ฮอนด้าหวั่นเกษตรราคาตกดึงตลาดรถสองล้อหล่นวูบ | honda
จ้าวตลาดสองล้อ “ฮอนด้า” คาดตลาดหดตัว 20% แต่ยังหวั่นราคาสินค้าเกษตรตกฉุดตลาดตกหนักกว่าที่คาด เนื่องจากกำลังซื้อของผู้บริโภคหดหาย ซ้ำไฟแนนซ์ไม่ปล่อยกู้ทำดีลเลอร์เฉา ดึงลดสต็อกลงหวังช่วยลดภาระ ออกรถโฉมใหม่เป็นหัวฉีดทั้งหมดยอมรับต้นทุนเพิ่มกว่า 3 พันต่อคันแต่ขึ้นราคาเพียงพันกว่าบาท พร้อมปรับโชว์รูม ทำแคมเปญสู้ ตั้งเป้าขายปีนี้ 1 ล้านคัน
Honda Click-i
นายธีรพัฒน์ จิวะพงศ์ กรรมการบริหาร ส่วนงานขาย บริษัท เอ.พี. ฮอนด้า จำกัด เปิดเผยว่า ตลาดรถจักรยานยนต์ในช่วง 2 เดือน(ม.ค.-ก.พ.)ที่ผ่านมาของปีนี้ตกลง30% และ 20% ตามลำดับโดยสัญญาณของการหดตัวเริ่มตั้งแต่กลางเดือนตุลาคม 2551 จากปัญหาภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ซึ่งส่งผลกระทบไปทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย ขณะที่ช่วงก่อนหน้าเติบโตติดต่อกันมาอย่างต่อเนื่องถึง 11 เดือน
ทั้งนี้ประเมินว่า ตลาดรถจักรยานยนต์ของไทยในปีนี้จะเติบโตลดลงราว 20% หรือลดลงจำนวน 3.5 แสนคันโดยตลาดรวมจะเหลือประมาณ 1.35 ล้านคัน จาก 1.7 ล้านคันในปีที่แล้ว ซึ่งฮอนด้าตั้งเป้าหมายรักษายอดขายให้อยู่ในระดับ 1 ล้านคัน หรือลดลงประมาณ 15% เมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
“ปัจจัยหลักที่ส่งผลต่อยอดขายและการตัดสินใจซื้อของผู้บริโภคคือ ราคาพืชผลทางการเกษตร เช่น ช่วงต้นปี 2551 ภาคใต้ราคายางกิโลกรัมละกว่า 100 บาท ปัจจุบันเหลือเพียง 30-40 บาท ส่งผลกระทบโดยตรงต่อกำลังซื้อของกลุ่มลูกค้าหลักของเราที่เป็นเกษตรกร จึงอยากให้ภาครัฐเข้ามาช่วยดูแลราคาพืชผลให้อยู่ในระดับสูง” นายธีรพัฒน์ กล่าว
ส่วนปัจจัยอีกประการที่ส่งผลต่อยอดขายคือ การเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อของไฟแนนซ์ หลังจากลูกค้าจำนวนหนึ่งมีความต้องการซื้อแต่กู้ไม่ผ่าน ซึ่งส่งผลให้ดีลเลอร์มีความยากลำบากในการขายมากยิ่งขึ้น ดังนั้นเพื่อช่วยลดภาระของดีลเดอร์ บริษัทฯ จึงลดการสต็อกรถของดีลเลอร์ลงจากเดิมที่ส่งรถให้เดือนละ 100,000 คัน เหลือเพียงเดือนละ 80,000 คัน สอดคล้องกับภาวการณ์ขายในปัจจุบัน
“แม้ การผลักภาระสต็อกให้กับดีลเลอร์จะช่วยสร้างยอดขายให้กับบริษัทฯ ได้ แต่เป็นเพียงในระยะสั้น ซึ่งหากทำเช่นนั้นจะทำให้เกิดสงครามราคาขึ้นระหว่างดีลเลอร์ฮอนด้าด้วยกัน เอง และจะส่งผลเสียต่อแบรนด์ฮอนด้าโดยรวมในระยะยาว”
นอกจากนี้จะมีการปรับโชว์รูมเป็นรูปแบบใหม่ Wing-center โดยปีที่ผ่านมาปรับไปแล้ว 120 แห่งและในปี 2552 คาดว่าจะปรับเปลี่ยนอีก 120 แห่ง รวมเป็นจะมีโชว์รูมรูปแบบใหม่ทั้งสิ้น 240 แห่งภายในสิ้นปี ซึ่งโชว์รูมรูปแบบใหม่จะผ่านมาตรฐานสิ่งแวดล้อมของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อม
นายธีรพัฒน์ กล่าวต่อว่า ปีนี้จะมีการเปิดตัวรถใหม่อีก 3 รุ่น โดยทุกรุ่นจะเป็นเครื่องยนต์แบบหัวฉีด ซึ่งจะทำให้ของฮอนด้าทุกรุ่นที่มีจำหน่ายกลายเป็นรถเครื่องยนต์หัวฉีดทั้ง หมด นับเป็นการปรับภาพลักษณ์ใหม่ให้กับผลิตภัณฑ์รถจักรยานยนต์ของฮอนด้า ซึ่งการเปลี่ยนเครื่องยนต์ดังกล่าวจะมีต้นทุนค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นไม่ต่ำ กว่า 3,000 บาทต่อคัน ขณะที่ราคาขายเพิ่มขึ้นมาเพียงคันละ 1,000 กว่าบาทเท่านั้น
สำหรับแผนการตลาดหลักของปีนี้ บริษัทฯ จะไม่มีการปรับลดงบประมาณของการทำตลาดลงแต่อย่างใด ล่าสุดมีออกแคมเปญคืนเงินสด 2,000 บาท ในรุ่น คลิก-ไอ และหากเป็นนักเรียนมาซื้อจะได้รับส่วนลดเพิ่มอีก 1,500 บาท ซึ่งบริษัทฯไม่เคยทำมาก่อน
“การ แข่งขันทางการตลาดของปีนี้ ถือว่ารุนแรงมาก และยอมรับว่าคู่แข่งนำสินค้าที่เราไม่มีเข้ามาขาย โดยได้รับผลตอบรับอย่างดีจากลูกค้า อย่างไรก็ตาม เราจะไม่ป้อนรถที่ฝืนความต้องการของลูกค้าเข้าสู่ตลาด” นายธีรพัฒน์กล่าว
ที่มา :http://www.manager.co.th/Motoring/ViewNews.aspx?NewsID=9520000033101