ก็ถูกต้องตาม คห. 10 ครับ ผมก็ไม่ได้เถียงนะครับ ตามร้านจะบอกที่เข้าใจกันคือ ชาร์ตแบบเร็ว กับช้า ..ซึ่งก็คือตามที่ว่านั้นแหละครับ ..ผมก็รู้และจะเลือกให้ชาร์จแบบช้า...แต่ปัญหามันก็คือ ..เมื่อลับตาแล้วเราก็ไม่รู้เค้าจะมาเร่งทีหลังหรือเปล่า (คิวเพียบ) ส่วนมากไปถึง วางไว้ให้ซะแบตฯ เย็นเจี๊ยบแล้ว ก็พอเดาได้นิ ที่สำคัญผมว่า หากรถมีระบบไฟที่ดี ..วิ่งใช้งานทุกวัน ให้ได้รอบการชาร์จตลอด และอุปกรณ์ต่อพ่วงไฟฟ้าไม่มากเกินกำลังแบตฯ..ผมว่าแทบจะไม่ต้องเข้าร้านเลยครับ ..ดูน้ำกลั่นก็พอ มันจะชาร์จให้ตลอดอยู่แล้วครับ ยกเว้นกรณีไม่ค่อยได้ใช้รถ ..จอดมากกว่าวิ่ง อันนี้คือปัญหาของแบตฯ ทุกประเภทครับ เพราะมันจะคายประจุของมันเอง แม้ไม่ได้ใช้งาน ปล. เวลาชาร์จ หรือเปิดแบตฯ สำหรับเติมน้ำกลั่น ห้ามให้อยู่ใกล้ประกายไฟ เช่น บุหรี่เป็นต้น ..เพราะก๊าซไฮโดรเจนที่ละเหยออกมาจากแบตฯ มันติดไฟได้ครับ (มีระเบิดกันมาแล้ว) จริง ๆ ผมว่าคงรู้กันหมดแล้วแหละ ..แต่ย้ำเตือนเผื่อลืม หรือเผลอเรอครับ

ตอบ คห.4 และ 7. กรณีที่ คห.7 ชมว่าคห.4 ตอบตรงประเด็นนะครับ.... ผมยังมีความเห็นแย้งว่า กรณีที่เวลาที่ช่างตามหมู่บ้านนำแบตแห้งมาแช่น้ำเวลาชาร์จนั้นเป็นการแก้ไขที่ปลายเหตุ เสมือนกับว่าคนที่ท้องร่วงเพราะติดเชื้อเข้าไป แทนที่จะทานยาฆ่าเชื้อที่เป็นสาเหตุให้ถ่ายท้อง กลับไปทานเฉพาะยาป้องกันการบีบตัวของลำไส้(Stop Cock)ไม่ให้มีการถ่าย เช่นเดียวกับการชาร์จแบตแห้งด้วยกระแสไฟที่สูงๆ ที่ไปทำให้แผ่นธาตุตะกั่วร้อนมากเกินไป แล้วบอกว่าให้นำแบตไปแช่น้ำด้วยเหตุที่จะไม่ให้เปลือกแบตละลายนั้นเท่ากับเป็นการข่มขืนแบตไปแล้วเพราะคุณไปชาร์จด้วยกระแสที่สูงผิดธรรมชาติ ที่แบตแห้งพึงควรได้รับการชาร์จด้วยกระแสที่ต่ำกว่า เพื่อลดปริมาณไอแก๊สไฮโดรเจนที่ที่ผลิตผลพลอยได้จากการชาร์จ ทำให้เกิดความดันที่สูงมากด้วย(ทั้งนี้เหตุเพราะแบตแห้งจะถูกปิดผนึกไม่ให้มีการระเหยทั้งไอน้ำและแก๊สไฮโดรเจน) ทั้งนี้เนื่องจากแบตตัวเปลือกพลาสติกที่ห่อหุ้มแผ่นธาตุตะกั่ว ยังเป็นฉนวนความร้อนพอสมควร กว่าที่ความร้อนจะถ่ายเทมายังเปลือกแบตและเปลือกแบตถ่า่ยความร้อนมายังน้ำที่นำมาไว้แช่แบตแล้ว ตัวแผ่นธาตุก็จะมีการสึกกร่อนที่เร็วกว่าปกติทำให้อายุการใช้งานสั้นลงอย่างเร็วด้วย ขอให้ไปดูความรู้เกี่ยวกับธรรมชาติและนิสัยของแบตแบบตะกั่ว-กรด นี้ได้จากที่นี่ครับ http://www.onlineshop.kasate.com เพื่อให้เราได้ชะลอการซื้อแบตลูกใหม่เร็วขึ้น จะได้ประหยัดเงินในกระเป๋าได้มากขึ้นนั่นเองครับ

