Honda Asian journey 2019 สาวก Bigbike กว่า 100 ชีวิต ขี่รถเดินทางในมาเลเซีย ก่อนเข้าสู่สนามเซปัง |

 

Honda Asian journey 2019 สาวก Bigbike กว่า 100 ชีวิต ขี่รถเดินทางในมาเลเซีย ก่อนเข้าสู่สนามเซปัง 

Honda Asian journey 2019 ครั้งนี้ต้องบอกก่อนไว้เลยว่าเป็นครั้งแรกของผมที่ได้มีโอกาสร่วมเดินทางไปกับ ทริป ซึ่งมีขนาดใหญ่มากๆเลยครับ ยังมีเซอร์ไพร์จากงาน HAJ2019 ใก้ลชิดกับนักแข่งระดับโลกแบบที่เรียกได้ว่าหายใจรดต้นคอกันเลยทีเดียว ซึ่งงานนี้ รวมหลายประเทศไว้ด้วยกันเลยไม่ว่าจะเป็น ไทย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ อินโดนิเซีย เวียดนาม และอินเดีย ซึ่งประเทศที่กล่าวมาเรียกว่าเป็นประเทศที่มีเหล่า ไบค์เกอร์ เป็นจำนวนมากอยู่แล้ว ครั้งนี้มีรถหลากหลายรูปแบบที่เข้าร่วมในการขับขี่ว่าจะเป็น Africa Twin,CBR1000RR, CBR650R, CBR500R, และ CBR250RR พร้อมสัมผัสกับความสนุกสนาน เพลิดเพลินกับทัศนียภาพในการขับขี่ตลอดเส้นทาง วันแรกในการเดินทาง พวกเราได้เดินทางจาก สนามบินสุวรรณภูมิ ไปยัง ประเทศมาเลเซีย ตกเย็นมาก็ได้มีงานเลี้ยง เพื่อให้แต่ละประเทศได้ทำความรู้จักกัน ซึ่งงานวันแรกยังไม่มีอะไรมาก

 

 

วันที่สองพวกเราได้เดินทางไปยังหน้าสนามเซปัง เซอร์กิต เพื่อนรับรถ ซึ่งทางกลุ่ม Africa Twin ของไทยเราได้ชิฟรถมาเอง ส่วนพวกเราที่เป็นสื่อใช้รถทางฮอนด้าซึ่งมีแต่รถสปอร์ตหมดเลย เช้ามามีการสอนเรียนเพื่อให้ปรับตัวเข้าหารถโดย จัดเป็นสนามจิมคาน่า+การทดสอบอัตราเร่งและเบรกไปในตัว

 

 

ช่วงสายๆ มีเซอร์ไพร์จาก HAJ 2019 โดยมีนักแข่งจากทีม Idemitsu Honda Asian Team นำทีมมาโดยนักแข่ง Moto2 คิงคอง ก้อง สมเกียรติ จันทรา, Dimas Ekky Pratama นักแข่งจากประเทศอินโดนิเซีย ซึ่งเป็นทีมเมจของ คิงคองก้อง ตามมาด้วยนักแข่ง Moto3 คาอิโตะ โตบะ และไออิ โอคุระ นักแข่งจากญี่ปุ่น งานนี้บอกได้เลยว่า ใกล้ชิดกับนักแข่งมากๆ

 

 

หลังจากที่ Meet&Greet ย่อมๆไปแล้ว ทาง HAJ ยังมีเซอร์ไพร์อีกรอบโดยครั้งนี้ ได้นำเอา มาร์ค มาเกซ , ฆอเก้ ลอเรนโซ่ จากทีม Repsol Honda มามิตแอนด์กรีทด้วย งานนี้ต้องบอกว่าผมตื่นเต้นมากๆเพราะ ได้ใกล้ชิดนักแข่งระดับโลกแบบที่เรียกได้ว่า หายใจรถต้นคอกันได้เลยทีเดียว แต่ที่นี่มีกฎว่า ห้ามเซลฟี่กับนักแข่ง ห้ามสัมผัสตัวนักแข่ง !!! แต่จริงๆแล้วมันเป็นเรื่องปกติของการ Meet&Greet อยู่แล้วครับ แต่จริงๆแล้วแค่ได้ถ่ายรูปแบบใกล้ชิดนักแข่งมันทำให้แฟนคลับดีใจเป็นอย่างมากแล้วครับ

