ล่าสุดฝ่ายจัดการแข่งขัน ได้ทำการเผยโฉมบัตรพลาสติกแข็ง ทั้ง 4 เวอร์ชั่น ได้แก่ บัตรแกรนด์สแตนด์ ,บัตรไซด์สแตนด์ ,บัตรมาเกซสแตนด์ และบัตรรอสซี่สแตนด์ ถูกออกแบบภายใต้คอนเซ็ปท์ #PrideofThailand อย่างสวยงาม ล้ำค่าน่าสะสม โดยคงเสน่ห์และเอกลักษณ์ ลวดลายที่บ่งบอกถึงความเป็นไทยที่งดงาม พร้อมให้แฟนมอเตอร์สปอร์ตชาวไทยแลกรับบัตรได้ในวันที่ 15 มิ.ย. นี้ เวลา 12.00 น. เป็นต้นไป ณ จุดแลกรับบัตร 35 จุด ทั่วประเทศ จนถึงวันที่ 25 กันยายน 2562 หลังจากนั้นสามารถแลกได้ที่หน้างาน

ความพิเศษของบัตร มาเกซ  และ รอสซี่ สแตนด์   นอกจากจะเป็นการรวมตัวของ แฟนพันธ์แท้ ของทั้ง 2 นักบิด ให้มารวมอยู่ในสแตนด์เดียวกันแล้ว  ยังมีของที่ระลึกพิเศษ  ให้กับแฟนคลับ ของทั้ง 2 ทีม ด้วย โดย ผู้ที่ซื้อบัตร มาเกซสแตนด์ จะได้รับ  เสื้อยืด และ ธง ในธีมสีแดง-ขาว ส่วนผู้ที่ซื้อบัตร รอสซี่ สแตนด์จะได้รับ  หมวกและ ธง ในธีมสีเหลือง-ดำ ซึ่งผู้ถือบัตร รอสซี่และมาเกซสแตนด์ สามารถนำบัตรมาแลกของที่ระลึกได้ที่หน้างาน (ของที่ระลึกเป็นไปตามที่เจ้าของสิทธิ์สแตนด์นักแข่งเป็นผู้กำหนด)

โดยวิธีการแลกบัตรแข็งนั้น สำหรับผู้ซื้อบัตร ให้นำหลักฐานการชำระเงิน (สลิปที่ซื้อบัตร) หรือ sms ที่ได้รับ พร้อมบัตรประชาชนผู้ซื้อมาแลกรับบัตร ที่จุดบริการ สำหรับกรณีให้ผู้อื่นรับแทนต้องมีทั้งเอกสารของผู้ซื้อบัตร คือ หลักฐานการชำระเงิน (สลิปที่ซื้อบัตร) หรือ sms ที่ได้รับ และสำเนาบัตรประชาชนของผู้ซื้อบัตร พร้อมใบมอบอำนาจ และสำเนาบัตรประชาชนของผู้รับมอบอำนาจ เพื่อให้ผู้รับมีสิทธิ์ในการรับบัตรแทน กรณีสลิปใบเสร็จและ sms สูญหาย ติดต่อคอลเซ็นเตอร์ โทร 0-2826-7788 สถานที่รับบัตรทั้ง 35 จุดทั่วประเทศ (ดูรายละเอียดสถานที่แลกบัตรได้ที่ www.allticket.com/faq/pickup)

นายตนัยศิริ ชาญวิทยารมณ์ กรรมการผู้อำนวยการ สนามช้างอินเตอร์เนชั่นแนลเซอร์กิต เปิดเผยว่า กระแสความนิยมโมโตจีพีในปีนี้ยังคงแรงอย่างต่อเนื่อง หลังจากการเปิดจำหน่ายบัตรเข้าชมการแข่งขันอย่างเป็นทางการในวันที่ 28 ก.พ. เพียงไม่ถึงชั่วโมง บัตรแกรนด์แสตนด์ถูกจับจองหมดทันที ถึงวันนี้บัตรมาเกซและรอสซี่ แสตนด์ สำหรับกองเชียร์สองนักบิดชื่อดัง ขณะนี้เหลือเพียงหลักสิบใบเท่านั้น สำหรับคนที่พลาดซื้อบัตรแกรนด์แสตนด์ไม่ทัน เรายังมีบัตรไซด์สแตนด์ ยังพอมีจำหน่าย ใครที่ยังไม่มีบัตร รีบจับจองด่วน

ทั้งนี้ ความสำเร็จของการจัดงานเกิดจากความร่วมมือทั้งภาครัฐและภาคเอกชน โดยมีบริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ พีทีที โออาร์ ในฐานะ ไตเติ้ล สปอนเซอร์ การแข่งขัน ,  หน่วยงานภาครัฐนำโดย การกีฬาแห่งประเทศไทย , กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ภาคเอกชน บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน), บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด, บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด, ธนาคารไทยพาณิชย์จำกัด (มหาชน), บริษัท แกร็บแท็กซี่ (ประเทศไทย) จำกัด และ บริษัท แพลนบี มีเดีย จำกัด (มหาชน) และผู้สนับสนุนอื่นๆ ที่ช่วยกันทุกด้านให้งานออกมาอย่างยิ่งใหญ่และรองรับแฟนมอเตอร์สปอร์ตจากทั่วโลก ให้ชมการแข่งขันอย่างสนุกสนาน ครบถ้วนทั้งกิจกรรมความบันเทิง จนคว้ารางวัล Best Grand Prix of The Year และถูกยกให้เป็นสนามแข่งขันที่ดีที่สุดประจำปี ที่สำคัญยังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจทั้งระบบอีกด้วย

“สำหรับการแข่งขัน พีทีที ไทยแลนด์ กรังด์ปรีซ 2019 สนามที่ 15 ที่ประเทศไทยเป็นเจ้าภาพการจัดการแข่งขันครั้งนี้ เชื่อว่าจะสนุกสนานและเข้มข้น ทั้งในส่วนของการแข่งขันและภาคความบันเทิง โดยทั้งภาครัฐและภาคเอกชนที่ต่างร่วมกัน สร้างสรรค์กิจกรรมเอาใจแฟนมอเตอร์สปอร์ตตลอด 3 วัน พบกับกิจกรรม Chang Music Connection และกิจกรรมมวยไทย Expo พบคู่มวยสุดมันส์ เอาใจแฟนกีฬา นอกจากนี้ยังมี สินค้ามอเตอร์สปอร์ตมากกว่า 100 ร้านค้า ในลานกิจกรรม PTT Thailand Grand Prix Expo ที่จัดเต็มสำหรับแฟนโมโตจีพีอย่างเต็มพิกัด”

นายตนัยศิริ กล่าวทิ้งท้ายว่า “ปีนี้เรามีการปรับเปลี่ยนที่นั่งสำหรับผู้ชมในส่วนของอัฒจรรย์ไซด์แสตนด์ทั้งหมด โดยล่าสุดได้ทำการติดตั้งให้นั่งสบายยิ่งขึ้น และเสริมความปลอดภัยให้โซนที่นั่งชมทุกจุด ซึ่งเราเดินหน้าทำงานอย่างเต็มที่ โดยได้ติดตั้งอัฒจรรย์ใหม่สมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นต์ เพื่อให้พร้อมที่สุด และแข็งแรงที่สุด สำหรับการรองรับแฟนความเร็วที่หลั่งไหลจากทั่วโลก”