เจาะลึกรายละเอียดระดับ Full HD กับ 2017 BMW HP4 Race

              ย้อนกลับไปเมื่อ 5 เดือนก่อน กับการเปิดตัวต้นแบบซุปเปอร์ไบค์สเปครถแข่ง BMW HP4 Race ในงาน 2016 EICMA Show ที่ทาง BMW Motorrad ให้คำมั่นสัญญาในวิดีโอทีเซอร์ว่า เจอกันแน่ในปี 2017 และวันนั้นก็มาถึง วันที่ค่ายใบพัดสีฟ้าขาวทำตามสัญญาด้วยการเปิดตัว HP4 Race ซุปเปอร์ไบค์ประกอบมือ ที่ใช้พื้นฐานของ S1000RR โดยเพิ่มความพิเศษเข้าไปด้วยการใช้เฟรมตัวถังและล้อที่ทำจากวัสดุคาร์บอนไฟเบอร์ โดยจำกัดจำนวนการผลิตเพื่อจำหน่ายไว้เพียง 750 คันเท่านั้น

 

เฟรมคาร์บอนไฟเบอร์

              เฟรมตัวถังคาร์บอนไฟเบอร์ดังกล่าวมีน้ำหนักเพียง 17.2 ปอนด์หรือ 7.8 กิโลกรัมเท่านั้น ทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ทั้งหมด ยกเว้นจุดเชื่อมต่อต่างๆที่ยังใช้โลหะอยู่ เบากว่าเฟรมที่ทำจากอลูมเนียมถึง 4 กิโลกรัม ในขณะที่เฟรมด้านหลังซึ่งรองรับเบาะนั่ง สามารถปรับความสูงได้ 3 ระดับ ก็ทำจากคาร์บอนไฟเบอร์เช่นกัน แต่ถูกขึ้นรูปด้วยกระบวนการที่เรียกว่า Resin Transfer Molding หรือ RTM เพื่อความแข็งแรงเป็นพิเศษ และรับมือกับการบิดงอได้ดี จึงรองรับการปรับระดับเบาะนั่งขึ้นลงได้อย่างไม่มีปัญหาใดๆ 

 

ล้อคาร์บอนไฟเบอร์

              ล้อขนาด 17 นิ้ว ทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ที่ถูกขึ้นรูปในแบบ braiding หรือถักเกลียว ที่โครงสร้างเส้นใยคาร์บอนทั้งหมด ถูกห่อหุ้มในชิ้นเดียวกันด้วยเครื่องจักร ก็เบากว่าล้อที่ทำจากอัลลอยถึง 30% ทำให้น้ำหนักรถโดยรวมอยู่ที่ 171 กิโลกรัมเท่านั้น นอกจากนั้นยังช่วยลดแรงต้านแรงโน้มถ่วง ซึ่งเกิดจากการหมุนแบบลูกข่างที่เรียกว่า gyroscopic force ได้ถึง 40% ทำให้ควบคุมการขับขี่ได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะตอนเข้าโค้ง โดยยางที่ใช้เป็นของ Pirelli รุ่น Diablo Superbike Slick SC2 ทั้งสองล้อ ขนาด 120/70 และ 200/60 สำหรับล้อหน้าและหลัง ตามลำดับ

 

               แม้ว่า คาร์บอนไฟเบอร์จะมีความแข็งแรงมาก แต่หลายคนก็อดห่วงไม่ได้ถึงความปลอดภัย ในกรณีนี้ BMW ชี้แจงว่า หากเกิดการชน หรือพลิกคว่ำ การออกแบบโครงสร้างของ HP4 Race จะช่วยให้เฟรมตัวถังและล้อเป็นอุปกรณ์ชิ้นท้ายๆที่ได้รับผลกระทบ 

 

 ระบบกันสะเทือน หน้า-หลัง

                 ระบบกันสะเทือนหน้าเป็นโช้คอัพแบบ upside down ของ Ohlins รุ่น FGR 300 รุ่นเดียวกับที่ใช้ในสนามแข่งระดับโลกและ MotoGP ส่วนระบบกันสะเทือนหลังเป็นแบบ spring strut ของ Ohlins เข่นกัน รุ่น TTX36 GP ที่ติดตั้งเข้ากับสวิงอาร์มทำจากอลูมิเนียม ที่ใช้กับรุ่น S1000RR สเปครถแข่ง ปรับค่าสปริงพรีโหลด compression และรีบาวนด์ ได้ทั้งสองล้อ

