เป็นกระแสอย่างหนักกับรถมอเตอร์ไซค์ขนาดใหญ่หรือ Bigbike ปัญหานี้ควรแค่กันที่จุดไหน??? |

ปัจจุบันมีข่าวอุบัติเหตุที่มีจักรยานยนต์ขนาดใหญ่ หรือ Bigbike ออกมาประจำมากมายจนเป็นกระแส ก็มีทั้งความคิดเห็นที่มีทั้งด้านบวกและด้านลบทำให้กลุ่ม Bigbike ถูกมองไปในมุมมองต่างๆนาๆ แต่ประเด็นที่เราจะหยิบยกมาพูดถึงคือ การที่จะขับ Bigbike ได้นั้นควรมีวุฒิภาวะหรือประสบการณ์มากพอที่จะขับได้ หรืออยู่แค่ที่จิตใต้สำนึกของแต่ละคนที่เขารพกฎจารจรหรือไม่

 

 

ทางด้านนายพรหมมินทร์ กัณธิยะ ผู้อำนวยการสำนักงานเครือข่ายลดอุบติเหตุ (สคอ.) ฝากเตือนไปทุกครอบครัว โดยเฉพาะเด็กและเยาวชนที่กำลังคิดจะใช้รถจักรยานยนต์ ว่า แม้รถจักรยานยนต์แบบบิ๊กไบค์ มีประมาณการใช้น้อยกว่ารถจักรยานยนต์ทั่วไป แต่จากสถิติที่จำนวนรถจักรยานยนต์เกิดอุบัติเหตุในภาพรวมสูงถึงร้อยละ 80 นั้น โดยรถบิ๊กไบค์ก็อยู่รวมในประเภทรถจักรยานยนต์ด้วย
แม้อัตราของการเกิดอุบัติเหตุไม่ค่อยสูงมากนัก แต่มีความร้ายแรงไม่น้อยไปกว่ารถประเภทอื่น ขณะที่ร้อยละ 10 อุบัติเหตุเกิดกับคนเดินเท้า และรถจักรยานร้อยละ 1 พร้อมย้ำว่า รถบิ๊กไบค์ไม่เหมาะสมกับถนนที่มีความเสี่ยงตลอดสองข้างทาง เนื่องจาก
1. บิ๊กไบค์มีขนาดใหญ่ ต้องการการทรงตัวสูง หากนำมาใช้ในเมืองที่มีอุโมงค์ มีสะพาน ทางโค้ง ถือว่าอันตรายมาก  รถบิ๊กไบค์เหมาะสมกับถนนประเภทแยกเลน
2. การขี่รถที่ต้องใช้ความเร็วสูงไม่สามารถใช้ได้จริง เพราะถนนไม่ได้ออกแบบไว้จะเห็นได้จากการมีราวกั้น ทางโค้ง ตลาด ไม่เหมาะกับรถบิ๊กไบค์มาใช้
3. ต้องมีทักษะการขับขี่สูง  มีความชำนาญ  ผ่านการฝึกฝน  และมีการใช้เบรกที่ถูกต้อง เพราะจะส่งผลต่อการทรงตัวของรถ
4. รถขนาดใหญ่ มีขนาดปริมาณซีซีมาก หากนำมาขับบนถนนที่มีขอบทาง มีกันชนที่มีระยะห่างจากถนนแค่ 1 เมตร  มีโอกาสสูงที่อุปกรณ์รถ เช่น ที่พักเท้า ที่เหยียบ ขาตั้ง จะเกี่ยวและกระแทกไหล่ทางสูงมาก  ทำให้รถพลิกคว่ำได้

 


