Review & Test ride รีวิวและทดสอบ Yamaha Jupiter RC แบบจัดหนักกับทุกสภาพอากาศกว่า 900 กม.

     ทาง Mocyc.com ได้รับรถ Moped Sport รุ่นล่าสุดจากทางยามาฮ่ามาทดสอบ โดยมีชื่อรุ่นว่า Jupiter RC ในพิกัด 115 ซีซี เป็นรถที่ดีไซน์มาในแนวสปอร์ตหรูรอบคันครบสูตรแบบ Cool Style Sports Saloon ทำไมยามาฮ่าเองได้จำกัดนิยามของรถรุ่นนี้ไว้แบบนี้ เราลองมาดูรายละเอียดของรถคันนี้กันก่อนนำไปทดสอบกันครับ

     การออกแบบแฟริ่งของตัวรถนั้นออกแบบมาในแนวของสปอร์ตที่มีการออกแบบบังลมที่มีการรีดลมเข้าไประบายอากาศให้เครื่องยนต์ได้อย่างสวยงามและลงตัว โดยการออกแบบไฟหน้านั้นเป็นสไตล์สปอร์ตโฉบเฉี่ยว โดยที่ไฟหน้านั้นเป็นแบบฮาโลเจน องศาของแฮนด์รถออกแบบให้มีองศาแนวเดียวกับรถสปอร์ตเพื่อให้ตัวรถดูมีความสปอร์ตมากกว่ารถครอบครัวทั่วๆไป บังลมหน้าโฉบเฉี่ยวเพรียวลม โดยมีไฟหรี่และไฟเลี้ยวที่ออกแบบกลมกลืนกับบังลมหน้า โดยไฟท้ายก็ออกแบบได้ดูเป็นแนวสปอร์ตที่เพียวเล็กเข้ากับแฟริ่งด้านท้ายและที่จับกันตกที่ออกแบบมาในแบบสปอร์ต

     แผงหน้าปัดสไตล์ 3D ที่มองได้อย่างชัดเจนและสวยงามทั้งกลางวันและกลางคืน โดยมีการแสดงผลความเร็ว ทริป ระดับน้ำมัน ไฟหัวฉีด ไฟสูง ไฟเลี้ยว และมีไฟบอกเกียร์ด้วย ในด้านของกล่องเก็บของใต้เบาะก็กว้างเก็บของได้มากพอสมควร โดยสามารถใส่หมวกกันน๊อคใบเล็กๆได้และในส่วนของถังน้ำมันนั้นจุได้ 4 ลิตร โดยรองรับน้ำมันแก๊สโซฮอล์ E10 หรือ เบนซิน ค่าออกเทน 91 ขึ้นไป

     มาดูในส่วนที่เสริมประสิทธิภาพของ Jupiter RC กันบ้าง เพราะถือว่าเป็นรถที่มีอุปกรณ์เสริมมาให้ที่น่าสนใจเลยทีเดียว เฟรมของตัวรถที่ใหญ่ขึ้น โช้คหน้าได้ขยายกระบอกโช้คให้ใหญ่ขึ้น ด้านโช้คหลังเป็นโช้คหลังคู่แก๊สแบบซับแทงค์ที่จะทำให้ประสิทธิภาพการใช้งานได้ดีกว่าเดิมทีเดียว ในด้านของระบบเบรกได้ใช้แบบ 2 ลูกสูบ ที่มาพร้อมกับดิสก์เบรกหน้าดีไซน์แบบ Floating สไตล์รถสปอร์ต และสิ่งที่ชอบอีกส่วนก็คือพักเท้าคนขี่ที่พับได้ ที่สามารถช่วยได้ในช่วงของการเข้าโค้งมากๆ เวลาพักเท้าครูดจะได้ไม่เกิดอุบัติเหตุ

     ด้านเครื่องยนต์ขนาด 115 cc. 4 จังหวะ สูบเดี่ยวแบบ SOHC ระบายความร้อนด้วยอากาศ จ่ายน้ำมันด้วยหัวฉีด กำลังอัด 9.3:1 ให้แรงม้าที่ 9.9 แรงม้าที่ 7,750 rpm ระบบเกียร์ 4 Speed แบบเกียร์วน  โดยได้มีการปรับอัตราทดใหม่โดยใช้ สเตอร์หน้าลดลงเหลือ 13 ฟัน หลัง 41 ฟัน 

     ในส่วนของล้อเป็นล้อแม็กที่รัดด้วยยางของ IRC ยางหน้าขนาด 70/90 38P นั่นแปลว่าสามารถรับน้ำหนักได้ที่ 132 กิโลกรัม รองรับความเร็วได้สูงสุด 150 กม./ชม. ส่วนยางหลังขนาด 80/90 50P แปลว่าสามารถรับน้ำหนักได้ที่ 190 กิโลกรัม รองรับความเร็วได้สูงสุด 150 กม./ชม. โดยที่เป็นขอบขนาด 17 นิ้ว

     และก็ถึงเวลานำไปทดสอบกันโดยที่งานนี้เรียกว่ารีวิวทุกสภาพเส้นทาง และทุกสภาวะอากาศ กับเส้นทางร่วม 900 กิโลเมตร เพื่อให้สามารถใช้งานและทดสอบสมรรถนะของรถคันนี้ได้อย่างเต็มที่มากที่สุด ไม่ได้มานั่งเทียนเขียนรีวิวกันอย่างแน่นอน จะได้ผลการทดสอบเป็นเช่นไรลองตามมาดูกันครับ

