ตลาดรถจักรยานยนต์ปิดไตรมาสแรก เติบโต 133 % มอเตอร์ไซต์ เอ.ที. ส่งกระแสแรงต่อเนื่อง | ตลาดรถ,

ตลาดรถจักรยานยนต์ปิดไตรมาสแรก เติบโต 133 %
มอเตอร์ไซต์ เอ.ที. ส่งกระแสแรงต่อเนื่องเติบโตสูงสุดถึง 139 %
ขณะที่ระบบหัวฉีด สร้างความมั่นใจเกินกว่าครึ่งตลาด กวาดสัดส่วนกว่า 54 %

     
ภาพรวมตลาดรถจักรยานยนต์ไทยปิดไตรมาสแรกได้อย่างสวยงาม เติบโตถึง 133% ส่งสัญญาณคึกคักรับเศรษฐกิจช่วงซัมเมอร์ ด้วยยอดจดทะเบียนสะสม 3 เดือนแรกของปีที่ 466,415 คัน โดยในเดือนมีนาคมจบตัวเลขได้สูงสุดของไตรมาสนี้ที่ 169,420 คัน เติบโตขึ้น 18% เมื่อเทียบกับปีเดียวกันเดือนก่อนหน้า โดยรถประเภท เอ.ที มีอัตราการเติบโตสูงสุดที่ 139% ซึ่งสามารถรักษากระแสความฮิตยอดนิยมติดลมบนเทียบเคียงรถจักรยานยนต์ประเภทครอบครัว เทียบสัดส่วนเท่ากันที่ 48% จากสัดส่วนปีที่แล้วที่ 46% สำหรับรถ เอ.ที และ 50% สำหรับรถครอบครัว ขณะที่เทรนด์การขับขี่ใหม่ระบบจ่ายน้ำมันแบบหัวฉีด ขึ้นกวาดแชร์เปลี่ยนสัดส่วนตลาดรวมได้เกินครึ่งถึงกว่า 54% ค่ายผู้นำฮอนด้ายิ่งมั่นใจ เร่งเปิดเกมรุกตอกย้ำประสิทธิภาพรถฮอนด้าเอ.ที หัวฉีดเต็มกำลัง ด้วยกิจกรรมสื่อสารการตลาดโดนใจกลุ่มวัยรุ่นวัยทีน พร้อมส่งรถ เอ.ที สีใหม่เข้าสู่ตลาดในไตรมาสที่สอง หลังเปลี่ยนตลาดป้อนมอเตอร์ไซต์ระบบหัวฉีดเต็ม 100% หวังสร้างเทรนด์การขับขี่ใหม่ให้กับผู้ขับขี่ได้ครบถ้วนทุกเซกเมนต์

      นายธีระพัฒน์ จิวะพงศ์ กรรมการบริหารฝ่ายขาย บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด เปิดเผยถึงสภาพตลาดรถจักรยานยนต์ว่า "ในช่วงไตรมาสแรกที่ผ่านมามีปริมาณยอดสะสมจดทะเบียนป้ายวงกลมรวมทั้งสิ้น 466,415 คัน เทียบเท่าอัตราการเติบโตของตลาดที่สูงถึง 133% เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้าที่มีจำนวน 351,019 คัน ซึ่งมีปริมาณการจดทะเบียนเพิ่มขึ้น 115,396 คัน นับเป็นสัญญาณที่ดีของการเติบโตปิดฉากไตรมาสแรกอย่างสวยงามตลอดช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา โดยฮอนด้าขานรับสัญญาณเติบโตภาพรวมของทิศทางเศรษฐกิจเต็มที่ โตถึง 144% โดยมียอดจดทะเบียนรวมไตรมาสแรกที่ 326,601 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาดที่ 70%"

      และหากศึกษาถึงรายละเอียด จะเห็นว่าภายใต้สัญญาณของการเติบโตตลาดภาพรวมนั้น ยังสะท้อนตัวเลขเชิงลึกให้เห็นถึงกระแสการเติบโตของกลุ่มรถจักรยานยนต์ประเภทแบบ เอ.ที ที่ปัจจุบันได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ จนสามารถครองสัดส่วนความนิยมได้เทียบเท่ากับรถประเภทครองครัวในไตรมาสแรกที่ 48% ซึ่งเหตุผลหนึ่งของการเติบโตนี้ ส่วนหนึ่งเป็นผลจากการที่ทุกค่ายผู้ผลิตต่างส่งหลากรุ่นรถในประเภทนี้เข้าแข่งกันชิงความนิยมกันเป็นอย่างมาก อีกทั้งยังใช้กลยุทธ์ในการส่งเสริมการจำหน่าย ผลักดันแคมเปญพร้อมรุกสร้างความน่าสนใจให้กับตัวสินค้ามากขึ้น ซึ่งสภาพตลาดช่วงหลังจากนี้ คาดการณ์ว่ารถจักรยานยนต์ประเภท เอ.ที จะยังคงสร้างความคึกคักและความตื่นตัวให้กับตลาดได้ต่อไป ซึ่งฮอนด้าขึ้นนำชัยในไตรมาสแรกกวาดแชร์เซกเมนต์ดังกล่าวได้เกินครึ่งถึงกว่า 57% หรือที่ 125,855 คัน จากยอดจดทะเบียนประเภทรถ เอ.ที รวมทั้งหมด 222,375 คัน รองลงมาเป็นยามาฮ่า 41% และ ซูซูกิ 2%

