ขาย BMW K 1600 GT รถปี2012 จด2014 ออกศูนย์บาเซ ขายถูกๆ 1,080,000บาท จัดไฟแนนท์ได้ครับ สนใจดูรถติดต่อร้านตาเบิ้ล 083-4414111
รูป https://www.facebook.com/media/set/?set=a.881888971850785.1073742174.100000890705345&type=1&l=1b05f58787
BMW K 1600 GT ได้รับรางวัล International Bike of the Year 2011 ในงานบรัซเซลมอเตอร์โชว์ ด้วยเครื่องยนต์ 6 สูบแถวเรียง ความจุ 1,649 ซีซี สามารถผลิตกำลังสูงสุด 160 แรงม้าที่ 7,750 รอบ และแรงบิดสูงสุด 175 นิวตัน-เมตรที่ 5,250 รอบ ส่งกำลังผ่านเกียร์แบบ Helical Synchromesh 6 สปีด ซึ่งทำให้การขับขี่เป็นไปอย่างมีพลังที่ต่อเนื่องและเรียบ เนียน เทคโนโลยี Lightweight Engineering เครื่องยนต์ 6 สูบของ BMW K 1600 GT มีน้ำหนักเพียง 102.6 กิโลกรัม จัดว่าเป็นหนึ่งในเครื่องยนต์ที่มีน้ำหนักเบาที่สุดในคลาสเครื่องยนต์ 1,000 ซีซี เครื่องยนต์นี้ยังมีความแข็งแกร่ง แคมชาร์ฟและกระเดื่องวาล์วน้ำหนักเบาที่ได้รับการออกแบบทางวิศวกรรมอย่างเหนือชั้นและผลิตจากวัสดุน้ำหนักเบาพิเศษ มีความสมดุล ไม่ต้องอาศัย Balance Shaft ในการสร้างสมดุลให้กับเครื่องยนต์ เพื่อช่วยลดชิ้นส่วนเกินจำเป็น
BMW K1600GT / BMW K1600GTL มีคาร์แรกเตอร์การขับขี่ที่โดดเด่นด้วยนวัตกรรมเครื่องยนต์ 6 สูบแถวเรียง ที่สามารถผลิตกำลังมหาศาลได้อย่างเรียบเนียน และราบรื่น อีกทั้งยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีความปลอดภัยที่เหนือชั้น ทั้งระบบ DTC - Dynamic Traction Control และระบบช่วงล่าง ESA II - Electronic Suspension Adjustment ที่ช่วยเพิ่มความปราดเปรียวคล่องตัว ในขณะเดียวกัน ก็ให้ความมั่นคงปลอดภัย มั่นใจในทุกการเดินทาง นั่นทำให้ BMW K1600GT / BMW K1600GTL เป็นสุดยอดมอเตอร์ไซค์ทัวร์ริ่ง สมกับคอนเซ็ปต์ Gran Turismo อย่างเต็มขั้น
เครื่องยนต์ 6 สูบแถวเรียง
สมรรถนะสูง ที่มีน้ำหนักเบาที่สุดและขนาดกะทัดรัดที่สุดในบรรดาเครื่องยนต์ > 1,000 ซีซี
baวิศวกรของ บีเอ็มดับเบิลยู ได้ออกแบบเครื่องยนต์ 6 สูบแถวเรียงใน BMW K1600GT / BMW K1600GTL ให้มีรูปทรงแคบเรียว และขนาดกะทัดรัดที่สุด โดยอาศัยการออกแบบให้กระบอกสูบมีขนาดเพียง 72 มิลลิเมตร และถูกจัดวางเรียงชิดกันด้วยระยะเพียง 5 มิลลิเมตร ซึ่งต้องอาศัยเทคโนโลยีวัสดุศาสตร์ขั้นสูง และเทคโนโลยีการผลิตที่มีความแม่นยำเป็นพิเศษ
เครื่องยนต์ของ BMW K1600GT / BMW K1600GTL เป็นเครื่องยนต์แบบ 6 สูบแถวเรียง ความจุ 1,649 ซีซี สามารถผลิตกำลังสูงสุด 160 แรงม้าที่ 7,750 รอบ และแรงบิดสูงสุด 175 นิวตัน-เมตรที่ 5,250 รอบ ซึ่งกว่า 70% ของแรงบิดมาตั้งแต่รอบเพียง 1,500 รอบ ซึ่งทำให้การขับขี่เป็นไปได้อย่างมีพลังที่ต่อเนื่องและเรียบเนียน ซึ่งเป็นคาร์แรกเตอร์ที่สำคัญของมอเตอร์ไซค์ประเภท ทัวร์ริ่ง ที่เน้นการวิ่งทางไกล