 

ระบบห้ามล้อ

                ระบบห้ามล้อเป็นของ Brembo รุ่น GP4 PR มาพร้อมคาลิปเปอร์แบบโมโนบล็อค ทำจากอลูมิเนียมแบบชิ้นเดียวเคลือบนิเกิล ขนาด 4 ลูกสูบ ที่ผิวลูกสูบได้รับการเคลือบสารไทเทเนียม ประกบดิสก์เบรคแบบ T-Type ขนาด 320 มม หนา 6.75 มม ที่ล้อหน้า ส่วนล้อหลังมาพร้อมดิสก์เบรคเดี่ยวจาก Brembo เช่นกัน ขนาดจาน 220 มม หนา 4 มม พร้อมคาลิปเปอร์แบบ 4 ลูกสูบ โดยมีระยะยุบที่ 130 และ 120 มม. ตามลำดับ

 

อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์

                 อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆที่ถูกติดตั้งมาให้เป็นอุปกรณ์มาตรฐานได้แก่ จอแสดงผลแบบ 2D ที่แสดงข้อมูลที่น่าสนใจอย่าง lap time ที่เก็บข้อมูลผ่านระบบ GPS, การตั้งค่าของระบบ Traction Control และการตั้งค่าระบบ Engine Brake นอกจากนั้นยังมีระบบ Dynamic Traction Control (DTC) ปรับได้ 15 ระดับ ตั้งแต่ -7 ไปจนถึง +7 ระบบ Engine Brake (EBR) ปรับได้ 15 ระดับเช่นกัน ระบบ Wheelie Control ปรับได้ 5 ระดับ 1 ถึง 5 ที่ช่วยให้การยกล้อแตะพื้นมีความปลอดภัยและให้ผู้ควบคุมรถสามารถทำอัตราเร่งได้สูงสุดในขณะที่ยังมีความปลอดภัยอยู่ ซึ่งแต่ละระบบที่กล่าวมา สามารถปรับแต่งค่าได้ตามเกียร์ต่างๆ นอกจากนั้นยังมีระบบ Launch control และระบบ Pit Lane Speed Limiter จำกัดความเร็วอัตโนมัติเมื่ออยู่ในพิตเลน

 

ขุมพลังเครื่องยนต์

               แต่สิ่งที่น่าประทับใจที่สุดคงจะเป็นเรื่องของขุมพลังเครื่องยนต์ 4 สูบเรียงประกอบมือ ที่มาพร้อมชิ้นส่วนใหม่ ทั้งเพลาลูกเบี้ยวไอดี-ไอเสีย เพลาข้อเหวี่ยง ก้านสูบ กรวยไอดีปรับความยาวได้ ให้กำลังสูงสุด 215 แรงม้าที่ 13,900 รอบ/นาที ในขณะที่แรงบิดสูงสุดอยู่ที่ 120 นิวตันเมตรที่ 10,000 รอบ/นาที จับคู่กับกล่องเกียร์สไตล์รถแข่งแบบอัตราทดชิด 6 สปีด 

 

มิติตัวรถ

               มิติตัวถังของ HP4 RACE มีดังนี้ ยาว 2070 มม. กว้าง 777 มม. รวมกระจกข้าง สูง 1193 มม. ไม่รวมกระจกข้าง ระยะฐานล้อ 1440 มม เบาะนั่งปรับความสูงได้ 3 ระดับคือ 816, 831 และ 846 มม. น้ำหนักรถเติมน้ำมันเต็มถังอยู่ที่ 171.4 กิโลกรัม ความจุถังน้ำมัน 17.5 ลิตร ปริมาณน้ำมันสำรอง 4 ลิตร

 

               สำหรับราคาจำหน่าย BMW HP4 RACE อยู่ที่ 87,000 เหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 3 ล้านบาท ในอเมริกา โดยจะเริ่มวางจำหน่ายในเดือนกันยายนปี 2017 นี้

 

ขอบคุณที่มา : LifeWrapUp