ดูคาติ ไฮเปอร์สตราด้า เด็กซนบนถนน

 “ดูคาติ” ตีเหล็กกำลังร้อน หลังเปิดตัวโมเดลใหม่ประกอบไทยรุ่นล่าสุด “ไฮเปอร์สตราด้า” (Hyperstrada) สนนราคา 549,900 บาท ผ่านมายังไม่ครบเดือน ค่ายสีแดงจากอิตาลีจัดทริปทดสอบให้สื่อมวลชนได้สัมผัสสมรรถนะ เพื่อสร้างการรับรู้สู่กลุ่มนักบิดต่อเนื่องทันที

 


       ในทริปการลองขี่ครั้งนี้ ดูคาติไทยแลนด์เลือกใช้เส้นทาง กรุงเทพฯ-อ.มวกเหล็ก จ.สระบุรี ไปเช้า-เย็นกลับ รวมระยะทางประมาณ 400 กิโลเมตร ด้วยการขี่ในรูปแบบขบวนท่องเที่ยว พร้อมการดูแลอย่างใกล้ชิดจากทีมอบรม DRE (Ducati Riding Experience) ซึ่งปฏิบัติหน้าที่ภายใต้โจทย์หลัก ต้องการให้ผู้ร่วมทริปทุกคนได้เข้าใจบุคลิกตัวรถ ขี่ด้วยความปลอดภัยตลอดเส้นทางทดสอบ และไม่รบกวนผู้ใช้รถท่านอื่นบนท้องถนน
       
       ก่อนออกเดินทางเช่นเคยกับการทำความรู้จัก “ไฮเปอร์สตราด้า” หากดูจากรูปลักษณ์ภายนอก หลายคนรวมถึงผู้เขียนเข้าใจว่ามันคือ รถทัวริ่งไซส์เล็กที่ย่อส่วนลงมาจากมัลติสตาด้า (Multistrada) โดยการจับรุ่นไฮเปอร์โมตาร์ด (Hypermotard) มายัดกล่องข้างเข้าไป
 

     

 


       ขณะที่ตามข้อมูลจากสื่อมวลชนผู้ร่วมทริป ซึ่งเคยไปลองขี่ทดสอบรถรุ่นนี้มาแล้วที่บาหลี ประเทศอินโดนีเซีย เล่าว่า ผู้ดูแลผลิตภัณฑ์จากแดนมักโรนีวางตำแหน่งการตลาดของไฮเปอร์สตราด้าให้เป็นรถที่สามารถใช้งานได้สนุกและหลากหลาย โดยคำว่า สตราด้า (strada) เป็นภาษาอิตาลี แปลว่า ถนน รวมกับไฮเปอร์ (Hyper) หรือการใช้พื้นฐานตัวรถจากรุ่นไฮเปอร์โมตาร์ดที่มีพละกำลังเหลือล้น พร้อมเคลื่อนไหวและไม่อยู่นิ่ง
       
       เมื่อรวมเป็นไฮเปอร์สตราด้ามันจึงเป็นสปอร์ตไบค์ที่ให้อรรถรสการขี่ที่สนุกสนานบนท้องถนน มีความคล่องตัว สมรรถนะจัดจ้าน สามารถใช้ขี่ในชีวิตประจำวันรวมทั้งออกทริปท่องเที่ยวได้ด้วย
 

 

 


       สำหรับหน้าตาดูผิวเผินหากไม่นับกล่องข้างสองใบขนาด 50 ลิตร ภาพรวมแทบไม่แตกต่างกับไฮเปอร์โมตาร์ด มีเพียงบางจุดที่เพิ่มออฟชันจำเป็นไว้ใช้สำหรับการเดินทาง ได้แก่ ชิลด์บังลมด้านหน้า, บังโคลนซุ้มล้อหน้า-หลัง, ชุดมือจับคนซ้อน, ขาตั้งคู่, การ์ดกันเครื่องยนต์, ช่องเสียบชาร์จอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ 2 ช่อง, เบาะต่ำลง 810 มม. (เดิม 850 มม.), แฮนด์บังคับสูงขึ้น 20 มม. และโช้กหลังปรับพรีโหลดความแข็งหรืออ่อนด้วยไฟฟ้า ทั้งหมดเป็นราคาที่ต้องจ่ายเพิ่มประมาณ 50,000 บาท (ไฮเปอร์โมตาร์ด ราคา 499,900 บาท)
       
       ขุมพลังใช้เครื่องยนต์บล็อกใหม่ L-Twin 2สูบ ขนาด 821 ซีซี. ระบบวาล์วเปลี่ยนจากเดิม 2 วาล์ว/สูบ เพิ่มเป็น 4 วาล์ว/สูบ ระบายความร้อนด้วยน้ำ ให้กำลังสูงสุด 110 แรงม้า ที่ 9,250 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 89 นิวตัน-เมตร ที่ 7,750 รอบต่อนาที คันเร่งไฟฟ้า เกียร์ 6 สปีด โดยมีโหมดการขี่ 3 รูปแบบให้เลือก คือ แบบสปอร์ต ทัวริ่ง และในเมือง (sport, touring และ urban) ซึ่งแต่ละโหมดจะปลดปล่อยความแรง การตอบสนองของระบบ DTC และ ABS ออกมาตามสภาพการใช้งานที่เหมาะสม