มาอัพเดทให้นะครับ ณ ปัจจุบันนี้วงการแบตเตอรรี่ได้พัฒนาไปอีกขั้น ตอนนี้แบตน้ำที่เป็นชนิด MF (เมนเทนแนน ฟรี) เป็นแบบต้องเติมน้ำกลั่นแต่การระเหยน้อยมาก ลดภาระการดูแลน้ำกลั่นแบตฯ ลงได้มาก เดือนดูครั้งก็ยังได้ และส่วนมากจะไม่ลดระดับมากครับ ของมอร์ไซค์ยังไม่เห็นครับ แต่ของรถยนต์มีใช้กันแล้ว ข้อดีคือ ดูแลไม่ยาก ราคาไม่แพง ส่วนแบตแห้งตามที่เข้าใจ หรือแบตแบบปิดผนึก SMF (ซีล เมนเทนแนน ฟรี) ที่ไม่ต้องเติมน้ำกลั่นตลอดอายุการใช้งาน ราคาจะค่อนข้างแพงครับ ข้อดีก็อย่างที่ว่า ๆ กันนะครับ คือ ไม่กระฉก หก..กระแสไฟแรงสม่ำเสมอ แต่กับความเห็นส่วนตัว ..ทุกอย่างอยู่ที่การดูแลครับ แบตน้ำยี่ห้อดี ๆ มีคนใช้ได้เกิน 4 ปี ก็มีมาแล้วครับ ทนใช้ได้เลย

เท่าที่รู้ แบตแห้ง จ่ายไฟดีกว่า ดูแลง่ายกว่า วางได้ทุกแนว และแพงกว่า แบตน้ำ อายุยาวนาน แต่ต้องดูแลน้ำกลั่นหน่อย ราคาถุก แต่วางได้แค่แนวตั้งอ่ะนะ