 

 

หลังจากที่พบเจอกับนักแข่งระดับโลกเสร็จแล้ว ก็ถึงเวลาที่เราต้องเดินทางออกไปยังกรุง Melaka แล้วครับ ซึ่งจุดหมายการเดินทางของเราอยู่ที่นั่น การขี่รถที่งาน HAJ ไม่เหมือนกับบ้านเราคือ ที่นี่ขี่ยาวๆ ไม่มีแวะพัก เพราะว่าการขับขี่เป็นกลุ่มใหญ่ พวกเราได้วิ่งบนทางด่วนของประเทศ โดยมีตำรวจที่นี่ เคลียเส้นทางให้หมดเลย โดยขบวนการขับขี่จะให้ CBR250RR อยู่หัวแถว ตามมาด้วย CBR500R, CBR650R, CBR1000RR และ Africa Twin ปิดท้ายขบวน โดยระหว่างขบวน มีมาแชล คอยคุมอีกที เพื่อความปลอดภัยในการเดินทาง ซึ่งความเร็วที่ใช้ในการเดินทาง อยู่ที่ 110-130 Km/Hr. ตามกฎหมายของประเทศมาเลเซีย จะอนุญาตให้ใช้ความเร็วไม่เกิน 110 Km/Hr. วันแรกของการเดินทาง สิ่งที่พวกเราทั้งขบวนเจอก็คือ ฝนตก เรียกได้เลยว่าหนักบ้าง เบาบ้าง แต่พอเข้ากรุง Melaka แล้ว ฝนก็หยุดแล้วครับ

 

 

พอถึงที่พักของ Melaka ก็จะมีเวลาฟรีไทม์ ซึ่งพวกเราเองก็ได้เดินเที่ยวรอบๆโรงแรม ต้องบอกก่อนว่าที่นี่เป็นเมืองมรดกของโลกซึ่งประกาศไว้ ใน วันที่ 7 กรกฏาคม 2008 ซึ่งที่นี่ยังคงความเป็นวิถีชีวิตคนในท้องถิ่นเป็นบางส่วน มีโบราณสถานค่อนข้างเยอะเลยทีเดียว บ้างเมืองที่นี่ต้องบอกว่าสะอาดเป็นอย่างมากเลย แทบไม่เห็นขยะหรือก้นกรองบุหรี่ข้างถนนเลยครับ หลังจากที่พวกเรากินอาหารเย็นเสร็จแล้ว ทาง HAJ ก็ได้มีสามล้อปั่น ซึ่งเป็นสีสันของที่นี่เลยก็ว่าได้ครับ  พาพวกเรานั่งสามล้อปั่นทัวร์รอบๆเมือง ซึ่งใช้เวลาประมาน 20 นาที 4 กิโลเมตร ชมเมืองในยามค่ำคืน หลังจากที่ชมเมืองเสร็จแล้ว พวกเราก็ได้แยกย้ายกันพักผ่อน เพื่อเตรียมตัวเดินทางในวันถัดไป เพราะเดินทาง ค่อนข้างยาวเลยทีเดียว ซึ่งจุดหมายของเราในการเดินทางวันที่ 3 นั่นก็คือ Genting Highland หลายๆคนคงได้ยินชื่อนี้มาแล้ว สำหรับผมนี่คือครั้งแรกที่ได้ไปเช่นกันครับ Genting Highland ตั้งอยู่ในรัฐปะหัง ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงกัวลาลัมเปอร์เมืองหลวงของมาเลเซียประมาณ 51 กิโลเมตร โดยอยู่บนยอดเขาที่มีความสูงถึง 2,000 เมตร จึงทำให้ที่นี่มีอากาศหนาวเย็น และมีหมอกตลอดทั้งปี พื้นที่ด้านบนไม่ได้มีแค่ความสวยงามของธรรมชาติ และวิวที่สุดยอดเท่านั้น แต่ยังเต็มไปด้วยความบันเทิงหลากหลายรูปแบบ ทั้ง คาสิโน โรงแรมหรู โรงภาพยนตร์ สนามกอล์ฟ และสวนสนุกอีก 2 แห่ง คือ Outdoor Theme Park และ First World Indoor Theme Park รวมไปถึงกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย 

