[รีวิวและทดสอบ] Stallions Victory 125 มินิไบค์ 125 ซีซี ในสไตล์ Mini Adventure
ทางรายการ Mocyc TV ได้รับรถ Victory 125 รุ่นล่าสุดจากทาง Stallions มาทดสอบ ซึ่งเป็นรถในแนว mini adventure ขนาด 125 ซีซี ที่มาพร้อมกับระบบหัวฉีดรุ่นแรกจากทาง Stallions ก่อนที่จะเอาไปจัดหนักกัน เรามาดูกันที่ตัวรถโดยรวมกันก่อนดีกว่า
เครื่องยนต์เป็นเครื่องยนต์สูบเดี่ยว ขนาด 125 ซีซี เป็นเครื่องแบบสูบนอน แนวเดียวกับมินิไบค์จากหลายๆค่าย เกียร์แบบสปอร์ต 4 เกียร์ ระบบจ่ายน้ำมันเป็นแบบหัวฉีด ระบบสตาร์ทจะเป็นสตาร์ทไฟฟ้าไม่มีสตาร์ทเท้ามาให้ใช้งาน ตัวงานของเครื่องยนต์ถือว่าดูแล้วไม่เหมือนรุ่นก่อนๆของทาง Stallions เครื่องยนต์ตัวนี้ค่อนข้างดูดี และเป็นงานเกรดดีกว่ารุ่นก่อนๆอย่างเห็นได้ชัด
การออกแบบตัวรถจะเป็นแนว mini adventure ผสมๆกับแนวโมตาด ชุดสีเป็นพลาสติกแบบ ABS ที่ทำออกมาได้ในเกณฑ์ที่ดีจนผิดหูผิดตาจากรุ่นเก่าๆของทาง Stallions งานประกอบทำได้ดีมากทั้งชุดสี และตัวโครงรถที่รอยเชื่อมต่างๆเนี๊ยบมากๆ
ระบบไฟต่างๆไม่ว่าจะไฟหน้า ไฟท้าย ไฟเลี้ยว เป็นแบบ LED ทั้งคัน เรือนไมล์แบบดิจิตอลที่มีวัดรอบ ความเร็ว ตัวเลขบอกเกียร์ เกจน้ำมัน นาฬิกา ต่างๆมาให้ครบ และที่ชอบคือสามารถเปลี่ยนสีไฟได้ถึง 7 สีด้วยกัน
โช๊คอัพหน้าแบบ Upside down โช๊คหลังแบบปรับ Preload ได้ แฮนด์เป็นแฮนด์อ้วนแบบอลูมิเนียม เรียกได้ว่าไม่ต้องเอามาแต่งเพิ่ม สวิงอาร์มหลังที่ยาวกว่ามินิไบค์รุ่นอื่นราวๆ 1 นิ้ว ท่อเป็นท่อสแตนเลสรูปทรงเหมือนท่อแต่ง มีจุกลดเสียงปลายท่อมาให้เรียบร้อย
โดยรวมเรื่องภายนอกถือว่า Victory คันนี้ทำออกมาได้อยู่ในเกณฑ์ที่ดีเลยทีเดียว อาจจะมีบ้างในบางจุดเช่นพวกน๊อตบางจุดเป็นน๊อตเขียว แทนที่จะเป็นสแตนเลสให้เหมือนกับน๊อตในจุดอื่นๆทั้งคัน ซึ่งจะทำให้รถดูดีขึ้นอีกมาก
ผลการทดสอบ Stallions Victory 125
การทดสอบในเส้นทางเชียงใหม่ วัดจันทร์ ปางมะผ้า แม่ฮ่องสอน กับระยะทางไปกลับร่วม 800 กิโลเมตร เครื่องยนต์รุ่นนี้เป็นเครื่องยนต์ที่เดินได้นิ่งและบาล้านเครื่องดีกว่ารุ่นเดิมๆมาก อัตราทดเกียร์ถือว่าทำได้ต่อเนื่องตั้งแต่ 1-2-3-4 ซึ่งต่างจากรถมินิไบค์แนวนี้จากค่ายอื่นๆที่พอจาก 3 ไป 4 จะรู้สึกว่ารอบเครื่องจะตกลงเพื่อรอไหลยาวๆ การขับขี่ในทางขึ้นเขาชันๆเรียกว่ารถมีแรงไต่ได้ค่อนข้างดี แต่ต้องใช้รอบเครื่องให้ถูกต้องในแต่ละเกียร์ ส่วนความเร็วสูงสุดบนเรือนไมล์วัดได้ที่ 100 กม./ชม. แต่ไมล์ของ Victory ค่อนข้างจะแข็งกว่าชาวบ้านเพราะเทียบกับรถรุ่นอื่นจะวิ่งที่ 110 กม./ชม.
จากการล๊อคคันเร่งแช่ยาวๆ 50-60 กิโลเมตรเพื่อดูอาการล้าของเครื่องยนต์ ก็ไม่มีให้เห็น ความเร็วไม่ตก รอบไม่แกว่ง กำลังยังคงมีเช่นเดิม ซึ่งถือว่าเครื่องยนต์ตัวนี้สามารถตอบสนองได้ดีทั้งในเมืองและการออกทริปแน่นอน
ด้านระบบกันสะเทือนนั้นค่อนข้างแข็งทั้งหน้าและหลัง เวลาลุยทางขรุขระนี่เรียกได้ว่าแข็งเลยทีเดียว คงต้องได้เอาไปปรับเซ็ทกันเองเพราะโช๊คหลังสามารถปรับได้ เวลากระแทกแรงๆหรือรูดทางขรุขระไม่มีเสียงกระแทกใดๆให้ได้ยิน ส่วนการนำไปขี่บนทางเรียบก็ถือว่ายังแอบแข็งไปนิดหนึ่งแต่เวลานำไปขี่ในโค้งก็สามารถเข้าโค้งหรือพลิกรถได้ดีทีเดียว ระบบเบรคถือว่าทำได้ดีทั้งหน้าและหลัง เบรคสั่งหยุดได้ดั่งใจ ด้วยเบรคหน้าแบบ 2 ลูกสูบและเบรคหลังแบบ 1 ลูกสูบ
ด้านการบริโภคน้ำมัน โดยในโหมดขับขี่ในเมืองและซัดบ่อยๆครั้ง ก็จะอยู่ที่ 45 กม./ลิตร ส่วนในโหมดล๊อคคันเร่งการขับขี่บนเขาใช้รอบสูงๆจะอยู่ที่ 35 กม./ลิตร ซึ่งก็ถือว่าอยู่ในเกณฑ์ที่ดีเลยทีเดียว หากขับขี่ในโหมดประหยัดน่าจะทำได้ร่วมๆ 50 กม./ลิตรเลยก็ได้ ซึ่งถือว่าเป็นที่น่าพอใจสำหรับการบริโภคน้ำมันของ Victory คันนี้
สำหรับสนนราคาก็อยู่ที่ประมาณ 49,000 บาท ถือว่าเป็นรถมินิไบค์ 125 ซีซี หัวฉีดที่ถูกที่สุดในประเทศไทยในตอนนี้เลยก็ว่าได้ ซึ่งจากการทดสอบมาถือว่าเป็นรถที่คุ้มมากจริงๆ หากสนใจก็เข้าไปดูตัวจริงได้ตามศูนย์ Stallions ทั่วประเทศครับ