     ท่าทางในการขับขี่ถือว่าขับขี่สบาย ควบคุมรถได้ง่าย ทั้งการขับขี่ในเมือง คล่องตัวและสามารถซิกแซกพลิกรถมุดซ้ายมุดขวาได้เป็นอย่างดี และการนำไปออกทริปใช้งานในย่านความเร็วสูง ด้วยการทำองศาแฮนด์ในแบบสปอร์ต ทำให้การขับขี่ในช่วงความเร็วสูงทำได้สนุกมากขึ้น คล่องตัวมากขึ้น ควบคุมรถได้ง่ายในการเข้าโค้งในช่วงความเร็วสูงกว่า 100 กม./ชม. และการขับขี่ไกลๆก็รู้สึกสบายไม่เมื่อยล้าตามร่างกายเลย

     จากการทดสอบแบบยิงยาวๆความเร็วในการทดสอบยืนพื้นที่ 90 - 110 กม./ชม. อัตราเร่งถือว่าตอบสนองได้ดีทุกย่านความเร็ว บิดติดมือมากๆครับ โดยเฉพาะในช่วงรอบต้นที่รู้สึกประทับใจมากๆเรียกว่าเปิดคันเร่งรถก็ทะยานไปได้ตามสั่งจริงๆ ในช่วงเกียร์ 4 มีความรู้สึกคล้ายๆอยากมีเพิ่มอีกเกียร์ อาจเพราะมีการปรับเรื่องอัตราทดต่างๆใหม่เลยทำให้รอบต้นทำได้ดีมากขึ้น ความเร็วปลายในถนนปกติ สำหรับน้ำหนักตัว 75 กก. จะอยู่ที่ราวๆ 110 กม./ชม. แต่หากมีทางไหลยาวๆก็ไปได้ที่ 115 กม./ชม.

     ในเรื่องของการบริโภคน้ำมันแบบบิดไม่กลัวรถพัง ทั้งล๊อค ทั้งลากรอบ ในเส้นทางปกติอยู่ที่ช่วง 50-52 กม./ลิตร แต่หากเจอทางขึ้นเขาชันๆลากแต่เกียร์ 1 - 2 เป็นหลักก็อยู่ที่ 45 กม./ลิตร ซึ่งถือว่าได้ใจมากๆ เพราะทางขึ้นเขาชันๆเรียกได้ว่าวิ่งได้ใจมากๆชันแค่ไหนก็ไม่กลัวแรงพาขึ้นได้ หากวิ่งใช้งานโดยทั่วไป ไม่ลากรอบ หรือใช้ความเร็วสูง อาจจะประหยัดได้มากกว่านี้ทีเดียวครับ

     ช่วงล่างเรียกได้ว่าหนึบได้ใจมากๆ เท่าที่ได้ขี่รถครอบครัวที่ไม่เกิน 125 ซีซี มาผมว่ารถรุ่นนี้เป็นรถที่กล้าเอาไปเข้าโค้งในช่วง 100 - 110 กม./ชม. ได้อย่างไม่น่ากลัว ด้วยโช้คอัพหลังคู่แบบ Sub-Tank ที่สามารถรองรับแรงกระแทกได้เป็นอย่างดีกว่าโช้คทั่วไป จึงทำให้รถมีความนิ่งและมั่นคง ไม่ออกอาการย้วยในการเข้าโค้งแรงๆและเร็วๆ  และในการนำไปลุยในทางขรุขระมากๆก็ถือว่าซับแรงได้ดีทั้งโช้คหน้าและหลัง ไม่มีอาการกระแทกหรือมีเสียงดังมาให้ได้ยิน ถือว่าเป็นออฟชั่นที่ให้มาแล้วคุ้มมากๆ

     ระบบเบรกก็ทำได้ดี เบรกหน้าแบบ 2 ลูกสูบให้อาการเบรคที่นุ่มหนึบถือว่าทำได้ดีมากๆทั้งเรื่องการกรอเบรกและกระแทกเบรกสั่งได้ดั่งใจ และที่แอบชอบส่วนตัวก็คือด้วยจานเบรกแบบหมุดเหมือนพวกรถสปอร์ตเลยทำให้เวลาเราเบรกมันจะแอบมีเสียงเบรกแบบเบาๆ(แซ่ดดดดด แซ่ดดดดด) ได้อารมณ์เหมือนขี่รถใหญ่เลย

     ด้านยางที่ติดรถมาถือว่าใช้งานได้ดีทีเดียว ทั้งการขับขี่ในถนนแห้งก็นำไปเทโค้งได้อย่างมั่นใจ และในยามขับขี่ลุยฝนเองก็ถือว่ามั่นใจไม่ค่อยมีอาการสไลด์ให้เห็นมากนักทั้งๆที่เป็นการใช้งานความเร็วสูงบนพื้นที่เปียก ไฟหน้าส่องได้กว้างและไกลดีครับ ยังคงดูมาตรฐาน ยังไม่ถึงกับชัดเจนแจ่มแจ้งอะไรมากมายนัก หากทำให้สว่างได้มากกว่านี้อีกนิดจะเจ๋งมากๆ

     โดยรวมแล้ว Yamaha Jupiter RC เป็นรถครอบครัวที่สามารถใช้งานในเมืองได้อย่างคล่องตัว และในเวลาจะเอาไปออกทริปท่องเที่ยว หรือเอาไปเทโค้งเล่นก็ไม่อายใคร ซึ่งเอาไปขี่ได้ขนาดนี้ก็ถือว่าไม่ธรรมดาแล้วครับสำหรับ Yamaha Jupiter RC คันนี้ครับ ด้วยสนนราคาที่ 48,000 บาท โดยสามารถเข้าไปชมตัวจริงได้ที่ศูนย์จำหน่ายยามาฮ่าทั่วประเทศครับ