เครื่องยนต์ 6 สูบแถวเรียงใน BMW K1600GT / BMW K1600GTL มีการจัดวางตำแหน่งของลูกสูบเอียงทำมุม 55 องศา ซึ่งเป็นเทคนิคการจัดวางลูกสูบเดียวกับที่ได้สร้างชื่อเสียงให้กับเครื่องยนต์ 4 สูบ ในมอเตอร์ไซค์รุ่นใหญ่ของบีเอ็มดับเบิลยู อย่าง K 1300 มาแล้ว ซึ่งการจัดวางแบบนี้ นอกจากจะช่วยในเรื่องของการกระจายน้ำหนักแล้ว ยังช่วยให้จุดศูนย์ถ่วงต่ำ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญสำหรับมอเตอร์ไซค์แบบสปอร์ตทัวริ่ง ที่ต้องการทั้งสมรรถนะ และการทรงตัวยอดเยี่ยม
ประโยชน์อีกประการหนึ่งของการวางเครื่องยนต์เอียงทำมุมไปด้านหน้านี้ คือ แอร์โร่ไดนามิกส์ของการระบายอากาศ โดยช่องดักลมจะถูกติดตั้งอยู่ในตำแหน่งเหนือเครื่องยนต์พอดี เพื่อช่วยให้ประสิทธิภาพการทำงานดีที่สุด นอกจากนั้นยังช่วยให้การออกแบบเฟรมเป็นได้อย่างมีประสิทธิภาพ และมีความสง่างามด้วย
ความเหนือชั้นอีกประการ อยู่ที่เทคโนโลยี Lightweight Engineering โดยเครื่องยนต์ 6 สูบของ BMW K1600GT / BMW K1600GTL นี้มีน้ำหนักเพียง 102.6 กิโลกรัม ซึ่งจัดได้ว่าเป็นหนึ่งในเครื่องยนต์ที่มีน้ำหนักเบาที่สุดในคลาสเครื่องยนต์ > 1,000 ซีซี และที่สำคัญ นอกจากน้ำหนักเบาแล้ว เครื่องยนต์นี้ยังมีความแข็งแกร่งในเวลาเดียวกัน ซึ่งเป็นผลมาจากความเอาใจใส่ในทุกรายละเอียด ของวิศวกรของบีเอ็มดับเบิลยู
ยกตัวอย่างเช่น แคมชาร์ฟและกระเดื่องวาล์วน้ำหนักเบา ที่ได้รับการออกแบบทางวิศวกรรมอย่างเหนือชั้น และผลิตจากวัสดุน้ำหนักเบาพิเศษ อีกทั้งยังได้รับการออกแบบให้มีความสมดุลในตัวเอง จึงไม่ต้องอาศัย Balance Shaft ในการสร้างสมดุลให้กับเครื่องยนต์ เพื่อช่วยลดชิ้นส่วนที่เกินจำเป็น
แชสซีไฮเทค
เหนือชั้น สะดวกสบาย ปราดเปรียวคล่องตัว และปลอดภัยในทุกการเดินทาง
นอกจากนั้น วิศวกรได้ประยุกต์ใช้เทคโนโลยี Lightweight Engineering ในการออกแบบแชสซีและตัวถัง เพื่อให้มีความแข็งแกร่ง แต่ในขณะเดียวกันก็มีน้ำหนักเบา ยกตัวอย่างเช่น เฟรมของตัวรถเป็นโครงสร้างแบบ Bridge และระบบช่วงล่างด้านหน้าแบบ Duolever และช่วงล่างด้านหลังแบบ Paralever ทั้งหมดนี้ผลิตจากวัสดุอัลลอยด์ที่น้ำหนักเบาเป็นพิเศษ อีกทั้งวิศวกรของบีเอ็มดับเบิลยู ยังให้ความสำคัญกับการกระจายน้ำหนักที่สมดุล และมีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ เพื่อให้มีการทรงตัวที่ยอดเยี่ยม อีกทั้งยังมีความปราดเปรียว คล่องตัว เหนือชั้น ซึ่งเป็นพื้นฐานด้านความปลอดภัยที่สำคัญที่สุด
ผลลัพธ์จากการประยุกต์ใช้เทคโน โลยี Lightweight Engineering ทั้งในส่วนของเครื่องยนต์ โครงสร้างแชสซี และตัวถัง ทำให้ BMW K1600GT มีน้ำหนักรวมเพียง 319 กิโลกรัม และ BMW K1600GTL มีน้ำหนัก 348 กิโลกรัม รวมกล่องเก็บสัมภาระแล้ว ซึ่งจัดได้ว่าเป็นหนึ่งในมอเตอร์ไซค์ทัวร์ริ่งที่มีน้ำหนักเบาที่สุดในเซ็กเมนท์
