"ตั้น สลาตัน" จบอันดับที่ 21 ศึก Moto2 เจแปนนิช กรังด์ปรีซ์ | yamaha,moto2,bigbike,motogp,yamaha racing, ยามาฮ่าเรสซิ่ง,บิ๊กไบค์,โมโตทู,โมโตจีพี,โมเตกิ,motegi

 


                การแข่งขันแอร์เอเซียกรังด์ปรีซ์ออฟเจแปน บนสนามทวินริง โมเตกิ เซอร์กิต ประเทศญี่ปุ่น เป็นสนามแข่งรองสุดท้ายของฤดูกาล 2013 และเป็นสนามแข่งที่น่าตื่นเต้น และท้าทายอีกสนามหนึ่ง เนื่องจากในรอบซ้อมนักแข่งทุกคนทุกรุ่นไม่สามารถทำการซ้อมได้เนื่องจากสภาพ อากาศไม่เป็นใจ กับพายุฝนที่พัดผ่านเข้าประเทศญี่ปุ่น  ทำให้นักแข่งทุกคนลงขี่ในสนามครั้งแรกก็เป็นการควอลิฟายเลย ซึ่ง เดชา ไกรศาสตร์ ต้องใส่ยางฝนลงทำการควอลิฟายเพราะสภาพสนามแม้จะไม่มีฝนตกแต่พื้นแทร็คยัง เปียกลื่นอยู่ โดยนักบิดไทยต้องทำงานอย่างหนักกับการปรับตัวให้เข้ากับรถแข่ง และต้องควบคุมรถแข่งไม่ให้ลื่นล้มโดยในรอบควอลิฟายรุ่นโมโตทู นั้นมีรถแข่งล้มเป็นจำนวนมากเนื่องจากช่วงท้ายเกมสภาพสนามเริ่มมีทั้งช่วง ที่แห้ง และช่วงที่เปียกอยู่ โดย เดชา ไกรศาสตร์ นั้นทำการควอลิฟายออกสตาร์ทในอันดับที่ 30 ของรุ่น

                ช่วง เช้าวันแข่งขันทางทีมแมคคานิกส์จากเทคทรี ได้มีการปรับเซ็ทรถใหม่อีกครั้ง เนื่องจากสภาพอากาศกลับมาเป็นปกติ แม้ว่าช่วงเช้าจะมีหมอกลงหนามาก แต่เมื่อทำการซ้อมในรุ่นโมโตทู สภาพท้องฟ้าได้เปิด โดยรถแข่งหมายเลข 46 ของนักบิดไทยมีการปรับเซ็ทอัพโช๊คใหม่พร้อมกับเดชาต้องปรับตัวให้เข้ากับรถ อีกครั้ง

                และเมื่อถึงรอบแข่งขันจริง เดชา ไกรศาสตร์ ออกสตาร์ทได้ดี แต่เพียงโค้งที่ 2 ของรอบแรก ก็ต้องยุติการแข่งขันเมื่อมีรถแข่งล้มถึง 3 คัน ทำให้ต้องรีสตาร์ทใหม่อีกครั้ง และนักบิดไทยยังออกสตาร์ทได้ดีพร้อมกับประคองรถแข่งต่อสู้กับนักแข่งที่อยู่ ข้างหน้า แต่ด้วยรถแข่งของเราไม่สามารถรีดท็อปสปีดได้ทำให้ช่วงทางตรงจึงเสียเปรียบ นักแข่งคนอื่นๆ แต่ เดชา ไกรศาสตร์ ก็อาศัยประสบการณ์  ที่เคยแข่งในสนามทวินริง โมเตกิ เซอร์กิต มาก่อนช่วงชิงจังหวะในโค้งได้ ทำให้อันดับค่อยๆ ขยับขึ้นมา เลยทำให้นักบิดไทยขึ้นมาอยู่ในอันดับที่ 19 และต่อสู้กับนักบิดคันอื่นๆ ที่อยู่ข้างหน้าอย่างสุดมันส์ ก่อนที่จะจบการแข่งขันอันดับที่ 21 ในที่สุด


 