คห 4 ตอบ ชอบ ตรงประเดน

ขายเครื่องชาร์จแบตเตอรี่แบบตะกั่ว-กรด อัตโนมัติ เต็มตัด ตกต่อ เครื่องชาร์จแบตเตอรี่แบบตะกั่ว-กรด อัตโนมัติ ใช้ ชาร์จ แบตเตอรี่แบบตะกั่ว-กรด 6 V.DC. และ 12 V. DC. โดยระบบจะทำการชาร์จอย่างช้าๆอัตโนมัติ(กระแสประมาณ 150mA -3 A.) และเมื่อชาร์จเต็มแล้วจะตัดกระแสชาร์จให้โดยอัตโนมัติ และเมื่อกระแสไฟต่ำลง ระบบจะทำการชาร์จให้อีกโดยอัตโนมัติ เพื่อเติมประจุให้เต็มอยู่เสมอ ทำให้ยืดอายุการใช้งานออกไปได้นานมากๆ ซึ่งแบตฯประเภทนี้มี สองชนิดคือ 1. แบบมีจุกเปิดเพื่อเติมน้ำกลั่น(แบตรถมอเตอร์ไซต์และแบตรถยนต์) หรือที่เรียกกันว่า แบตน้ำ 2. แบบไม่มีที่เติมน้ำกลั่น หรือที่เรียกกันว่า แบตแห้ง ใช้กับเครื่องสำรองไฟฉุกเฉินคอมพิวเตอร์(UPS) แต่เดี๋ยวนี้มีตัวใหญ่ขึ้นมาเพื่อใช้กับรถ ATV หรือแม้กระทั่งรถยนต์เก๋งและปิกอัพกันแล้วครับ (บางคนเรียกว่าแบตเตอรี่แห้ง...แต่จริงๆไม่ได้แห้งนะครับ หากแกะฝาปิดที่เป็นแผ่นพลาสติกแผ่นเรียบออก ก็จะเห็นจุ๊ปยางปิดซีลไว้ที่รูช่องเติมน้ำกรด ซึ่งจริงๆแล้วก็คือแบตเตอรี่แบบตะกั่ว-กรด เช่นเดียวกัน แต่ไม่ต้องเติมน้ำกลั่น หรือเรียกว่า Maintenance Free นั่นเอง) ซึ่งแบตฯประเภทหลังนี้หากชาร์จโดยกระแสไฟมากเกินปกติ จะทำให้แผ่นธาตุตะกั่วร้อนมาก จนทำให้แบตฯบวมได้ และทำให้แบตฯเสียหายได้ ธรรมชาติของแบตฯตะกั่ว-กรด ทั้งสองประเภทนี้ จะต้องให้ไฟแบตฯอยู่ในสถานะที่มีประจุไฟเต็มอยู่เสมอ จึงจะยืดอายุการใช้งานได้นานๆ หากปล่อยหรือมีการใช้แบตฯจนหมดประจุบ่อยๆแล้วนำมาชาร์จ จะทำให้แบตฯมีอายุการใช้งานที่สั้นลงมาก(เช่นแม่ค้าขายของตามตลาดนัดหรือขายเร่กลางคืน หากใช้ไฟหมดแล้วมาชาร์จ จะทำให้แบตฯเสื่อมเร็ว-ไม่เก็บไฟ หรือบางท่านที่ไม่ค่อยได้ใช้รถยนต์ทำให้ต้องจอดไว้เป็นเวลานานจนทำให้แบตคายประจุจนหมดนั้น จะเป็นสาเหตุให้แบตเสื่อมเร็วและเปลี่ยนแบตอยู่บ่อยๆ) และกรณีที่เป็นแบตฯน้ำนั้น จะต้องดูแลไม่ให้น้ำกรดแห้งเป็นเด็ดขาด เพราะจะทำให้แบตฯเสื่อม-ไม่เก็บไฟ และการชาร์จด้วยเครื่องชาร์จ(เครื่องชาร์จทั่วไปที่เป็นตู้ใหญ่ๆ)ที่ทำการ ชาร์จด้วยกระแสสูงแล้วไม่มีการตัดไฟอัตโนมัติ ก็จะทำให้แผ่นธาตุตะกั่วร้อน น้ำกรดเดือด และแห้งบ่อยหากไม่ได้ตรวจเช็คบ่อยๆ จึงเป็นสาเหตุของการทำให้แบตเสื่อมเร็ว ปัญหานี้จะหมดไปเมื่อท่านได้ใช้เครื่องชาร์จอัตโนมัติที่เรากำลังแนะนำ ท่านอยู่ในขณะนี้ คำแนะนำ: ขณะทำการชาร์จไม่ควรใช้ไฟจากแบตไปพร้อมๆกัน (เช่นเปิดไฟหน้ารถหรือเปิดเครื่องเสียงที่กินไฟมาก) ควบคู่ไปกับการชาร์จ เพราะจะทำให้วงจรชาร์จเสียหายได้ หากใช้ไฟน้อยๆก็ไม่เป็นไร SEALED LEAD-ACID BATTERY CHARGER 0-3 A. Detail: ● LED display showing circuit working. ● Automatic Charging current: 150 mA.- 3A. ● Charging battery type: sealed lead acid battery or lead acid battery. สินค้าที่จำหน่าย สามารถพกพาสะดวก และสามารถนำไปใช้ชาร์จแบตฯรถยนต์ได้ทันที โดยไม่จำเป็นต้องถอดขั้วแบตฯออกจากระบบปกติของรถยนต์ จึงเหมาะสำหรับรถยนต์ที่ไม่ค่อยได้ใช้งาน(ทำให้ยืดอายุแบตฯออกไปได้นานหลายๆ ปี) รวมถึงแบตฯแห้งทั้งหลายที่ไม่ควรใช้เครื่องชาร์จกระแสสูงเกินไปอันจะทำให้แบตฯร้อนและเสื่อมเร็ว(ไม่เก็บไฟ) และทำให้แบตเสียหาย(เปลือกแบตฯพลาสติกบวมผิดรูป) รวมถึงแบตฯของไฟฉุกเฉินอัตโนมัติ หมายเหตุ: การชาร์จไฟที่กระแสต่ำๆจะช่วยยืดอายุการใช้งานแบตเตอรี่ ***** สุดคุ้ม เมื่อเทียบคุณภาพที่ท่านจะได้รับกับราคาที่เบาๆ ไม่ต้องไปหาซื้อเครื่องชาร์จอัตโนมัติที่มีราคาสี่-ซ้า-ห้าพันบาท****** เพราะเราขายเพียงราคา 450.- บาทต่อชุด(กรณีสั่งซื้อ 10 ชุดแถมฟรี 1 ชุด) ค่าขนส่งทางไปรษณีย์ ทั่วประเทศ 50.- บาท(กรณีชำระโดยการโอนเงิน) หากสั่งซื้อทาง พกง.จะเพิ่มค่าขนส่งเป็น 100.-บาทต่อชุด สนใจ โทร.086-7190172 ชนินทร์ สัตตธารา 540 ถ.โชคชัย-เดชอุดม ต.นางรอง อ.นางรอง จ.บุรีรัมย์ 31110 หรืออีเมล์สอบถามได้ที่ nangrongcomputerclinic@yahoo.com หรือเข้าชมรายละเอียดได้ที่ http://onlineshop.kasate.com