นอกจากการออกแบบโครงสร้างแชสซีให้มีน้ำหนักเบา และมีการกระจายน้ำหนักอย่างสมดุล ซึ่งเป็นปัจจัยพื้นฐานที่สำคัญแล้ว BMW K1600GT / BMW K1600GTL ยังมาพร้อมกับระบบอิเลคทรอนิคเพื่อช่วยควบคุมแชสซี ที่ช่วยเสริมความปลอดภัย และสุนทรียภาพในการขับขี่อีกขั้น
ยกตัวอย่างเช่น อ๊อปชั่นระบบ DTC หรือ Dynamic Traction Control เพื่อช่วยปรับการจ่ายกำลัง เพิ่มแทร็คชั่นให้เหมาะสมกับสภาพ ถนนที่แตกต่างกัน โดยระบบ DTC นี้สามารถปรับได้ 3 โหมด ได้แก่ Rain, Road และ Dynamic และอ๊อปชั่นระบบ ESA II หรือ Electronic Suspension Adjustment ที่ช่วยปรับความ แข็ง - นุ่ม และปรับอัตราการคืนตัวของระบบแดมเปอร์ ทั้งหน้าและหลัง เพื่อเพิ่มความมั่นคง และเพิ่มศักยภาพการทรงตัวภายใต้น้ำหนักบรรทุกที่แตกต่างกัน โดยระบบนี้สามารถปรับได้ 3 โหมด ได้แก่ Sport, Normal และ Comfort
อุปกรณ์ไฮเทค
เพิ่มความหรูหราและสะดวกสบายขั้นสูงสุด
BMW K1600GT / BMW K1600GTL มาพร้อมกับระบบแสดงผลข้อมูล Multi-Controller สุดไฮเทค โดยแสดงผลผ่านจอมอนิเตอร์แบบ Color TFT ขนาด 5.7 นิ้ว ที่ติดตั้งอยู่ระหว่างมาตรวัดความเร็วและวัดรอบ ซึ่งนอกจากจะสามารถแสดงข้อมูลจากระบบ On-board Computer ต่างๆ แล้ว ยังทำหน้าที่เป็นศูนย์ควบคุมสั่งการระบบ Infotainment ซึ่งนี่เป็นครั้งแรกที่มีการประยุกต์ใช้ระบบดังกล่าวในมอเตอร์ไซค์
อีกหนึ่งนวัตกรรมเพื่อความสะดวกสบาย และความปลอดภัยอย่างเหนือชั้น คือ กระจกบังลมหน้า ที่ปรับด้วยไฟฟ้า และมีเมมโมรี่จำตำแหน่งรูปทรง และตำแหน่งของกระจกบังลมหน้าของ BMW K1600GT / BMW K1600GTL ได้รับการออกแบบอยู่บนหลักการแอร์โร่ไดนามิกส์ พร้อมทั้งยังได้ผ่านการทดสอบในอุโมงค์ลม เพื่อให้ได้ขนาด รูปร่าง และมุมของกระจกบังลมหน้า ที่นอกจากจะให้ศักยภาพการปกป้องผู้ขับขี่ที่ดีที่สุดแล้ว ยังช่วยเพิ่มความสามารถด้านแอร์โร่ไดนามิกส์ โดยการลด 'ลมวน' ขณะใช้ความเร็วสูงให้น้อยที่สุดด้วย
BMW K1600GT / BMW K1600GTL
สองแนว สองสไตล์ ภายใต้คอนเซ็ปต์ GT Gran Turismo
ในขณะที่ BMW K1600GT ได้รับการออกแบบให้มีตำแหน่งท่านั่ง - ทั้งในส่วนของตำแหน่งแฮนด์พวงมาลัย เบาะนั่ง และที่วางเท้า - ที่เน้นการขับขี่แบบแอคทีฟทัวร์ริ่ง BMW K1600GTL ซึ่งเป็นรุ่น Luxury เน้นความหรูหราสะดวกสบาย สำหรับใช้ในการเดินทางไกลโดยเฉพาะ มันมีตำแหน่งท่านั่งที่ยืดตัวตั้งตรง แฮนด์พวงมาลัยจะยืดมาด้านหลังเพิ่มขึ้น ในขณะที่ที่พักเท้าจะเยื้องไปด้านหน้าเล็กน้อย ซึ่งเป็นท่านั่งผ่อนคลายสำหรับการเดินทางไกล นอกจากนั้นยังได้รับการตกแต่งด้วยคิ้วโครเมี่ยม และกล่องเก็บสัมภาระด้านข้างและด้านบน
ทั้ง BMW K1600GT / BMW K1600GTL ยังมาพร้อมกับอุปกรณ์มาตรฐานเพิ่มความสะดวกสบาย และความปลอดภัย เช่น ไฟหน้าซีนอน ระบบ Cruise Control และระบบ On-board Computer อีกทั้งยังมีอ๊อปชั่นเพิ่มเติมอีกมากมาย รวมถึงระบบ Adaptive Headlight ซึ่งเป็นครั้งแรกที่มีการติดตั้งระบบดังกล่าวในมอเตอร์ไซค์ด้วย