               หลังจบการแข่งขัน เดชา ไกรศาสตร์ นักบิดไทยหนึ่งเดียวในเกมนี้ได้เปิดเผยว่า “การสตาร์ทครั้งแรกก็ถือว่าออกตัวได้ดีเลย แซงได้หลายคันแต่บังเอิญมีรถล้ม และกรรมการตีธงแดง เลยต้องเริ่มกันใหม่ พอสตาร์ทครั้งที่ 2 ก็ถือว่าดี ซึ่งผมก็แซงได้สอง สามคัน จากนั้นก็ประคอง และพยายามทำเวลาให้ดี ซึ่งแซงมาได้คันสองคันแต่ก็โดนแซงคืน ทั้งนี้เพราะท็อปสปีดเราสู้คนอื่นไม่ได้ เราโดนข้างหน้ายืดออกไปเยอะ ข้างหลังที่ตามมาติด ก็ไล่เรา ผมโดนแซงทางตรงไปสองสามที่เหมือนกันแต่ก็พยายามไล่ตามติดแต่ รถเราสู้ทางตรงไม่ได้แซงคนอื่นลำบาก โดยเฉพาะช่วงกลางๆ และท้ายๆ เกมมีโอกาสหลายครั้งครับ 

                เราไม่มีเวลาซ้อมเพื่อ ปรับเซ็ทรถเลย ได้แค่ซ้อมตอนเช้าวันนี้ ทำให้เราปรับรถได้ไม่ลงตัวเท่าไหร่ ช่วงแข่งโช๊คอัพหน้ามีอาการเต้นค่อนข้าง เยอะเลย เพราะเรามีการปรับโช๊คให้แข็งขึ้นกว่า  ตอนซ้อม เพื่อที่จะเบรกได้ดีขึ้น ซึ่งเบรกได้ดีจริงแต่ไปเสียในโค้ง สำหรับผมถือว่าดีทีเดียวกับการแข่งเต็มเรซครั้งแรกแล้วได้จบการแข่งขันใน ตำแหน่งที่ 21 

                วันนี้ไม่เหนื่อยครับ แต่พะวงว่าขี่ยังไงไม่ให้ล้ม ขี่ให้ดีไม่ให้ถอยมาก ให้จบการแข่งขัน เราเริ่มรู้จักรถโมโตทูแล้วว่าจะต้องขี่ยังไง ซึ่งไม่เหมือนรถ J-GP2 ที่ใช้แข่งในออลเจแปนเลย รถโมโตทู สไตล์เครื่องยนต์ไม่เหมือนกัน เฟรมก็ต่างกัน คือต้องเข้าไปลึกไปเบรก ไหลไลน์กว้างแล้วยิงออก ไม่รอรอบ ถือว่าเราขี่ได้ใกล้เคียงกับคนอื่นแล้ว ผมขอขอบคุณทาง ยามาฮ่ามอเตอร์ ญี่ปุ่น บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ผลิตภัณฑ์เครื่องดื่มสิงห์ น้ำมันอินิออส พร้อมทั้งทีมแมคคานิสก์เทค 3  และแฟนๆ ที่ติดตามผลงานของผมมาตลอด ต้องขอบพระคุณมาก ๆ เลยครับ”

 



 

                ส่วน คุณกรธัช แก่นจันทร์ดา ผู้จัดการทั่วไปฝ่ายกีฬายานยนต์ บริษัท ไทยยามาฮ่ามอเตอร์ จำกัด ได้เปิดเผยว่า “ถือว่าเป็นผลงานที่ดี เพราะที่มาเลเซียในสนามเซปังเราเกิดอุบัติเหตุจากรถคันอื่นจนต้องออกจากการ แข่งขัน ซึ่งนี่เป็นครั้งแรกที่เราลงแข่ง และจบการแข่งขัน ตำแหน่งที่ 21 ก็ถือว่าโอเค ต้องยอมรับว่าการแข่งในรุ่นโมโตทู ปรับตัวยากมากพอสมควร โดยที่เดชาก็สามารถปรับตัวได้ใน ระดับหนึ่ง แต่ถ้ามีเวลาขี่เยอะขึ้นก็น่าจะดีกว่านี้ โดยรวมแล้วทางทีมแมคคานิสก์เทค 3 เขาก็ดีใจมาก ที่เดชาได้ ตำแหน่งนี้ ช่วงแข่งเองอันดับของเดชาก็ขึ้นมาที่ 19 และก็ต่อสู้กับนักแข่งของเขา เพียงแต่ว่าเราอาจจะสู้ประสบการณ์นักแข่งระดับโลกไม่ได้เท่านั้น แต่ก็ถือว่าวันนี้เราทำสำเร็จกับการจบการแข่งขันในตำแหน่งที่ 21 และการขี่ของเดชาก็พัฒนาขึ้นไปอีกระดับ เขาได้เรียนรู้อะไรต่างๆ ในโมโตทูในตลอดทั้ง 2 เรซทั้งมาเลเชี่ยนกรังด์ปรีซ์ และเจแปนนิช กรังด์ปรีซ์ ต้องขอขอบคุณทางผู้สนับสนุน ทางเครื่องดื่มสิงห์ และน้ำมันอินิออส และทางยามาฮ่ามอเตอร์ญี่ปุ่นด้วยครับ”