กลับมาอีกครั้งในค่ายส้ม KTM พ่วงมากับค่ายรองอย่าง Husqvarna และน้องใหม่อย่าง BAJAJ |

 

กลับมาอีกครั้งในค่ายส้ม KTM พ่วงมากับค่ายรองอย่าง Husqvarna และน้องใหม่อย่าง BAJAJ

 

ก็เปิดตัวกันอย่างเป็นทางการเป็นที่เรียบร้อยกับค่ายรถทั้ง 3 ค่าย KTM Husqvarna และแบรนด์น้องใหม่ล่าสุดกับ Bajaj ทั้ง 3 ค่ายนี้ก็ไม่ได้มาแค่เปิดโชว์รูมเฉย แต่ก็นำทัพรถมอเตอร์ไซค์อีก 8 คันมาเปิดตัวด้วยเช่นกัน มีอะไรกันบ้างไปชมกันเลย

 

เริ่มจากค่าย Bajaj กันเลยเลยครับ

 

1. BAJAJ Pulsar NS 160

 

เครื่องยนต์ DTSI ระบบหัวฉีด ขนาด 160 ซีซี

ราคาจําหน่ายพิเศษช่วงแนะนํา 69,800 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม, ไม่รวมทะเบียน และพ...)

 

2. BAJAJ Pulsar NS 200 FI ABS

 

เครื่องยนต์ DTSI ระบบหัวฉีด ขนาด 200 ซีซี ราคาจําหน่ายพิเศษช่วงแนะนํา 79,800 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม, ไม่รวมทะเบียน และพ...)

 

3. BAJAJ Pulsar RS 200 FI ABS

 

รถมอเตอร์ไซค์ฟูลแฟริ่งจาก Bajaj มาพร้อมกับเครื่องยนต์ DTSI ระบบหัวฉีด ขนาด 200 ซีซี ราคาจําหน่ายพิเศษช่วงแนะนํา 89,800 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม, ไม่รวมทะเบียน และพ...)

 

4. BAJAJ Dominar 400

 

เครื่องยนต์ DTSI ระบบหัวฉีด ขนาด 400 ซีซี ราคาจําหน่ายพิเศษช่วงแนะนํา 115,000 บาท (รวมภาษีมูลค่าเพิ่ม, ไม่รวมทะเบียน และพ...)

 

และในงานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 41 บริษัทฯ ได้เตรียมแผนส่งเสริมการขายซึ่งเป็นสิทธิพิเศษ ให้กับผู้ที่สนใจ สําหรับผู้ที่จองรถบาจาจทุกรุ่น ตั้งแต่วันนี้ถึง 31 กรกฎาคม 2563 รับฟรีทันที! ของแถม 3 ชั้นมูลค่า รวม 7,350 บาท

-หมวกกันน็อครุ่นพิเศษ (ลิมิเต็ด อิดิชั่น) มูลค่า 2,500 บาท  

-Bluetooth อุปกรณ์ไร้สายติดหมวกกันน็อค มูลค่า 2,900 บาท  

-Maintenance Kit เพื่อดูแลรักษาเครื่องยนต์จาก Motul มูลค่า 1,950 บาท

 

แบรนด์ต่อมาก็จะเป็น Husqvarna

Husqvarna ก็ได้นำทัพมาปิดตัวกันอีก 2 คัน

 

1.Husqvarna Vitpilen 401

 

 

เจ้าคันนี้ออกแบบมาในมอเตอร์ไซค์สไตล์ Naked Street Bike ผสมผสานความคลาสสิค มีความเป็น Cafe Racer ได้กันอย่างลงตัว ท้ายออกสั้นๆและเห็นโครงได้ทั่วคัน

ด้วยขุมกำลังเครื่องยนต์ขนาด 373.2 cc 1 ลูกสูบ 4 จังหวะ 6 เกียร์

ขนาดกระบอกสูบ 89mm Stroke 60mm

อัตตราส่วน 12.6:1 

ระบายความร้อนด้วยน้ำ

หน้าหลังใช้ ดิส์กเบรก

ดิส์กเบรกหน้าขนาด 320mm

หลังขนาด230mm 

พร้อมด้วยระบบ ABS

และปัดเป็นแบบ Digital ทรงกลมดูไม่ขัดกับทรงรถที่ให้มา Full LED รอบคันครับ แถมไฟหน้าก็กลมทำให้ดูเป็น Naked สไตล์ Cafe นิด

 

2.Husqvarna Svartpilen 250

 

 

ในรูปแบบคันนี้จะออกมาไปทางสายลุย เป็นยางหนาม แฮนด์เป็นแฮนด์บาร์ ตามสไตล์โมตาด แต่ดีไซน์ของรถจะออกไปทางคลาสสิค มองไปมองมาแล้วรถก็จะดูเหมือนรถ Flat Track เครื่องยนต์ขนาด 248.8 ซีซี 1 ลูกสูบ 4 จังหวะ ระบายความร้อนด้วยน้ำ ซึ่งเจ้าเครื่องยนต์บล็อกนี้ ก็เป็นเครื่องยนต์ตัวเดียวกันกับที่อยู่ใน KTM Duke 250 นั่นเอง โดยสามารถสร้างแรงม้าสูงสุดได้ 30 แรงม้า (BHP) ที่ 9,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 24 นิวตันเมตร ที่ 7,500 รอบต่อนาที

 

สำหรับโครงสร้างหลักของทั้งสองโมเดลนั้น จะมาในรูปแบบของ Chromium molybdenum steel frame ที่ดูบึกบึนแข็งแรง ระบบกันสะเทือนหน้าหลังจากแบรนด์ WP โดยในด้านหน้านั้นจะเป็นแบบหัวกลับ Upside Down ขนาด 43 มิลลิเมตร โดยที่ด้านหลังนั้นจะเป็นแบบ Monoshock ปรับระดับได้ ระบบเบรกหน้าและหลังเป็นแบบดิสก์เดี่ยว โดยที่มีระบบความปลอดภัย ABS แบบ Dual Channel (หน้าหลัง) ติดตั้งมาให้พร้อมใช้งาน ทำงานร่วมกับปั้มเบรกของ Bybre

 

สุดท้ายที่ขาดไม่ได้เลยนั่นก็คือ KTM ก็ได้ทำการเปิดผ้าออกมาทั้งหมด 2 รุ่นด้วยกัน

 

1.KTM DUKE 200 2020

 

 

ซึ่งเป็นโฉมใหม่ที่ได้รับการพัฒนามาจากรุ่นก่อนที่มีไฟหน้านูนออกมาและทำการเปลี่ยนโฉมใหม่ให้ดูดุดันมากกว่าเดิมยิ่งขึ้นโดยถ้าดูรวม แล้วก็เป็นจะถอดแบบมาจากพี่ใหญ่สุดโหดอย่าง 1290 Super Duke R กันเลยทีเดียว เครื่องยนต์ที่ใช้คาดว่าให้ขนาด 199.5 ซีซี 4 จังหวะ 1 สูบ DOHC 4 วาล์ว ระบายความร้อนด้วยน้ำ ระบบเกียร์ 6 สปีด ให้กำลังการขับเคลื่อน 25 แรงม้าที่ 10,000 รอบ/นาทีและแรงบิดสูงสุด 19.2 นิวตันเมตรที่ 8,000 รอบ/นาที ระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงแบบหัวฉีด และในเรื่องของราคาที่แน่นอนและชัดเจนก็คงต้องมาลุ้นกันในงาน Motor Show 2020 นี้ว่าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากน้อยแค่ไหน

 

2.KTM 390 Adventure

 

ตั๊กแตนส้ม ที่ทุกคนรอคอย ที่มาพร้อมกับขุมพลังขนาด 373cc 1 ลูกสูบ 4 จังหวะ 4 วาล์ว แบบ DOHC ระบายความร้อนด้วยน้ำ ขนาดกระบอกสูบ x ช่วงชักอยู่ที่ 89 x 60 มิลลิเมตร จ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงด้วยระบบหัวฉีดอิเล็กทรอนิกส์จาก Bosch ขนาด Throttle Body 46 มิลลิเมตร ส่งกำลังด้วยระบบเกียร์ 6 สปีด

 

 

มีระบบคันเร่งไฟฟ้า Ride-by-wire พร้อมโหมดการขับขี่ มีระบบ MTC (Motorcycles Traction Control), Slipper Clutch, Cornerring ABS พร้อมทั้งระบบ Off-Road ABS ที่จะปิดการทำงานของระบบ ABS ในล้อหลัง แต่จะเปิดการใช้งานระบบ ABS ในล้อหน้าตามปกติ อีกทั้งตัวรถยังมี Application “KTM My Ride” ที่จะใช้ในการเชื่อมต่อกับหน้าจอแสดงผล TFT ขนาด 5 นิ้วกับสมาร์ทโฟน เพื่อการควบคุมการเล่นเพลง และรับสายโทรเข้าหรือกำหนดสายโทรออกในกรณีฉุกเฉิน

 

 

 

โครงสร้างของตัวรถนั้นจะมาในรูปแบบของ Trellis Frame โครงถักสานกันทั้งลำ ระบบกันสะเทือนหน้าหัวกลับ Upside-Down ขนาด 43 มิลลิเมตร จากแบรนด์ WP รุ่น APEX ระยะยุบตัว 170 มิลลิเมตร ระบบกันสะเทือนหลัง WP APEX Monoshock ระยะยุบตัว 177 มิลลิเมตร ระบบเบรกหน้าแบบดิสก์เดี่ยวลอยตัวขนาด 320 มิลลิเมตร ปั้มเบรก ByBre แบบ Monoblock ระบบเบรกหลังดิสก์เดี่ยวลอยตัวขนาด 230 มิลลิเมตรปั้มเบรก 2 พอร์ค วงล้ออัลลอยด์ขนาดไม่เท่ากัน โดยล้อหน้าจะมีขนาด 19 นิ้ว และล้อหลังขนาด 17 นิ้ว สวมยาง Continental TKC 70 ขนาด 100/90-19 และ130/80-17 ตัวรถนั้นติดตั้งระบบไฟส่องสว่างแบบ LED รอบคัน ชิลด์บังลมด้านหน้าสามารถปรับระดับได้ แฮนด์บาร์แบบยกสูงผลิตจากอลูมิเนียมอย่างดี พร้อมติดตั้งการ์ดแฮนด์มาให้ตั้งแต่โรงงาน

 

การกลับมาในครั้งนี้ Vroom ได้นำเข้ามาเพื่อจะมาทำตลาดในประเทศไทยอีกครั้งหนึ่งโดยที่จะพยามเข้าถึงให้รถทั้ง 3 แบรนด์เข้าถึงกับคนทั่วไปให้ได้มากที่สุดและเป็นที่รู้จักเพิ่มมากยิ่งขึ้น แต่ก็มีกระแสเรียกร้องจากแฟน มากันอย่างล้นหลามว่า ขอให้ราคา KTM เป็นมิตรอีกสักนิดนะครับ ติดตามกันในงาน Motor Show ได้เลยครับผม


ติดตามข่าวสารวงการมอไซค์ : http://www.mocyc.com
Page Facebook : http://www.facebook.com/MocycThailand
Youtube : https://www.youtube.com/channel/UC2zealFH63iys1sWHW6xFOg?view_as=subscriber
IG : MocycThailand