ขี่มอไซค์ไป Unseen ที่ดอยผ้าขาวน้อย

ดอยผ้าขาวน้อย 

บางการเดินทางอาจเริ่มต้นจากแรงบันดาลใจที่ยิ่งใหญ่  แต่บางการเดินทางอาจจะเริ่มต้นจากรูปถ่ายเพียงใบเดียว

( ข้อมูลจากกระทู้  https://pantip.com/topic/33706743 )


     “ดอยผ้าขาวน้อย (Doi Pha Khao noi)” ณ บ้านขุนแตะ ตำบลดอยแก้ว อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ คือจุดมุ่งหมายของทริปนี้ ภาพวิวแปลกตาที่เราไม่อาจเลื่อนผ่านไปในเฟสบุค ทำให้เราอยากออกไปค้นหา อยากออกไปสัมผัส อยากไปให้เห็นด้วยสองตาของเราเอง จนต้องหาข้อมูล เขียนเป้าหมาย ชักชวนสหาย  แล้วก็อดใจไม่ไหวที่จะควบมอเตอร์ไซค์ออกไปเที่ยวในวันนั้น และที่พิเศษมากสำหรับทริปนี้คือ หนึ่งในสมาชิกพาคุณพ่อมาออกทริปด้วย ถือว่าเป็นการใช้เวลาว่างในวันหยุดของครอบครัวที่ดีจริงๆ ทุกครั้งที่เห็นก็อดอมยิ้มไม่ได้ และในทริปนี้ เราก็ไม่ได้จำกัดว่ารถจะต้องเป็นสไตล์ไหน ขอมีเพียงแค่มอไซค์กับใจถึง ๆ ก็พอ

 

     การเดินทางเราเริ่มเดินทางจากตัวจังหวัดเชียงใหม่ ไปยัง อำเภอจอมทอง แล้วมุ่งตรงไปสู่หมู่บ้านขุนแตะ ระหว่างทางหากมองไปทางซ้าย เราจะพบป้ายทางเข้า ”น้ำตกแม่เตี๊ยะ” เราจึงถือโอกาสพักรถและพักสายตาในอาณาบริเวณที่ร่มรื่นด้วยเงาของต้นไม้ใหญ่ ฟังเสียงน้ำตกกระทบโขดหิน  มองสายน้ำที่ลดหลั่นเป็นชั้นตามแรงโน้มถ่วงของโลก ละอองเย็นโปรยปลิวมากระทบใบหน้าของเรา ให้ความรู้สึกสดชื่นและสงบในใจอย่างอธิบายไม่ถูก นอกจากปลายทางที่เป็นจุดหมายแล้ว ระหว่างทางก็ทำให้เรามีความสุขได้ไม่แพ้กัน หากใครผ่านถนนเส้นนี้ ก็ไม่เห็นว่าจะมีเหตุผลที่จะไม่แวะแม้แต่ข้อเดียว

 

     เพียง 90 กิโลเมตรจากจังหวัดเชียงใหม่ แม้จะไม่ไกลแต่การเตรียมพร้อมรถก่อนการเดินทางถือว่าเป็นเรื่องสำคัญ เส้นทางไปบ้านขุนแตะนั้น ช่วงที่เราไปถือว่าค่อนข้างลำบาก เพราะเป็นฤดูฝนและอยู่ในช่วงที่กำลังปรับปรุงถนนพอดี ต้องขี่รถสลับไปมาระหว่างทางคอนกรีตและทางดิน ซึ่ง ณ ปัจจุบันเส้นทางสายนี้ ได้รับการปรับปรุงดีขึ้นมากแล้ว เป็นถนนลาดคอนกรีตไปจนถึงตัวหมู่บ้าน 

(ภาพเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 2558) 

(สภาพเส้นทางเมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน 2559) 


     แม้จะเตรียมตัวมาค่อนข้างดี แต่ก็ยังมีปัญหาที่เราจะต้องแก้ รถผู้ร่วมทริปสองคันเกิดขัดข้อง คันแรกมีปัญหากับน้ำมันเครื่องจึงต้องหันหลังกลับ อีกคันยางรั่วแต่ก็ยังมีใจสู้ ไปยืมสูบของชาวบ้านมาช่วยกันสูบจนลมเต็มแล้วไปต่อ แต่ก็ไปไม่ไหวต้องจอดรถทิ้งไว้แล้วไปซ้อนคันอื่น การที่ผู้ร่วมทริปต้องแยกกลับไปก่อน ก็เป็นเรื่องที่น่าเสียดายอยู่ไม่น้อย


