Kawasaki USA เปิดตัวน้องใหม่ในตระกูล KX ซีรี่ย์ เอาใจสาย Enduro

Kawasaki USA เปิดตัวน้องใหม่ในตระกูล KX ซีรี่ย์ เอาใจสาย Enduro |

Kawasaki USA เปิดตัวน้องใหม่ในตระกูล KX ซีรี่ย์ เอาใจสาย Enduro

ตั้งแต่ Yamaha ได้ออกมาเปิดตัว Enduro น้องเล็กออกมาอย่าง WR155R ก็ทำให้กระแส Enduro กลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้ง และล่าสุดที่ประเทศสหรัฐอเมริกา (USA) ค่าย Kawasaki ก็ได้เดินหน้ากลับมาโลดแล่นตลาด Enduro อีกครั้งหลังจากห่างหายไปนานพอสมควรโดยโมเดลใหม่ของ Kawasaki นี้จะมีการปรับปรุงเปลี่ยนข้อบกพร่องของตัวโมเดลเดิม และกำเนิดซีรี่ย์ใหม่อย่าง KX ที่เป็น Motocross Cross Country อย่างเต็มระบบ

โมเดลใหม่ได้รับการอัพเกรดในเรื่องของเครื่องยนต์ใหม่ โดยได้ทำการปรับปรุงห้องเผาไหม้ใหม่ ของเครื่องยนต์ขนาด 249cc หนึ่งลูกสูบ แบบ DOHC สี่วาล์ว ระบายความร้อนด้วยของเหลว โดยได้ติดตั้ง flatter piston crown ที่มีความแบนมากกว่าเดิม ทำให้เพิ่มขนาดเส้นผ่าศูนย์กลางของไอดีและคอไอเสีย องศาของท่อทางเดินไอเสียถูกปรับใหม่ 3 องศา และได้เพิ่มอัตราส่วนของสปริงวาล์วด้านนอกใหม่ เพิ่มรอบเครื่องยนต์ขึ้นจากโมเดลเดิม 350 รอบต่อนาที ผนังกระบอกสูบหนากว่ารุ่นก่อนหน้าเพื่อเพิ่มความแข็งแกร่งและลดการสูญเสียเชิงกล ก้านสูบยาวขึ้น 3 มม. ลดแรงด้านข้างลงบนผนังกระบอกสูบ อีกทั้งผู้ผลิตยังพัฒนาระบบ water jacket เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการทำความเย็นของเครื่องยนต์ การอัพเดท ECU ข้อเหวี่ยงที่ได้รับการแก้ไขเพื่อการเร่งที่รวดเร็วและน้ำหนักที่น้อยลงรวมถึงวาล์วลิ้นใหม่ที่เพิ่มเข้ามาด้านหลังเครื่องเพื่อระบายแรงดันของข้อเหวี่ยง

เมื่อรวมเข้าด้วยกัน Kawasaki ก็อ้างว่าเครื่องยนต์ใหม่นั้นให้กำลังที่มากขึ้นทั้งในเรื่องของแรงม้า และแรงบิด การสตาร์ทเครื่องยนต์ทำได้ง่ายขึ้นด้วยปุ่มสตาร์ทแบบใหม่ที่ใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน ทั้งนี้ Kawasaki ยังได้ทำการปรับปรุงคลัตช์ไฮดรอลิกด้วยสปริงแผ่นเดียวแทนที่จะเป็นสปริงแบบขดชุดเดิม โดยผู้ผลิตอ้างว่าการออกแบบแบบนี้จะช่วยทำให้ตัวคลัทซ์นั้นมีน้ำหนักที่เบากว่าเดิม และดูแลรักษาได้ง่ายกว่า รวมไปถึงความทนทานที่ใกล้เคียงกับของเดิมที่ติดอยู่ในโมเดลรุ่นก่อนหน้า

