ในโลกของการเลือกกระเบื้องสำหรับปูพื้นบ้าน กระเบื้องพอร์ซเลนเป็นหนึ่งในวัสดุปูพื้นที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย ด้วยคุณสมบัติที่โดดเด่นในด้านความแข็งแรง ทนทาน ยิ่งถ้าพูดถึงเรื่องความสวยงามด้วยแล้ว ก็มีให้เลือกหลากหลายลวดลายอีกด้วย 

ไปเจาะลึกทุกแง่มุมของกระเบื้องพอร์ซเลน ตั้งแต่ลักษณะเฉพาะ การนำไปใช้งาน รวมถึงวิธีการดูแลรักษาเพื่อให้กระเบื้องคงความสวยงามและใช้งานได้ยาวนาน

กระเบื้องพอร์ซเลนคืออะไร?

กระเบื้องพอร์ซเลนคือกระเบื้องเซรามิกชนิดพิเศษที่ผลิตจากดินพอร์ซเลน ซึ่งเป็นดินขาวที่มีคุณภาพสูง ผสมกับแร่ธาตุต่างๆ เช่น ดินขาว ควอตซ์ และเฟลด์สปาร์ แล้วนำไปเผาในอุณหภูมิสูงกว่า 1,200 องศาเซลเซียส และด้วยกระบวนการผลิตนี้ ส่งผลให้กระเบื้องประเภทนี้มีเนื้อแน่น มีรูพรุนน้อยมาก (อัตราการดูดซึมน้ำต่ำกว่า 0.5%) ทำให้มีความแข็งแรงทนทาน ทนต่อรอยขีดข่วน แรงกระแทก และการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศได้ดีกว่ากระเบื้องเซรามิกทั่วไป

ลักษณะเฉพาะของกระเบื้อง 

- ความแข็งแรงและความทนทานสูง: ด้วยความที่มีความแข็งแรงกว่ากระเบื้องเซรามิกทั่วไป ทำให้ทนทานต่อการใช้งานหนัก แรงกระแทก และรอยขีดข่วน เหมาะสำหรับการใช้งานในพื้นที่ที่มีการสัญจรสูง

- อัตราการดูดซึมน้ำต่ำ: ด้วยเนื้อกระเบื้องที่แน่นและมีรูพรุนน้อย ทำให้กระเบื้องประเภทนี้ดูดซึมน้ำได้น้อยมาก จึงทนทานต่อความชื้น ไม่เกิดคราบสกปรกฝังแน่น และป้องกันการเกิดเชื้อราได้ดี

- ความหลากหลายของดีไซน์: มีให้เลือกหลากหลายทั้งสีสัน ลวดลาย และพื้นผิว เช่น ลายหินอ่อน ลายไม้ ลายหินธรรมชาติ และลายโมเดิร์น ทำให้สามารถนำไปตกแต่งได้หลากหลายสไตล์

- ทำความสะอาดง่าย: ด้วยพื้นผิวที่เรียบและมีรูพรุนน้อย ทำให้ทำความสะอาดได้ง่าย เพียงแค่ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดก็สามารถขจัดคราบสกปรกได้

เหมาะกับการใช้งานประเภทใดบ้าง?

- พื้นที่ภายในบ้าน: เหมาะสำหรับปูพื้นและผนังในห้องต่างๆ เช่น ห้องนั่งเล่น ห้องนอน ห้องครัว และห้องน้ำ โดยเฉพาะห้องน้ำที่ต้องการวัสดุปูพื้นที่ทนทานต่อความชื้น

- พื้นที่ภายนอกบ้าน: เหมาะสำหรับปูพื้นทางเดิน ระเบียง โรงจอดรถ และพื้นที่อื่นๆ ที่ต้องสัมผัสกับสภาพอากาศภายนอก เนื่องจากทนทานต่อสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงและรอยขีดข่วน

