การตั้งครรภ์คือการเดินทางที่น่าอัศจรรย์ และการเริ่มต้นที่ดีที่สุดคือการ เตรียมความพร้อมของร่างกาย ทั้งของคุณแม่และคุณพ่อ ก่อนที่จะเริ่มตั้งครรภ์ การวางแผนล่วงหน้าจะช่วยให้ร่างกายมีความสมบูรณ์แข็งแรง พร้อมสำหรับการเจริญเติบโตของทารก และลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนต่างๆการเตรียมความพร้อมของร่างกายก่อนตั้งครรภ์ไม่เพียงแต่เพิ่มโอกาสในการมีลูกที่สุขภาพดีและสมบูรณ์เท่านั้น แต่ยังช่วยให้การตั้งครรภ์ของคุณแม่เป็นไปอย่างราบรื่นและปลอดภัยยิ่งขึ้นอีกด้วย การทำงานร่วมกันของคุณพ่อคุณแม่ในการดูแลสุขภาพ จะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่สุดของการสร้างครอบครัวที่เปี่ยมสุข สำหรับคุณแม่ (ว่าที่คุณแม่) ตรวจสุขภาพก่อนตั้งครรภ์ (Preconception Check-up) ปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพทั่วไป ตรวจเลือดเพื่อคัดกรองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น ไวรัสตับอักเสบบี เอชไอวี ซิฟิลิส และโรคทางพันธุกรรมบางชนิด เช่น ธาลัสซีเมีย ตรวจหาภูมิคุ้มกันหัดเยอรมันและอีสุกอีใส หากยังไม่มีภูมิคุ้มกัน ควรฉีดวัคซีนและรออย่างน้อย 1-3 เดือนก่อนตั้งครรภ์ ปรึกษาเรื่องยาที่กำลังใช้อยู่ว่ามีผลต่อการตั้งครรภ์หรือไม่ เพื่อปรับเปลี่ยนยาหรือขนาดยาให้เหมาะสม ตรวจฟันและช่องปาก เพราะปัญหาเหงือกและฟันอาจส่งผลต่อการตั้งครรภ์ได้ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์และเสริมโฟลิก (Folic Acid) เน้นอาหารครบ 5 หมู่ ผักผลไม้ ธัญพืชไม่ขัดสี โปรตีน และลดอาหารแปรรูป น้ำตาลสูง เริ่มรับประทาน กรดโฟลิก (Folic Acid) 400 ไมโครกรัมต่อวัน ล่วงหน้าอย่างน้อย 1-3 เดือนก่อนตั้งครรภ์ และต่อเนื่องในช่วงไตรมาสแรกของการตั้งครรภ์ เพื่อช่วยป้องกันความพิการแต่กำเนิดของระบบประสาทและสมองของทารก (Neural Tube Defects)

อาจพิจารณาวิตามินรวมสำหรับผู้หญิงที่ต้องการตั้งครรภ์ภายใต้คำแนะนำของแพทย์ ควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม ภาวะน้ำหนักตัวน้อยหรือมากเกินไป ล้วนส่งผลต่อการตั้งครรภ์ การมีน้ำหนักตัวที่เหมาะสมจะช่วยลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อน เช่น เบาหวานขณะตั้งครรภ์ ความดันโลหิตสูง และภาวะแทรกซ้อนในการคลอด ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เลือกการออกกำลังกายระดับปานกลาง เช่น เดิน โยคะ ว่ายน้ำ อย่างน้อย 30 นาที 3-5 วันต่อสัปดาห์ เพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงของร่างกาย และเตรียมกล้ามเนื้อให้พร้อมสำหรับการตั้งครรภ์และการคลอด หยุดพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ หยุดสูบบุหรี่ และหลีกเลี่ยงควันบุหรี่มือสอง งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยเด็ดขาด จำกัดปริมาณคาเฟอีน (ไม่เกิน 200 มิลลิกรัมต่อวัน เทียบเท่ากาแฟ 1-2 แก้ว) หลีกเลี่ยงการใช้ยาเสพติดทุกชนิด พฤติกรรมเหล่านี้ส่งผลเสียอย่างร้ายแรงต่อพัฒนาการของทารกและเพิ่มความเสี่ยงต่อการแท้งบุตร จัดการความเครียดและพักผ่อนให้เพียงพอ ความเครียดส่งผลต่อฮอร์โมนในร่างกาย ลองหาวิธีผ่อนคลาย เช่น ฝึกสมาธิ โยคะ หรือทำกิจกรรมที่ชอบ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ 7-9 ชั่วโมงต่อคืน เพื่อให้ร่างกายได้ฟื้นฟูและปรับสมดุล สำหรับคุณพ่อ (ว่าที่คุณพ่อ) แม้ว่าการตั้งครรภ์จะเกิดขึ้นในร่างกายของคุณแม่ แต่ สุขภาพของคุณพ่อ ก็มีความสำคัญต่อคุณภาพของสเปิร์มและสุขภาพโดยรวมของทารก รักษาสุขภาพให้แข็งแรง  รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายสม่ำเสมอ และรักษาน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ หลีกเลี่ยงการอาบน้ำร้อนจัด ซาวน่า หรือการใส่กางเกงที่รัดแน่นเกินไป เพราะอุณหภูมิที่สูงขึ้นอาจส่งผลต่อการสร้างสเปิร์ม หยุดพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ หยุดสูบบุหรี่ โดยเด็ดขาด เพราะสารนิโคตินและสารเคมีอื่นๆ ในบุหรี่สามารถทำลาย DNA ของสเปิร์มได้ งดหรือลดปริมาณเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะแอลกอฮอล์ส่งผลเสียต่อคุณภาพและปริมาณของสเปิร์ม หลีกเลี่ยงการใช้ยาเสพติด ปรึกษาแพทย์หากมีข้อกังวล หรือมีการ buy kisspeptin-10 มาเสริมในเรื่องการเจริญพันธ์ หากมีประวัติโรคประจำตัว หรือมีข้อสงสัยเกี่ยวกับภาวะเจริญพันธุ์ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพและรับคำแนะนำที่เหมาะสม