ขาย
นายนิธิกร พรธรรมรงค์ ผู้ประสานงานเหยื่อในคดี ของ นายกฤษณะ เข็มทอง หรือ พร้อมพล อรุณรัตนดิลก
สินค้าอื่นๆ
ติดต่อเจ้าของประกาศ
นายนิธิกร พรธรรมรงค์ ผู้ประสานงานเหยื่อในคดี
ของ นายกฤษณะ เข็มทอง หรือ พร้อมพล อรุณรัตนดิลก
ผู้ใดที่โดน นายกฤษณะ เข็มทอง หรือ พร้อมพล อรุณรัตนดิลก
โกงเงินสามารถติดต่อผมได้ที่เบอร์โทรศัพท์ 080-323-2716
ภาพของ นายกฤษณะ เข็มทอง
ภาพของ นายกฤษณะ เข็มทอง
8 มกราคม 2566 พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. สั่งการให้ พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น., พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น., พ.ต.อ.ฤตวีร์ สุขเจริญ ผกก.วิเคราะห์ข่าวฯ บก.สส.บช.น. พร้อมกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดปฏิบัติการที่ 5 กก.วิเคราะห์ข่าวและเครื่องมือพิเศษ บก.สส.บช.น. จับกุมนายกฤษณะ หรือ "นิว สามโคก" (สงวนนามสกุล) อายุ 31 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลแขวงสุพรรณบุรี ที่ จ.178/2565 ลงวันที่ 28 ธันวาคม พ.ศ.2565 โดยจับกุมได้บริเวณกลางซอย 4/1 ภายในหมู่บ้านแห่งหนึ่ง ต.สามโคก อ.สามโคก จ.ปทุมธานี
การจับกุมครั้งนี้สืบเนื่องจาก ชุดลาดตระเวนออนไลน์ บก.สส.บช.น. ได้รับแจ้งจากประชาชนว่า ถูกคนร้ายโพสต์หลอกขายอะไหล่รถจักรยานยนต์ในกลุ่ม Triumph Scramber Club Thailand , Triumph-Thailand เหตุเกิดเมื่อวันที่ 31 ธันวาคม 2565 เป็นเหตุให้ได้รับความเสียหาย ซึ่งตามพฤติการณ์น่าจะมีผู้เสียหายหลายรายหลงเชื่อตกเป็นเหยื่อคนร้ายรายนี้ ทั้งอดีตและปัจุบัน มูลค่าความเสียหาย 3 ล้านบาท จนมีการตั้งกลุ่มทางโซเชียล รวมพลคนถูกนายกฤษณะ เข็มทอง โกงเงิน มีสมาชิกกว่า 200 คน
สอบสวนผู้ต้องหา ให้การรับสารภาพว่า เริ่มมีพฤติกรรมโพสต์หลอกขายสินทางทางออนไลน์มาตั้งแต่ประมาณปี 2553 จนมาถูกจับกุมในข้อหา "ฉ้อโกง" เมื่อช่วงปลายปี 2554 ครั้งนั้นถูกศาลตัดสินจำคุก 3 ปี แต่เนื่องจากตนให้การรับสารภาพศาลจึงลดโทษเหลือ 1 ปี 6 เดือน โทษ 1 ปี 6 เดือนให้รอลงอาญา 2 ปี ต่อมาปี 2555 ถูกจับกุมในข้อหา "ฉ้อโกง" ท้องที่ สภ.ท่าช้าง จ.สิงห์บุรี ถูกตัดสินจำคุก 2 ปี 9 เดือนหลังพ้นโทษออกมาได้หลอกขายอะไหล่รถยนต์ในเพจ/กลุ่ม เฟซบุ๊ก ต่างๆ กว่า 50 กลุ่ม โดยล่าสุดเมื่อช่วงเดือนธันวาคม 2565 ที่ผ่านมา ได้โพสต์หลอกขายอะไหล่รถจักรยานยนต์ Triumph เช่น ท่อไอเสีย ไฟเลี้ยว กันตก เบาะ ในกลุ่ม Triumph Scramber Club Thailand , Triumph-Thailand เสียค่าใช้จ่ายในการเช่าบัญชีประมาณ 900 บาท จะได้ทั้งเลขบัญชีธนาคารและรูปถ่ายบัตรประจำตัวชาชนของเจ้าของบัญชีมาเพื่อใช้ในการรองรับเงินที่หลอกได้จากผู้เสียหาย
ซึ่งตั้งแต่ปี 2553 ถึงปัจจุบัน ได้เงินจากการก่อเหตุมากกว่า 3 ล้านบาท เงินที่ได้ส่วนใหญ่นำมาใช้จ่ายในชีวิตประจำวันในครอบครัว รวมทั้งซื้อสิ่งของที่ตนอยากได้
เมื่อตรวจสอบประวัติการกระทำความผิดของผู้ต้องหาในฐานข้อมูลสำนักงานตำรวจแห่งชาติพบว่าผู้ต้องหาที่ถูกจับกุมมีประวัติเคยถูกดำเนินคดีตั้งแต่ปี 2553 - 2565 ในข้อหาฉ้อโกง และฉ้อโกงประชาชน ทั้งที่เคยถูกจับกุมได้ และยังต้องการตัวเพื่อดำเนินคดี รวม 13 คดี
เบื้องต้นแจ้งข้อหา "ร่ามกันฉ้อโกงและโดยทุจริต หรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ผู้อื่น โดยมิได้กระทำต่อประชาชน" นำตัวส่งพนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป