โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 16 มิถุนายน 2554 14:07 น.

       ค่ายสองล้อยักษ์ใหญ่ เอ.พี.ฮอนด้า ฟันธง! ถ้าการเมืองนิ่ง-เศรษฐกิจพุ่ง ตลาดรวมรถจักรยานยนต์ปีนี้ทะลุ 2 ล้านคันแน่นอน หลังยอดขาย6 เดือนแรก จ่อ 1 ล้านคันแล้ว ด้านโรงงานฮอนด้าเล็งลงทุนเพิ่มกำลังการผลิตอีก 10% เพื่อรองรับความต้องการลูกค้า


       จิอากิ คาโต้ ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดรถจักรยานยนต์ 5 เดือนที่ผ่านมา(ม.ค.- พ.ค.54) ทำยอดขายเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง หรือมียอดจดทะเบียนสะสมทั้งสิ้น 858,806 คัน เติบโต 14% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว และบริษัทเชื่อว่าภายในครึ่งปีแรก ตลาดรวมจะทำยอดขายถึง 1 ล้านคันแน่นอน
       
       “เราเชื่อว่ายอดขายรถจักรยานยนต์เดือนมิถุนายนจะทำได้ 150,000 คัน และเมื่อบวกกับยอดสะสม 5 เดือนที่ผ่านมา ตัวเลขก็จะถึง 1 ล้านคัน แสดงให้เห็นถึงการขยายตัวของตลาดและสถานการณ์ที่สดใส ดังนั้นเราจึงมองว่าถึงสิ้นปียอดขายรวมทุกยี่ห้อจะทำได้ทะลุ 2 ล้านคัน สูงสุดเป็นประวัติการณ์สำหรับตลาดรถจักรยานยนต์เมืองไทย”
       
       ทั้งนี้มีปัจจัยสนับสนุนหลายอย่างที่ทำให้ตลาดรถจักรยานยนต์คึกคัก ไม่ว่าจะเป็นตัวเลขการส่งออก ราคาสินค้าการเกษตร การท่องเที่ยวฟื้นตัว หรือถ้ามองที่ตัวเลขจีดีพี ในไตรมาสแรกก็ขยายตัวถึง 3% และถ้าไม่มีปัญหาใดๆมากระทบเศรษฐกิจ การเมือง บริษัทเชื่อว่าตลาดรถจักรยานยนต์ปีนี้จะทำยอดขายเกิน 2 ล้านคันแน่นอน ซึ่งเป็นตัวเลขสูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2548 ที่ทำได้ 1.98 ล้านคัน
       
       ในส่วนธุรกิจของบริษัทก็ขยายตัวตามตลาดเช่นกัน โดยยอดจดทะเบียนสะสม 5 เดือนแรกทำได้ถึง 608,617 คัน เติบโต 17% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว พร้อมครองส่วนแบ่งการตลาด 71% ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากยอดขายในภาคใต้ และภาคอีสานที่พุ่งสูงขึ้น


       นายสุชาติ อรุณแสงโรจน์ กรรมการบริหารและผู้จัดการทั่วไป ส่วนงานขาย บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด เปิด เผยว่า ภาพรวมตลาดในเดือนพฤษภาคมมีความคึกคัก เนื่องจากเป็นช่วงเปิดปีการศึกษาใหม่ บวกกับภาวะเศรษฐกิจขาขึ้น ส่งผลให้มียอดจดทะเบียนสูง ในส่วนของฮอนด้าได้การตอบรับดีเช่นกัน โดยเฉพาะรถแบบเอที ในรุ่น “สกู๊ปปี้ ไอ” และรถครอบครัวยอดนิยม “เวฟ” ส่งผลให้ในเดือนนี้ บริษัทมียอดจดทะเบียนรวม 132,868 คัน เติบโต33% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันในปีที่แล้ว
       
       ส่วนตลาดรวมรถจักรยานยนต์เดือนพฤษภาคม 2554 มียอดการจดทะเบียนทั้งสิ้น 187,602 คัน แบ่งเป็นรถแบบ เอ.ที. 93,288 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 50% รถแบบครอบครัว 88,806 คัน หรือเทียบเท่าสัดส่วนตลาด 47% รถแบบออฟโรด 2,332 คัน เทียบเท่าสัดส่วนตลาด 1% รถแบบสปอร์ต 1,921 คัน หรือเทียบเท่าสัดส่วนตลาด 1% รถแบบครอบครัวกึ่งสปอร์ต 864 คัน และประเภทอื่นๆ 391 คัน รวมกันมีสัดส่วนตลาดกว่า 1%
       
       เมื่อแบ่งยอดจดทะเบียนตามประเภทผู้ผลิต จะเป็นของฮอนด้า 132,868 คัน ครองส่วนแบ่งตลาด 71%, ยามาฮ่า 43,767 คัน ส่วนแบ่งตลาด 23%, ซูซูกิ 6,460 คัน ส่วนแบ่งตลาด 3%, คาวาซากิ 2,500 คัน, ไทเกอร์ 207 คัน, แพลตตินัม 35 คัน, เจอาร์ดี 19 คัน และอื่นๆ 1,746 คัน
       
       นายคาโต้ กล่าวเพิ่มเติมว่า แม้ยอดขายฮอนด้าจะเติบโตอย่างมาก แต่ที่ผ่านมายังมีปัญหาเรื่องการส่งมอบล่าช้าอยู่บ้าง ดังนั้นจากแผนเดิมที่บริษัทเตรียมกำลังการผลิตไว้ 1.3 ล้านคันต่อปี แต่เดือนกรกฏาคมนี้เป็นต้นไป บริษัทจะลงทุนพร้อมเพิ่มกำลังการผลิตอีก 10% เพื่อให้ปริมาณรถฮอนด้าเพียงพอกับความต้องการของลูกค้า
       
       อย่างไรก็ตามต่อข้อถามว่า การที่ยอดขายฮอนด้าพุ่งสูงขึ้นอย่างมาก จะมีการปรับเป้าหมายการขายหรือไม่ นายคาโต้ กล่าวว่า จะขอดูยอดสุทธิในช่วงครึ่งปีแรกก่อน จากนั้นถึงจะพิจารณาเรื่องการปรับเป้า ขณะที่ส่วนแบ่งการตลาดและอัตราเติบโตยังไม่สามารถบอกได้ แต่บริษัทอยากเห็นตัวเลขที่สูงกว่าตลาดอยู่แล้ว ยกตัวอย่าง 5 เดือนที่ผ่านมา ตลาดโต 14% แต่ฮอนด้าขยายตัวถึง 17% แสดงให้เห็นว่ารถจักรยานยนต์ฮอนด้าเป็นผู้ขับเคลื่อนตลาดอย่างแท้จริง