nOw_hOw

      ในฐานะผู้นำ เพื่อเป็นการผลักดันตลาดรถประเภท เอ.ที อย่างต่อเนื่อง ฮอนด้าจึงได้รุกกิจกรรมสานต่อไลฟ์สไตล์ความสนุก ตั้งแต่เดือนเมษายนนี้ ด้วยกิจกกรรม "สกู๊ปปี้ ดี-เดย์" ร่วมกับร้านผู้จำหน่ายรถจักรยานยนต์ฮอนด้า ชวนวัยรุ่นวัยแนวทำเรื่องดีๆ ในหนึ่งวันให้เป็นเรื่องมันส์ๆ แบบโดนใจกันทั่วประเทศ พร้อมรุกต่อเนื่องกับกิจกรรมในเดือนพฤษภาคม ด้วยการร่วมผนึกกำลังกับรายการวัยรุ่น 5 Live และ OIC รวมพลังคนรักโลก สร้างปรากฏการณ์เพื่อโลกสวยในงาน "For World Forward by Honda Click i" นำโดยบี้ เดอะสตาร์ ในวันที่ 15 พฤษภาคม ที่จะถึงนี้ ณ ไอแลนด์ฮอลล์ ชั้น 3 ศูนย์การค้าแฟชั่นไอแลนด์ เพื่อเป็นการตอกย้ำความนิยมและความเชื่อมั่นในรถประเภท เอ.ที และโดยเฉพาะรถระบบหัวฉีด PGM-FI พร้อมกระตุ้นตลาดส่งรถเอ.ที หัวฉีดสีสันใหม่เพิ่มขึ้น ต้อนรับฤดูร้อนในไตรมาสที่สองพร้อมกันถึง 3 รุ่น ทั้งฮอนด้า พีซีเอ๊กซ์ ในรูปโฉมสีขาวใหม่ดูสมาร์ท, ฮอนด้า คลิก ไอ สีน้ำตาล-ดำ, สีน้ำเงิน และสีชมพู-ดำ และฮอนด้า สกู๊ปปี้ไอ สีเหลือง-ดำ ในรุ่นฟัน, สีฟ้า-ขาว ในรุ่นคิวท์ และสีแดง-น้ำตาลในรุ่นเพรสทิจ

     สำหรับรายงานตัวเลขตลาดรถจักรยานยนต์ทุกประเภทเดือนมีนาคม 2553 มียอดจำหน่ายรวมที่ 169,420 คัน แบ่งเป็นรถจักรยานยนต์แบบเอ.ที 83,011 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 49% ซึ่งขึ้นนำรถจักรยานยนต์แบบครอบครัวที่มียอดจดทะเบียนที่ 78,635 คัน หรือเทียบเท่าสัดส่วนตลาด 46% สำหรับรถจักรยานยนต์ในแบบครอบครัวกึ่งสปอร์ตมีจำนวน 3,983 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 2% แบบสปอร์ต 1,091 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 1% และแบบออฟโรดรวมประเภทอื่นๆ 2,700 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาดกว่า 1%

     ในขณะที่หากแบ่งแยกเป็นยอดจดทะเบียนตามประเภทของผู้ผลิตในเดือนมีนาคม รถจักรยานยนต์ฮอนด้า 117,626 คัน เทียบเท่าอัตราครองตลาด 69%, ยามาฮ่า 41,705 คัน อัตราครองตลาด 25%, ซูซูกิ 5,893 คัน อัตราครองตลาด 3%, อื่นๆ ได้แก่ คาวาซากิ 2,418 คัน , เจอาร์ดี 23 คัน, แพล็ตตินั่ม 58 คัน, ไทเกอร์ 189 คัน และอื่นๆ 1,508 คัน
nOw_hOw
nOw_hOw
ภาพและข้อมูลจาก :