- พื้นที่สาธารณะ: เหมาะสำหรับปูพื้นในห้างสรรพสินค้า โรงแรม สำนักงาน และพื้นที่อื่นๆ ที่มีการสัญจรสูง เนื่องจากมีความทนทานต่อการใช้งานหนัก

วิธีการเลือกกระเบื้องพอร์ซเลนให้เหมาะสมกับการใช้งาน

- ประเภทของกระเบื้อง:

 

1. แบบเคลือบ (Glazed Porcelain): มีการเคลือบผิวหน้า ทำให้มีสีสันและลวดลายที่หลากหลาย เหมาะสำหรับการใช้งานทั่วไป

2. แบบไม่เคลือบ (Unglazed Porcelain): เนื้อกระเบื้องเป็นเนื้อเดียวกันทั้งแผ่น มีความทนทานสูง เหมาะสำหรับการใช้งานในพื้นที่ที่มีการสัญจรสูง

3. แบบ Full Body/Homogeneous: สีและลายกระเบื้องเป็นเนื้อเดียวกันทั้งแผ่น ทำให้รอยบิ่นหรือรอยขีดข่วนมองเห็นได้ยาก

 

- ขนาดและรูปร่าง: เลือกขนาดและรูปร่างของกระเบื้องให้เหมาะสมกับขนาดของพื้นที่และสไตล์การตกแต่ง

- ค่า R (Slip Resistance): ค่า R แสดงถึงความฝืดของพื้นผิว ควรเลือกค่า R ให้เหมาะสมกับการใช้งาน เช่น พื้นที่เปียกควรเลือกค่า R ที่สูง เพื่อป้องกันการลื่น

- ค่า PEI (Porcelain Enamel Institute): ค่า PEI แสดงถึงความทนทานต่อการขัดสี ควรเลือกค่า PEI ให้เหมาะสมกับการใช้งาน เช่น พื้นที่ที่มีการสัญจรสูงควรเลือกค่า PEI ที่สูง

- งบประมาณ: กำหนดงบประมาณในการเลือกซื้อกระเบื้องพอร์ซเลน เพื่อให้ได้กระเบื้องที่มีคุณภาพเหมาะสมกับราคา

วิธีการดูแลรักษากระเบื้องพอร์ซเลนให้ใช้งานได้ยาวนาน 

การดูแลรักษากระเบื้องอย่างถูกวิธีจะช่วยยืดอายุการใช้งานและคงความสวยงามของกระเบื้องได้ยาวนาน ดังนี้

- ทำความสะอาดเป็นประจำ: ใช้ไม้กวาดหรือเครื่องดูดฝุ่นทำความสะอาดฝุ่นและสิ่งสกปรกออกจากพื้นกระเบื้องเป็นประจำ จากนั้นใช้ผ้าชุบน้ำสะอาดเช็ดทำความสะอาด

- ใช้น้ำยาทำความสะอาดที่เหมาะสม: หลีกเลี่ยงการใช้น้ำยาทำความสะอาดที่มีฤทธิ์เป็นกรดหรือด่างรุนแรง เพราะอาจทำลายพื้นผิวกระเบื้องได้ ควรเลือกใช้น้ำยาทำความสะอาดที่ออกแบบมาสำหรับกระเบื้องพอร์ซเลนโดยเฉพาะ

- หลีกเลี่ยงการใช้แปรงขัดที่มีขนแข็ง: การใช้แปรงขัดที่มีขนแข็งอาจทำให้เกิดรอยขีดข่วนบนพื้นผิวกระเบื้องได้ ควรใช้ผ้าหรือฟองน้ำนุ่มๆ ในการทำความสะอาด

- เช็ดคราบสกปรกทันที: หากมีคราบสกปรกหกเลอะพื้นกระเบื้อง ควรรีบเช็ดทำความสะอาดทันที เพื่อป้องกันคราบฝังแน่น

- ตรวจสอบและซ่อมแซม: ตรวจสอบสภาพกระเบื้องเป็นประจำ หากพบรอยร้าวหรือกระเบื้องหลุดล่อน ควรรีบซ่อมแซมทันที