถปรับระดับความแข็งของสปริงให้เข้ากับผู้ขับขี่ได้ครับเพราะโช้กหลังนั้นสามารถปรับประดับความแข็งได้ถึง 7 ระดับด้วยกันครับ
ทางโค้งสั้นๆสามารถพลิกรถได้ไวครับ เนื่องด้วยน้ำหนักรถที่เบาทำให้เราสามารถพลิกรถได้ง่าย
ทางลงเขานั้น รถมีเอ็นจิ้นเบรกที่ถือว่าเยอะพอสมควรครับ เพราะเป็นรถสูบเดียวทำให้มีเอ็นจิ้นเบรกที่เยอะครับ ทำให้มั่นใจในทางลงเขาเป็นอย่างมาก
ในส่วนของท๊อปสปีดนั้น สามารถทำได้ความเร็วอยู่ที่ 162 กิโลเมตร/ชั่วโมง เนื่องด้วยลมค่อยข้างแรงด้วยครับ แต่ถ้าขี่แบบไหลๆ น่าจะเกินความเร็วที่ 165 กิโลเมตร/ชั่วโมงครับ อัตราการสิ้นเปลืองอยู่ที่ 27.1 กิโลเมตร/ลิตร ความเร็วที่เราใช้ทดสอบนั้นมีความเร็วไม่ต่ำกว่า 120++ กิโลเมตร/ลิตร
อย่าเชื่อจนกว่าจะได้ลองด้วยตัวคุณ และนี่แหล่ะครับ ความคราฟต์ที่ผมตามหา
แล้วกลับมาพบกับการรีวิวมอไซค์แบบจัดหนักจัดเต็มได้ที่ mocyc.com รายการดีๆที่ไม่ได้มีแค่เรื่องมอไซค์
21 มิ.ย. 2563