     เมื่อมองจากตัวหมู่บ้าน ดอยผ้าขาวน้อยก็ตั้งตระหง่านอยู่เบื้องหน้า เราขี่มอเตอร์ไซค์ไปกันต่อกับระยะทางที่เหลือราว 10 กิโลเมตร เป็นเส้นทางวัดใจว่าจะไปต่อหรือจะท้อแล้วหันหลังกลับ เพราะเส้นทางทั้งแคบ ชัน และลื่น จนเราต้องได้ช่วยกันทั้งดึง ทั้งดันและช่วยกันเข็นรถ แม้จะล้มแล้วล้มอีกจนนับครั้งไม่ได้ แต่ทุกครั้งที่ล้มลง ก็จะมีมือของเพื่อนร่วมทริปยื่นมาดึงให้เราลุกขึ้นทุกครั้งไป เพราะดินที่อ่อนนุ่มในฤดูฝนกับการแต่งกายที่รัดกุม จึงทำให้เราเจ็บไม่มาก ไม่เป็นแผล และมีเสียงหัวเราะทุกครั้งที่ล้ม ถือได้ว่าเป็นความสนุกและท้าทายอีกรูปแบบหนึ่ง

 

     นอกจากความลื่นและชันที่เราต้องเจอ การหลงทางสำหรับทริปนี้ก็ถือเป็นเรื่องปกติ เพราะทางที่ใช้ส่วนใหญ่เป็นแนวกันไฟ แคบๆ และปกคลุมไปด้วยต้นหญ้า กว่าจะถึงที่หมาย ก็นับไม่ได้ว่าหลงไปแล้วกี่รอบ แต่สุดท้ายแล้วหากเราพยายามก็ไม่ยากเย็นเกินกว่าจะไปให้ถึงซึ่งเป้าหมาย สุดทางดินเราจอดมอเตอร์ไซค์ไว้ เดินเท้าอีกนิดหน่อยเราก็พิชิตดอยผ้าขาวน้อย ได้สำเร็จ

 

     เบื้องหน้าเนินหินเล็กๆกับวิว 180 องศา ขวามือคือหมู่บ้านขุนแปะที่เราขี่ผ่านก่อนจะมาถึงที่นี่ ซ้ายมือคือละอองหมอกล่องลอยสะท้อนกับแสงแดดยามบ่ายทอดเป็นสายรุ้งเหนือผืนป่า ชะง่อนผาที่เราเห็นแค่ในรูปถ่าย วันนี้กลายมาเป็นภาพจริงตรงหน้า

 

 

     เรานั่งรับสายลมเย็นที่พัดมาจากเบื้องล่างจนความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าหายไปจึงได้เดินลงเนินไปถ่ายรูปกับหน้าผา  ทางขึ้นทั้งแคบและชัน ระหว่างปีนป่ายจึงต้องใช้ความระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะหากพลาดพลั้งไปอาจจะได้รับบาดเจ็บที่ไม่ใช่แค่เข่าถลอกหรือข้อศอกเป็นแผล  หลังจากถ่ายภาพกับหินก้อนนี้ ก็เหมือนกับว่าเราได้บรรลุเป้าหมายเล็กๆในใจไปอีกข้อหนึ่ง ความงามที่คนอื่นเล่า กับความงามที่เราเห็นด้วยตา ต่างกันจนไม่สามารถคำนวณออกมาเป็นปริมาณได้ 

 

     บางครั้ง เราอาไม่ได้ต้องการแรงบันดาลใจมากมายในการออกเดินทาง  อาจเป็นเพียงรูปถ่ายเพียงใบเดียว ประโยคบอกเล่าสั้นๆ  หรือคำชักชวนจากสหายไม่กี่คำ ก็นำเรามาสู่สถานที่ที่เราไม่เคยไป ให้หัวใจเราเบิกบาน

     รอบๆ ตัวเรายังมีที่เที่ยวอีกมากมาย ออกไปสัมผัสในช่วงเวลาที่ยังมีแรงเหลือ ยังมีเวลาพอ อย่าปล่อยให้เวลามันผ่านไปจนวันหนึ่งเราจะต้องพูดกับตัวเองว่า รู้อย่างนี้ออกไปเที่ยวตั้งนานแล้ว 

วันหยุดนี้คุณทำอะไรกัน สำหรับเราก็ยังคง ขี่มอเตอร์ไซค์ไป Unseen