ขอขอบคุณสำหรับทุกคำตอบนะครับ

1. ต่างกันอย่างไร แบตแห้ง (ปิดผนึก) จะเติมน้ำกรดเพียงครั้งเดียว จบ ..ส่วนแบตน้ำ เติมน้ำกรดครั้งเดียว แต่ครั้งต่อไปต้องเติมน้ำกลั่นดูแลอย่าให้ขาด (และห้ามเติมน้ำกรดอีกเป็นอันขาด) ต่างกันที่การเติมน้ำครับ 2. แบบใหนดีกว่ากัน พอ ๆ กันแล้วแต่ชอบครับ 3. ชาร์จได้หรือไม่ พวกนี้สามารถรีชาร์ตไฟได้ครับ (ยกเว้นถ่านไฟฉายตรากบ) แต่แบตแห้ง ต้องแช่ร์น้ำครับ มันไม่มีรูระบายอากาศที่ดี เวลาชาร์จแบตจะร้อน อันตรายครับ หากไม่แช่ร์น้ำ ไม่แผ่นธาตุบวม เสื่อม พัง ก็มีสิทธิระเบิดได้เช่นกันนะครับเป็นเล่นไป.. 4. อายุใช้งาน ทั้งสองแบบ หากเป็นผลิตภัณฑ์ และตรายี่ห้อเป็นที่น่าเชื่อถือ ..อายุใช้งานพอ ๆ กันครับ โดยทั่วไปจะอยู่ที่ 2-3 ปี ใครใช้ได้เกินนี้ถือเป็นกำไรชีวิตครับ

แบตแห้งของ DIAMON ใช้มา 3 ปี จะเข้า 4 ปีแล้วยังใช้ได้ดีครับ ช่วงนึงไม่ได้ขับรถนาน แบตอ่อน เลยนำมาชาร์จไฟใหม่ ก็ใช้ได้ปกติจนถึงทุกวันคร้าบ

ตอบแบบงูๆปลาๆนะครับ แบตน้ำ ก็เหมือนแบตรถยนต์ คือมีช่องเติมน้ำกลั่น ใช้น้ำกลั่น/น้ำกรด ทำปฏิกิริยากับแผ่นธาตุ เกิดกระแสไฟฟ้าขึ้น ส่วนแบตแห้งจะเป็นลูกสี่เหลี่ยมธรรมดา ไม่มีช่องเติม แต่ก็จะมีสารเคมีบางชนิดบรรจุอยู่ สร้างกระแสไฟฟ้าได้เหมือนกัน อาทิเช่น ถ่ายไฟฉาย แบตมือถือ แบตวิทยุสื่อสาร หรือแบตปืน BB GUN นั่นเอง แบบไหนดีกว่ากัน คงตอบแบบฟันธงไม่ได้ อยู่ที่การเลือกใช้ และความเหมาะสมของราคา เพราะส่วนใหญ่แบตน้ำ จะมีราคาถูกกว่า แต่ก็ต้องการการดูแลรักษา คือ ต้องคอยเช็คน้ำกลั่นทุกอาทิตย์ หรือทุกเดือน ส่วนแบตแห้งไม่ต้องเช็คน้ำกลั่น ส่วนตัวผมเอง เคยใช้แบตน้ำ แล้วไม่ชอบ เพราะเวลาขี่ไกลๆ ไฟชาร์จมาแรง น้ำกรดจะเดือด และหยดติ๋งๆ ทำให้รถเปรอะเปื้อน และมีรอยด่าง และไอน้ำกรด มีผลต่อสุขภาพ (รถยนต์ใช้กันไม่เป็นไร เพราะแบตมันอยู่นอกห้องโดยสาร แต่เราชาวมอไซต์ นั่งคร่อมแบตอยู่ตลอดเวลา) แบตแห้ง ก็ชาร์จแบบธรรมดาได้ครับ เพราะร้านที่รับชาร์จ ก็เห็นมันมีเครื่องชาร์จอยู่ชนิดเดียว แต่ต้องปรับกระแสให้ตรงกับแบตลูกนั้นๆ (ชาร์จเร็ว/ชาร์จช้า) อายุการใช้งาน คิดว่า คงพอๆกัน เพราะลองใช้มาแล้วทั้งสองแบบ ก็ไม่เห็นอายุจะต่างกันเท่าไหร่ ตอบเท่าที่รู้นะครับ