 

 

การเดินทางของพวกเราก็เช่นเดิมครับ ไปเป็นขบวนใหญ่ๆ ที่สำคัญคือ วันนี้ไปที่ Genting Highland เส้นทางค่อนข้างชัน ซึ่งต้องระมัดระวังในการขับขี่กันค่อนข้างเยอะพอสมควรเลยครับ วันนี้การเดินทางต้องแวะพักกันสองรอบเลยทีเดียว เพราะว่าเส้นทางที่ใช้ในการขับขี่จาก Melaka สู่ Genting Highland ค่อนข้างไกลพอสมควรเลย เนื่องด้วยกลุ่มขบวนยาว จึงทำให้ต้องจัดรูปขบวนการขับขี่ใหม่ เนื่องจาก สกิล การขับขี่ของแต่ละคนไม่เท่ากันนั่นเอง ต้องบอกว่าทางขึ้น Genting Highland ชันมากๆจน CBR250RR ที่ผมขี่ขึ้นไปความร้อนขึ้นเลยครับ เนื่องจากว่าต้องลากเกียร์ 2-3 ตลอดทั้งทาง เพื่อให้รถมีแรงส่งขึ้นไปยังยอดเขา พอขึ้นมาได้ครึ่งทาง เริ่มรู้สึกได้เลยว่าอากาศเย็นๆ ต้องบอกว่าที่นี่อากาศเย็นทั้งปีเลยก็ว่าได้ครับ พอถึง Genting Highland พวกเราก็ได้เข้าเช็คอินที่โรงแรม First world Hotel เป็นโรงแรมยอดนิยมบน Genting ประเทศมาเลเซีย ด้วยจำนวนห้องพักมีมากถึง 6,000 กว่าห้อง สะดวกในการเที่ยวบน Genting Highland ต้องบอกเลยว่าที่นี่ อากาศดีมาก และเย็นด้วย พอดีวันที่ขึ้น Genting ผมดันเป็นหวัดเลยกินยานอนไม่ได้ออกไปเที่ยวไหนเลย เสียดายมาก พอตื่นเช้ามาหมอกที่นี่เยอะมากๆ เปิดหน้าต่างมาหมอกไหลเข้าหน้าต่างมาเลยครับ ชั้นที่ผมนอนคือชั้น 12 มองออกหน้าต่างไม่เห็นอะไรเลยนอกจากหมอก 

 

 

หลังจากนั้นวันที่ 4 พวกเราก็ได้เดินทางกันต่อ คราวนี้ผมเข้าเข้าไปในตัวเมือง กัวลาลัมเปอร์กัน  จุดหมายของพวกเราอยู่ที่ Petronas Twin Tower หรือที่บ้านเราเรียกกันว่า ตึกแฝดนั่นเองครับ เมื่อไปถึงตึกแฝด พวกเราได้แวะกินข้าวกันก่อน หลังจากกินข้าวแล้วก็ได้เวลาขึ้นไปยังตึกแฝดแล้วครับ ซึ่งเราสามารถขึ้นได้ชั้น 41 กับ 86 เท่านั้น  พอขึ้นไปชั้น 41 ผมรู้สึกว่า ลิฟท์ที่นี่ขึ้นไวมาก ชั้น 41 ที่เราแวะที่แรก ถ้ามองมาจากข้างล่าง มันคือ ทางเชื่อมของตึกแฝดนั่นเองครับ เราสามารถ แค่ 41 ชั้นขาก็สั่นแล้วครับ หลังจากนั้นพวกเราก็ได้ขึ้นไปยังชั้น 86 ซึ่งคือข้างบนยอดของตึก ทำให้เราสามารถมองเห็นวิว ของเมืองได้หมดเลย แต่ที่นี่ไม่แนะนำสำหรับคนที่กลัวความสูงครับ เพราะมันสูงมากๆ 

 

 