 


       เมื่อได้เวลาล้อหมุนออกจากโชว์รูมใหม่ย่านวิภาวดี ขบวนรถทดสอบมุ่งหน้าเข้าฝ่าการจราจรที่ติดขัดก่อนออกนอกเมือง แม้ตัวรถจะมีกล่องข้างติดตั้งมาด้วยแต่มันไม่ใช่ตัวถ่วงในการมุดแทรกช่องรถติด เพราะขนาดกำลังดีไม่ใหญ่มาก การใช้งานเดินทางในเมืองทำได้น่าประทับใจ
       
       ส่วนท่านั่งด้วยตำแหน่งของแฮนด์และเบาะ บังคับให้ผู้ขี่ต้องโน้มตัวเข้าหาหน้ารถและงอข้อศอกเล็กน้อย แต่ประเด็นนี้ผู้เขียนไม่รู้สึกว่าเป็นอุปสรรค แถมชอบด้วยซ้ำ เนื่องจากเป็นท่านั่งที่ทำให้ผู้ขี่มีความตื่นตัวและพร้อมควบคุมรถไปในทิศทางที่ต้องการได้ตลอดเวลา ขณะที่ข้อดีของเบาะต่ำลงเอาใจคนไซส์เอเชีย กลับมีข้อเสียที่คาดไม่ถึง ด้วยฐานเบาะที่กว้างแม้จะนั่งสบายก้น แต่สำหรับช่วงขาที่ต้องหนีบถังจะทำได้ไม่ถนัด ดังนั้น เมื่อนั่งนานๆ จะเริ่มรู้สึกเมื่อยล้าที่ขาแทน
       
       รวมถึงมีจุดอื่นๆ ที่ยังขัดใจอยู่บ้าง อย่างกระจกมองข้างเล็กเกินไปใช้งานจริงไม่สะดวก หน้าปัดหรือเรือนไมล์แสดงสถานะต่างๆ ของรถได้ครบถ้วน แต่องศาการมองขณะขี่อ่านค่าลำบาก

 


       อย่างไรก็ตาม จุดด้อยเพียงเล็กน้อยที่กล่าวมาลืมไปได้เลย เพราะถ้าได้ลองสัมผัสสมรรถนะความแรงเร้าใจแล้ว รถรุ่นนี้ไม่ทำให้ผิดหวังแน่นอน ทุกโหมดการขี่สัมผัสได้ถึงพละกำลังที่เต็มเปี่ยม แม้แต่ในรูปแบบ urban หรือการใช้งานในเมือง ปล่อยม้าออกมาเดินเล่นแค่ 75 ตัว แต่ด้วยน้ำหนักตัวรถที่เบา หากคุมคันเร่งไม่ดีมีหวังจูบท้ายรถคันหน้าได้ง่ายๆ ขณะที่ช่วงล่างเซตมาจากโรงงานออกแนวซิ่งมากกว่าสบาย การยึดเกาะโค้งทำได้ดีเยี่ยม แต่ต้องแลกกับความนุ่มนวลที่หายไป
       
       ส่วนระบบความปลอดภัยมั่นใจเกินร้อยกับดิสก์เบรกหน้าคู่ คาลิเปอร์ 4 ลูกสูบ ด้านหลังดิสก์เดี่ยว คาลิเปอร์ 2 ลูกสูบ พร้อมออฟชันชุด Ducati Safety Pack สามารถปรับตั้งค่าได้อย่างอิสระให้กับ DTC และ ABS ส่งผลให้ประสิทธิภาพการชะลอความเร็วหรือหยุดรถกระทันหัน ผู้ขี่สามารถเลือกระยะเบรกได้ตามต้องการ
       
       ด้านอัตราบริโภคเชื้อเพลิงหน้าจอแสดงผล วัดค่าเฉลี่ยได้ประมาณ 4.9 ลิตร/100 กม. หรือประมาณ 20 กม./ลิตร
 

 

 


       การได้สัมผัส “ดูคาติ ไฮเปอร์สตราด้า” เป็นรถที่โดดเด่นด้านสมรรถนะ ขนาดเล็กกะทัดรัด ขี่สนุกเร้าใจ ยิ่งใช้ในเมืองถ้าถอดกระเป๋าข้างออกแล้วจะเพิ่มความคล่องตัว พร้อมเปลี่ยนความน่าเบื่อของการจราจรที่ติดขัดให้กลายเป็นความตื่นเต้นและท้าทาย เหมือนเด็กๆ ที่ได้วิ่งซุกซนเมื่อพ่อแม่พาไปเดินเล่นในห้างสรรพสินค้า ส่วนการใช้เดินทางไกลยังไม่เหมาะสมมากนัก ถ้าจะให้ฟินระยะทางไม่ควรเกิน 300 กม.
       
       ท้ายที่สุดหลังเสร็จสิ้นทริปทดสอบ ยังแอบคิดในใจว่าจะซื้อสักคัน แต่วันนั้นดันลืมกระเป๋าสตางค์ไว้ที่บ้าน เสียดายจริงๆ...