รีวิว และ ทดสอบ Yamaha YZF-R6 2017 รถสายพันธุ์ Super Sport 600 ซีซี
วันนี้ทีมงาน Mocyc.com ก็ได้มีโอกาสได้มาทดสอบขับขี่ รถ Yamaha YZF-R6 2017 คือรถตำนานบนถนนและจากตำแหน่งการเป็นรถซุปสปอร์ตระดับโลกในปีที่ผ่านๆ มา การได้ขี่สายพันธ์โมโตจีพีสักครั้ง จะพาคุณเข้าสู่โลกแห่งความเร้าใจของยามาฮ่า R World Yamaha YZF-R6 2017 ซึ่งเป็นรถที่ต่อยอดมาจาก Yamaha YZF-R1 ด้วยเทคโนโลยีต่างๆมากมาย ซึ่งได้เปิดตัวไปในงาน บางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ 2017 มี 2 สีให้เลือก คือ สีน้ำเงิน และดำ ในราคา 549,000 บาท
เครื่องยนต์ เป็นเครื่องยนต์ขนาด 599 CC 4 สูบเรียง DOHC 16 วาล์วระบายความร้อนด้วยน้ำ ให้กำลังเครื่องยนต์ที่ 124 แรงม้า จ่ายน้ำมันด้วยระบบหัวฉีดแบบ YCC-T และ YCC-I เกียร์แบบ 6 สปีด มาพร้อมกับชุดสลิปเปอร์คลัชต์
โดย Yamaha YZF-R6 2017 นั่นถูกปรับโฉมและดีไซน์ใหม่ให้สปอร์ตเร้าใจมากขึ้น ทั้งชุดไฟหน้าถูกปรับเปลี่ยนให้เป็น LED ส่วนเบาะท้านั้นถูกถอดแบบออกมาจาก Yamaha YZF-R1 แฟริ่งถูกปรับแต่งใหม่เพิ่มความโฉบเฉี่ยวมากขึ้นกว่าเดิม
โช๊คอัพหน้า KYB ขนาด 43 มม. ที่สามารถปรับพรีโหลด รีบาวด์ได้เต็มระบบ ส่วนโช๊คหลังเป็น KYB ที่สามารถปรับค่าพรีโหลดและรีบาวด์ ได้เหมือนกัน ส่วนระบบเบรคมาพร้อมกับ ABS ที่สามารถเบรคได้อย่างมั่นใจ และจานเบรคหน้าขนาด 320 มม. เท่ากับ Yamaha YZF-R1 กันเลยทีเดียว จอแสดงผลนั้นเป็นแบบดิจิตอล ที่แสดงข้อมูลต่างๆ ได้อย่างครบถ้วน ส่วนที่วัดรอบนั้นจะเป็นเข็มวัดรอบ
ด้านเทคโนโลยีที่โดนเด่นของ Yamaha YZF-R6 2017 นั้นก็จะมี
ระบบแทรคชั่นคอนโทรล (TCS ย่อมาจาก Traction Control System) ที่สามารถปรับได้ถึง 6 ระดับ เป็นระบบที่ช่วยทำให้ล้อหลังไม่ล๊อคเวลาทำการรวบเกียร์ลงอย่างรวดเร็ว
ระบบปรับโหมดการขับขี่ (D-Mode) ที่ปรับได้ 3 ระดับคือ
A คือ โหมด Advanced ที่ให้รอบเครื่องยนต์ที่จัดจ้านตั้งแต่เริ่มขับขี่
STD คือ โหมดทั่วไปที่ใช้ขับขี่ในชีวิตประจำวัน
B คือ โหมด Basic สำหรับผู้ที่เริ่มต้นขับขี่ ที่จะลดกำลังของเครื่องยนต์ลงมา เพื่อทำให้ควบคุมรถได้ง่ายขึ้น
ระบบ Quickshifter (ควิกซิฟเตอร์) ช่วยในการเปลี่ยนเกียร์โดยไม่ต้องบีบครัชท์ เพื่อให้การขับขี่มีความต่อเนื่องกันเลย
และยังมีฟังก์ชั่นที่รองรับการติดตั้ง ระบบ GPS ด้วย
สำหรับการทดสอบการขับขี่
เมื่อได้ขึ้นไปนั่งบน R6 นั้น ท่านั่งของผู้ขับขี่จะอยู่ในท่า เรสซิ่ง กันเลยทีเดียว (หน้าทิ่ม หลังเชิด) เนื่องจากพักเท้าที่ค่อนข้างสูง (ถ้าจะใช้ทำการแข่งขันเกียร์โยงอาจจะไม่จำเป็นเลย แค่เปลี่ยนท่อ ไล่สเตอร์รถใหม่ ก็นำไปลงสนามได้เลย) การคอนโทรลรถ ในทางโค้งและการพลิกรถทำได้ง่าย เนื่องจากฐานล้อของรถนั้นสั้นกว่าเดิม และตัวรถที่มีน้ำหนักค่อนข้างเบา โช๊คหน้าหลังที่ถูกปรับเซ็ตมานั้น ให้ความรู้สึกที่ นุ่มหนึบ การเปิดคั่นเร่งออกโค้งโช๊คหลังทำงานสัมพันธ์กับระบบแทรคชั่นคอนโทรลได้เป็นอย่างดี การขับด้วยความเร็วสูงๆ ในทางตรงนั้นรถจะนิ่งมากๆ
ด้านกำลังของเครื่องยนต์ นั้น รอบเครื่องจะมีเรดไลน์ถึง 18,000 รอบต่อนาที ซึ่งลองขับขี่ในโหมด A ความเร็วรอบของเครื่องยนต์จะจัดจ้านต้องแต่เริ่มออกตัว ทำให้อัตราเร่ง 0-100 กม/ชม นั้นทำได้เร็วมากๆ ส่วนถ้าเปลี่ยนเป็นโหมด B ความเร็วรอบของเครื่องยนต์ในช่วงต้นๆ จะหายไป ต้องบิดคั่นเร่งแช่ให้รอบเครื่องยนต์ไปจนถึง 14000 รอบ กำลังของรถก็จะเพิ่มขึ้นมาทันที แต่ในโหมดนี้ กว่าจะทำให้รอบไปถึง 14000 รอบได้ก็ได้ใช้เวลาพอสมควร ส่วนระบบเบรคนั้นถือว่าทำได้ดีมาก มีการตอบสนองการเบรคที่รวดเร็ว ทั้งหน้าและหลัง
สำหรับ Yamaha YZF-R6 เป็นรถที่เต็มไปด้วยประสิทธิภาพในคลาส Super Sport 600 cc และเมื่อนำลงไปในสนามแข่งคุณเตรียมสะกดคำว่า แชมป์ ได้เลยยยย
หากใครสนใจสามารถเข้าไปชมตัวจริงได้ที่ Yamaha Riders' Club ทั่วประเทศ