สแปนิชครองโลก | moto gp

โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 9 พฤศจิกายน 2553 10:27 น.


nOw_hOw
3 แชมป์โลกสแปนิช ประจำปี 2010


       คอลัมน์ ON TRACK / เด็กปั๊ม
       
        ว่าจะหยิบยกเรื่องราวในวงการจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลกมาพูดคุยกัน ตั้งแต่วันที่ฮอร์เก ลอเรนโซ ได้แชมป์โลกรุ่นโมโตจีพี แต่ก็ไม่ได้จังหวะเสียที ซึ่งกว่าจะมาลงเอยใน ON TRACK ฉบับนี้ก็เล่นเอาเวิลด์ จีพี 2010 ปิดฉากลงไปแล้ว ในศึกบาเลนเซียน กรังด์ปรีซ์ ที่ริคาร์โด โตร์โม ประเทศสเปน เมื่อวันที่ 7 พ.ย.ที่ผ่านมา ซึ่งภาพรวมของปีนี้สรุปได้ตามหัวข้อที่ผมจั่วหัวไว้ไม่มีผิดเพี้ยน
       
        เนื่องจากเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์มอเตอร์ไซค์ชิงแชมป์โลกที่แชมป์โลก ทั้ง 3 รุ่นในปีเดียวกันมาจากประเทศเดียวกันซึ่งก็คือสเปน เริ่มจากฮอร์เก ลอเรนโซ นักบิดเฟียต-ยามาฮ่า ที่คว้าแชมป์โลกรุ่นโมโตจีพี ตามด้วยโทนี เอเลียส จากทีมเกรซินี เรซซิง ที่คว้าแชมป์โลกรุ่นโมโตทู และล่าสุดในการแข่งที่บาเลนเซีย มาร์ค มาเกวซ นักบิดวัย 17 ปี ทำให้แฟนกระทิงดุฉลองชัยได้สมบูรณ์แบบ หลังคว้าแชมป์โลกรุ่น 125 ซีซี
       
        นับเป็นความสำเร็จสุดยอดของวงการความเร็ว 2 ล้อเมืองกระทิงดุจริงๆครับ ที่แม้ตัวเลขโดยรวมของการคว้าแชมป์โลกรวมทุกรุ่นที่แข่งขันกันมาตั้งแต่ปี 1949 จะยังไล่หลังอยู่นักบิดจากอิตาลีแบบครึ่งต่อครึ่ง โดยเหล่าอิตาเลียนคว้าแชมป์โลกรวมกัน 75 ครั้ง ขณะที่พลพรรคสแปนิชคว้าไป 35 ครั้ง แต่การทำแฮตทริก 3 แชมป์โลกในปีเดียว ก็นับเป็นประวัติศาสตร์หน้าใหม่ที่ยากจะเกิดขึ้นในเวิลด์ จีพี
       
        โดยเฉพาะการปลดแอกรุ่นโมโตจีพีที่ลอเรนโซ เป็นคนสเปนรายที่ 2 ต่อจากอเล็กซ์ คลีบีเย สแปนิชคนแรกและคนเดียวที่คว้าแชมป์โลกรุ่นใหญ่ได้ในปี 1999 ร่วมกับทีมฮอนด้า ครั้งเป็นการแข่งขันในรุ่น 500 ซีซี ส่วนขันรุ่นรองๆลงมา ก็ต้องยอมรับว่านักบิดเลือกกระทิงของเขาดีจริงๆ และมีอยู่มากจนแทบจะเดินชนกันตายในแต่ละเรซ
       
        ก่อนหน้านี้นักบิดจากแดนกระทิงไม่ขึ้นชื่อเรื่องการขับในรุ่นใหญ่ อย่างในยุค 80 ฮอร์เก มาร์ติเนซ และซิโต พอนส์ ก็สร้างชื่อจากการเป็นจ้าวความเร็วรุ่นเล็ก แต่นับจากที่ดานี เปโดรซา ขึ้นมาเป็นแชมป์โลกรุ่น 125 ซีซี ในปี 2003 และไต่เต้าสู่ระดับโมโตจีพีก็เหมือนเป็นการเปิดประตูสู่ยุคทองในทุกๆรุ่น จนกลายเป็น "สแปนิชครองโลก" ในฤดูกาลนี้
       
        หากไล่ดูปฏิทินการแข่งขันทั้ง 18 เรซ ไม่น่าแปลกใจที่นักบิด "เอสปันญา" จะขึ้นมาครองคว้ายิ่งใหญ่ เพราะมีการแข่งขันในสนามชาติตัวเองปาเข้าไปถึง 4 เรซ ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากการผลักดันของ "ดอร์นา สปอร์ต" องค์กรจัดการแข่งขันที่บริษัทของสเปน ผู้บริหารก็เป็นสเปน งานนี้สเปนจะไม่ได้เปรียบก็ให้มันรู้ไป
       
        นี่คือความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของวงการความเร็วแดนกระทิง และมันจะสมบูรณ์แบบสุดๆ หากเฟร์นานโด อลอนโซ กลายเป็นแชมป์โลกเอฟวันอีกสมัยในปีนี้ สัปดาห์หน้าครับเราจะได้รู้กัน