“ขอฝากไปยังเด็กและเยาวชน ลูกหลานทุกท่านที่คิดจะใช้รถจักรยานยนต์ทุกประเภท อยากให้รู้ว่าความรู้สึกของพ่อแม่ ทุกครั้งที่ได้ยินเสียงสตาร์ทเครื่องออกไป ให้เข้าใจว่าพ่อแม่ รักและห่วงใย อยากให้ลูกปลอดภัย และคุณในฐานะลูกได้ใส่ใจพ่อแม่มากน้อยแค่ไหน”
ผอ.สคอ.กล่าวด้วยว่า อยากเสนอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องควบคุมและเข้มงวดการใช้รถบิ๊กไบค์ให้มากขึ้น ซึ่งกฎหมายควบคุมความเร็วก็มีอยู่แล้ว แต่ยังขาดการบังคับใช้จริงจัง หรือนำเทคโนโลยีที่ออกแบบเหมาะสมกับการตรวจจับความเร็วรถจักรยานยนต์มาบังคับใช้ร่วมกับรถใหญ่บนถนน
นอกจากนี้ อยากเสนอให้ผู้ที่จะใช้รถบิ๊กไบค์ควรเป็นผู้ที่มีทักษะ ประสบการณ์ ความเชี่ยวชาญและมีอายุ 30 ปีขึ้นไป เพราะจะมีวุฒิภาวะในการตัดสินใจสูงกว่า จะทำให้เกิดความปลอดภัยภัยในการขับขี่มากยิ่งขึ้น

 

 

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่ากระทรวงคมนาคม บอกถึงปัญหาอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์บิ๊กไบค์ที่เกิดขึ้นต่อเนื่องกันหลายเหตุการณ์ระยะ 2-3 วันที่ผ่านมาว่า จากอุบัติเหตุที่เกี่ยวข้องกับรถบิ๊กไบค์ แต่ละเหตุการณ ทำให้มีผู้เสียชีวิตในทุกกรณี ทำให้ขณะนี้ได้สั่งการให้กรมขนส่งทางบกได้พิจารณาศึกษาโดยละเอียด เกี่ยวกับการแยกประเภทใบขับขี่ของรถจักรยานยนต์แต่ละขนาด
รวมทั้งศึกษาการบังคับใช้กฎหมายที่เข้มข้นมากยิ่งขึ้นด้วย ส่วนการเพิ่มบทลงโทษนั้น จะเป็นมาตรการสุดท้ายที่จะดำเนินการ โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ได้แสดงความห่วงใยถึงกรณีดังกล่าวด้วย พร้อมกับสั่งกำชับให้เร่งพิจารณาหาแนวทางการแก้ไขปัญหาดังกล่าว แต่ส่วนตัวมองว่าการใช้ความเร็วในการขับขี่นั้น เป็นเรื่องจิตสำนึกของแต่ละบุคคล จะใช้แต่มาตรการทางกฎหมายในการควบคุมเพียงอย่างเดียวคงไม่ได้
นายศักดิ์สยาม ยังบอกว่า ส่วนอีกหนึ่งปัญหาคือ เด็กแว้นซิ่งรถจักรยานยนต์นั้น มีความพยายามแก้จากหลายส่วน ซึ่งทางเลือกหนึ่งที่ได้ผลใน จ.บุรีรัมย์ คือ การเปิดสนามแข่งรถ จยย.ให้ผู้ที่ชื่นชอบการขับขี่รถด้วยความเร็วไปใช้ ซึ่งการดำเนินการต้องอาศัยความอดทน และมีวิธีจูงใจให้เด็กวัยรุ่นเข้าไปใช้ เช่น ให้ซุปเปอร์สตาร์ที่เป็นไอดอลของวัยรุ่น ซึ่งชื่นชอบการ ขี่จยย.เหมือนกันมาเป็นพรีเซนเตอร์ เป็นต้น.

 

 

และทุกคนมีความคิดเห็นอย่างไรบ้างครับ Bigbike ควรจะมีใบขับขี่แยกออกมาเฉพาะหรือไม่ ควรจะมีอายุ30ปีขึ้นไปหรือปล่าวหรือว่าควรมีการอบรมทักษะการขับขี่ให้มากขึ้นกว่านี้และอบรมเรื่องวินัยการขับขี่และกฎจารจรให้เพิ่มขึ้นไว้สำหรับ Bigbike โดยเฉพาะ


ขอขอบคุณข้อมูลและรูปภาพประกอบจาก : http://workpointnews.com และ  http://www.one31.net

ติดตามข่าวสารวงการมอไซค์ : http://www.mocyc.com

Page Facebook : http://www.facebook.com/MocycThailand