นอกจากการพัฒนาด้านเครื่องยนต์แล้ว Kawasaki ยังพัฒนาเฟรม new aluminum perimeter frame และสวิงอาร์มใหม่ โดยใช้พื้นฐานเดิมจากโครงสร้างตัวหลักของ KX450 รุ่นใหญ่ แต่ได้ทำการออกแบบตัวยึดเครื่องยนต์ใหม่ แขนยึดโช้คอัพหน้าใหม่ ที่ออกแบบมาเฉพาะสำหรับเครื่องยนต์ 250ccโดยเฉพาะ โดยโครงสร้างนั้นสามารถรองรับการติดตั้งโช้คอัพหน้าของ Kayaba ขนาด 48 มม. ได้รับการแก้ไขเพื่อให้ตรงกับเฟรมใหม่เพิ่มการดูดซับและแรงกระแทก ระบบกันสะเทือนด้านหลังของ Uni-Trak เป็นของใหม่พร้อมอัตราส่วนการเชื่อมต่อที่ตรงกับ KX450 ระบบกันสะเทือนติดตั้งใต้สวิงอาร์มเพิ่มการยุบตัวคืนตัว 0.2 นิ้ว โดยที่โช้คอัพหน้าสามารถยุบตัวได้มากที่สุดถึง 12.4 นิ้ว นอกจากนี้ยังมีการติดตั้งแฮนด์บาร์ขนาดใหม่ 1-1⁄8 นิ้ว ของ Renthal ที่ช่วยให้การควบคุมและลงน้ำหนัก รวมไปถึงการรับแรงสั่นสะท้านจากช่วงล่างนั้นนุ่มนวลมากขึ้น

ขยับมาที่รุ่นกลางอย่าง KX450 นั้นทางผู้ผลิตยังคงรูปแบบเครื่องยนต์ชุดเดิมจากโมเดลปีที่ผ่านมา แต่ได้เพิ่มการเคลือบสารหล่อลื่นแบบฟิล์มแห้งลงบน piston skirt ซึ่งช่วยลดแรงเสียดทานและประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังได้ทำการเปลี่ยนระบบคลัทซ์ใหม่ และแฮนด์บาร์ใหม่ตาม KX 250 อีกด้วย

มาถึงซีรี่ย์ใหม่ของตระกูล 2021 Kawasaki KX250XC รถมอเตอร์ไซค์แนว Motocross Cross Country เต็มรูปแบบ โดยใช้พื้นฐานมาจาก 2021 Kawasaki KX250 แทบจะทั้งหมดต่างกันเพียง Mapping เครื่องยนต์ที่เหมาะสำหรับการแข่งรถ Croos Country มากขึ้น เฟืองหลังขนาดใหญ่กว่า การตั้งค่าช่วงล่างที่แก้ไข, ล้อหลังขนาด 18 นิ้วพร้อมยาง Dunlop AT81 off-road ขาตั้งด้านข้าง การ์ดป้องกันเครื่องยนต์ที่ติดตั้งมาจากโรงงาน และผ้าเบรกคุณภาพสูงเกรดสำหรับการแข่งขัน

เช่นเดียวกับ Kawasaki KX250XC เจ้า KX450XC ก็จะใช้พื้นฐานใหม่ของ KX450 แต่มีการปรับแต่งในส่วนของเครื่องยนต์ระบบป้องกันการกระแทก ให้เหมาะสมกับการแข่งขันในรูปแบบของ Cross Country ที่มากขึ้น และยังคงได้รับอุปกรณ์ใหม่ที่เป็นพื้นฐานจาก KX450 ทุกชิ้น

สำหรับราคาแนะนำของทั้งสี่โมเดลนั้น 2021 Kawasaki KX250 จะมีราคาแนะนำอยู่ที่ $8,299 (263,970 บาท) 2021 Kawasaki KX450 ราคาแนะนำ $9,399 (299,080 บาท) 2021 Kawasaki KX250XC ราคาแนะนำ $8,399 (267,260 บาท) และ 2021 Kawasaki KX450XC ราคาแนะนำ $9,599 (305,420 บาท) โดยทั้งสี่รุ่นจะเริ่มเข้าสู่โชว์รูมและตัวแทนจำหน่ายรถมอเตอร์ไซค์ Kawasaki ในอเมริกาเหนือเดือนสิงหาคมที่จะถึงนี้ ส่วนประเทศไทยคงเป็นไปได้ยากที่จะนำเอารถในแนวทางเฉพาะด้านแบบนี้มาทำการจำหน่ายและถ้าหากนำมาจำหน่ายจริงก็ไม่สามารถจดทะบียนเพื่อใช้งานบนถนนสาธารณะได้และราคาของมันน่าจะสูงกว่าอเมริกาเกือบ ๆ เท่าตัวเลยทีเดียว