Ducati เปิดตัวโมเดลที่ 5 ของ World Première เป็นที่เรียบร้อยมาทั้งหมด 3 รุ่นด้วยกัน

เปิดตัว Streetfighter V4 ที่ได้พื้นฐานมากจาก Superbike อย่าง Panigale V4, S และ SP2 ปรับแต่งแชสซีเล็กน้อยให้เข้ากับสไตล์ Nakedbike

World Première โมเดลที่ 5 ก็ได้ออกมาอย่างเป็นทางการแล้วเรียบร้อยกับ Streetfighter V4 ที่ได้รับการปรับแต่งรีเฟรชใหม่ ซึ่งออกมาทั้งหมด 3 รุ่นด้วยกันนั่นคือ V4, V4 S และ V4 SP2 ได้รับการอัพเกรดในส่วนของแชสซีและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ของปีที่แล้วจะโมเดล Panigale ที่คงความทรงพลังไว้ด้วย 208 แรงม้า!!!

Ducati ได้ทำการแก้ไขแชสซีของ Panigale V4 ของปี 2022 หรือปีนี้นั่นเอง ได้ทำการยืดสวิงอาร์มออกไปเล็กน้อย 4 มิลลิเมตร เพื่อให้มีการทำความเร็วในโค้งที่ยาวได้ดียิ่งขึ้น ในรุ่น V4 จะได้รับโช้คหน้าของ Showa และด้านหลังของ Sachs รวมไปถึงกันสะบัดก็ได้มาจาก Sachs เช่นกันที่ได้รับการปรับแต่งที่นุ่มยิ่งกว่าเดิม แต่ในส่วนของรุ่น V4 S และ V4 SP2 จะได้รับระบบโช้คจาก Öhlins รวมไปถึงกันสะบัดด้วยเช่นกัน

ตัวล้อนั้นก็ได้มีความแตกต่างในแต่ละรุ่น V4 ธรรมดาจะได้รับล้ออัลลอยหล่อผสมอลูมิเนียม ส่วนรุ่น V4 S และ V4 SP2 จะได้รับล้อจาก Marchesini แต่คนละรุ่นกันแต่ว่าทั้ง 2 มีน้ำหนักเบาทำจากคาร์บอน ดุมล้อที่ทำจากอลูมิเนียม ซึ่งจะมีความเบากว่าล้อของ V4 ธรรมดาที่ 3.4 กิโลกรัม และเบากว่า V4 S 1.4 กิโลกรัม ใช้ยางขนาด 120/70 ZR 17 ที่ด้านหน้าและด้านหลัง 200/60 ZR 17

ขุมกำลังเครื่องยนต์นั้นเป็นเครื่องยนต์ Desmosedici Stradale V4 1103cc ทำแรงบิดได้ 123 นิวตันเมตรที่ 9,500 รอบต่อนาที และให้กําลังสูงสุด 208 แรงม้าที่ 13,000 รอบต่อนาที ถ้ายังแรงและเบาไม่พอ มีตัวเลือกเสริมให้กับผู้ใช้กับชุด Kit จาก Akrapovic ที่จะสร้างกำลังให้เครื่องยนต์มากถึง 220 แรงม้าและ 130 นิวตันเมตร น้ำหนักเบาลงอีก 5 กิโลกรัม เฉลี่ยการบริโภคน้ำมันอยู่ที่ 7.6 ลิตรต่อ 100 กิโลเมตร คำนวนแล้วจากเต็มถึง 17 ลิตร ก็จะสามารถทำระยะทางได้ 223 กิโลเมตร

อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์เพิ่มเติมเป็นที่รู้จักกันดีกับระบบ Evo 2 Ducati รับโปรแกรมความปลอดภัยในการขับขี่ที่ปรับแต่งใหม่ ได้ตั้งโปรแกรมการควบคุมการยึดเกาะถนนหรือ Traction Control และ Quickshifter รวมไปถึงระบบช่วงล่างที่หรับแต่งได้อย่างอิสระ

รูปลักษณ์ใหม่สําหรับ V4 มีรูปร่างที่ดูใหญ่ขึ้นเล็กน้อยที่ตัวถังและ Winglet จะอยู่ทั้งหมด 3 รุ่น การแยกรุ่นก็มองกันง่าย ๆ รุ่น SP2 นั้นจะทำจากคาร์บอน รุ่น V4 จะมีเพียงแค่สีแดง และ V4 S จะมีตัวเลือก 2 สีนั่นคือ แดง และ ดำ

ในเรื่องของราคานั้น V4 จะมีราคาวางจำหน่ายที่  23,390 ยูโร (877,000 บาท) V4 S มีราคาอยู่ที่ 26290 ยูโร (985,000 บาท) และในรุ่น SP2 มีราคาที่ 35990 ยูโร (1,350,000 บาท) ราคานี้ยังไม่รวมภาษีนำเข้าในแต่ละประเทศ

ขอขอบคุณที่มาจาก : Motorradonline

ติดตามข่าวสารวงการมอไซค์ : http://www.mocyc.com
Page Facebook : Mocyc.com
Youtube : มอไซค์
IG : MocycThailand