หลังจากที่พวกเราได้ชมวิวทิวทัศน์กันไปแล้ว ก็ได้เดินทางกลับไปยังโรงแรมของพวกเรา ซึ่งห่างออกไปจากตัวเมืองประมาณ 30 กิโลเมตร ตกเย็นมาพวกเราได้เดินทางไปร่วมงาน Meet&Greet โดยนั่งรถบัสไปที่โรงแรม Sama-Sama Hotel ซึ่งงานมี Meet&Greet MM93 ไม่ได้มาเพราะมีอาการบาดเจ็บ รวมไปถึงการเซ็ทรถที่ยังไม่ลงตัวจึงมาไม่ได้ แต่งานนี้ มีครัชโลว์มาแทน บรรยากาศภายในงานเต็มไปด้วยความสนุกสนานเป็นอย่างมาก หลังจบงานพวกเราก็ได้กลับไปยังโรงแรมเพื่อพักผ่อน และพร้อมเดินทางในวันถัดไป

 

 

วันสุดท้ายที่พวกเราต้องเดินทางไปนั่นก็คือ สนาม Sepang International Circuit ซึ่งต้องเข้าร่วมงาน MotoGP ที่นี่ครับ  

 

 

จริงๆแล้วพอมาถึงสนามได้มีเซอร์ไพร์คือ พากลุ่มลูกค้าไปพบกับ MM93 เพราะว่าเมื่อวานไม่ได้มาเขาจึงจัดให้เข้าไปหาในพิทเลย แต่ว่าๆ ทางผู้จัดงานมารับกลุ่มพวกเราไม่ทัน จึงทำให้พวกเราได้บัตร Guest ทั้งแก๊งค์เลยครับ งานนี้มีโค้ชฟิลม์เป็นไกด์พาทัวร์หลังแพ็ท  ด๊อกด้วย

 

 

ซึ่งระหว่างที่เดินไปก็ได้เจอนักแข่งหลายๆคนเลย ซึ่งทำให้กลุ่มพวกเราตื่นเต้นเป็นอย่างมากเลย ระหว่างทางก็ได้เจอกับ MM93 ที่กำลังออกจากหลังพิทเพื่อไปร่วมฉลองแชมป์กับ AM73 อีกด้วย หลังจากเดินแพ็ทด๊อกเสร็จพวกเราก็ได้ขึ้นไปยัง แกรนสแตน เพื่อนร่วมเชียร์นักแข่ง MotoGP

 

 

บรรยากาศที่สนามเซปังค่อนข้างต่างจากบ้านเราเลย เพราะว่าคนที่นี้ชอบ VR46 ซึ่งตัวผมเองเรียกว่าคลั่ง MM93 เลยดีกว่าครับ ซึ่งเกมส์การแข่งขันวันนั้น MVK12 คว้าแชมป์ประจำสนามไป แต่บรรยากาศที่นี่ที่ต่างจากบ้านเราคือ แฟนคลับของแต่ละคน จะลงมาในแทร็กเพื่อเดินไปยังโพเดียม เพื่อนร่วมเฉลิมฉลองกับนักแข่ง ซึ่งเป็นบรรยากาศที่เราไม่ได้เห็นที่เมืองไทย หลังจากนั้นพวกเราก็กลับไปยังโรงแรมเพื่อพักผ่อนและพร้อมเดินทางกลับไทยในกันถัดไป

 

 

ทริปนี้ผมต้องบอกว่า เปิดประสบการณ์ในการขับขี่รถในต่างแดนมากๆที่สำคัญไปเป็นขบวนใหญ่ด้วย แต่สิ่งที่ทุกคนมีเหมือนกันคือ การที่ทุกคนชอบขี่มอไซด์ ถึงจะคุยคนละภาษาแต่ก็มีหัวใจเดียวกันคือรักการท่องเที่ยวและได้ขี่รถ

 

 

ต้องขอของคุณ AP. Honda มากๆที่ให้โอกาสผมได้ร่วมเดินทางไปกับทริป Honda Asian Journey 2019 ในครั้งนี้ และได้มีโอกาสใกล้ชิดกับนักแข่งระดับโลกที่เรียกว่าหายใจรถต้นคือกันเลย