ท้องผูกอย่านิ่งนอนใจ อาจเป็นสัญญาณ 5 โรคร้ายนี้ !
- จิปาถะ อื่นๆ
-
nenechan
- 0
- 20 ธ.ค. 2567 16:25
- 125.25.38.***
อาการท้องผูกเป็นปัญหาที่หลายคนมักมองข้ามและคิดว่าเป็นเรื่องปกติในชีวิตประจำวัน แต่ในความเป็นจริงแล้ว อาการที่คนส่วนใหญ่มองว่าเป็นเรื่องทั่วไป อาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคร้ายแรงที่ควรใส่ใจและรีบพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยโดยเร็วที่สุด ก่อนร่างกายจะตกอยู่ในอันตรายและสายเกินแก้
1.มะเร็งลำไส้ใหญ่และทวารหนัก
มะเร็งลำไส้ใหญ่เป็นหนึ่งในมะเร็งที่พบบ่อยที่สุดในประเทศไทย โดยอาการท้องผูกเรื้อรังอาจเป็นสัญญาณเตือนแรกของโรคนี้ เมื่อมะเร็งเติบโตขึ้นจะทำให้ลำไส้ตีบแคบ ส่งผลให้การขับถ่ายเป็นไปได้ยากขึ้น หากพบว่ามีอาการถ่ายยากสลับกับท้องเสีย มีเลือดปนในอุจจาระ หรือน้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ทันที
2.โรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง
โรคลำไส้อักเสบเรื้อรังสามารถแสดงอาการผ่านการเปลี่ยนแปลงของการขับถ่าย โดยผู้ป่วยอาจมีอาการท้องผูกสลับกับท้องเสีย มีอาการปวดท้อง และอาจพบมูกเลือดในอุจจาระ การอักเสบที่เกิดขึ้นสามารถส่งผลต่อการทำงานของลำไส้ และหากไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้
3.โรคไทรอยด์
ความผิดปกติของต่อมไทรอยด์ โดยเฉพาะภาวะไทรอยด์ต่ำ สามารถส่งผลให้เกิดการขับถ่ายยากได้เช่นกัน เนื่องจากฮอร์โมนไทรอยด์มีผลต่อการทำงานของระบบทางเดินอาหารและการเคลื่อนไหวของลำไส้ ผู้ที่มีอาการถ่ายยากร่วมกับอาการอื่น ๆ เช่น อ่อนเพลีย ง่วงนอน ผิวแห้ง น้ำหนักเพิ่มขึ้น ควรได้รับการตรวจระดับฮอร์โมนไทรอยด์
4.โรคพาร์กินสัน
โรคพาร์กินสันไม่ได้ส่งผลกระทบเพียงแค่การเคลื่อนไหวของร่างกายเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อการทำงานของระบบทางเดินอาหารด้วย ผู้ป่วยพาร์กินสันมักมีปัญหาท้องผูกเรื้อรัง เนื่องจากระบบประสาทที่ควบคุมการบีบตัวของลำไส้ทำงานผิดปกติ หากพบว่ามีอาการร่วมกับอาการสั่น เคลื่อนไหวช้า หรือการทรงตัวไม่ดี ควรปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยเพิ่มเติม
5.ภาวะลำไส้อุดตัน
การท้องผูกอย่างรุนแรงอาจเป็นสัญญาณของภาวะลำไส้อุดตัน ซึ่งเป็นภาวะฉุกเฉินทางการแพทย์ที่ต้องได้รับการรักษาโดยเร็ว ผู้ป่วยจะมีอาการปวดท้องรุนแรง ท้องอืด คลื่นไส้อาเจียน และไม่สามารถถ่ายอุจจาระได้ ภาวะนี้อาจเกิดจากมะเร็ง การบิดตัวของลำไส้ หรือพังผืดที่เกิดจากการผ่าตัดในอดีต
คำแนะนำในการป้องกันและดูแลตนเอง
การป้องกันและเฝ้าระวังอาการขับถ่ายยาก สามารถทำได้โดย 5 วิธีง่าย ๆ เหล่านี้
- รับประทานอาหารที่มีกากใยสูง ผักและผลไม้ให้เพียงพอ
- ดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ อย่างน้อย 30 นาทีต่อวัน
- ไม่กลั้นอุจจาระเมื่อมีความรู้สึกอยากถ่าย
- สังเกตความผิดปกติของการขับถ่ายและอาการอื่น ๆ ที่ผิดปกติ
หากมีอาการท้องผูกเรื้อรังที่เป็นมานานกว่า 2 สัปดาห์ หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ ร่วมด้วย ควรปรึกษาแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรักษาอย่างเหมาะสม การวินิจฉัยที่รวดเร็วและการรักษาที่ถูกต้องจะช่วยป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นและเพิ่มโอกาสในการรักษาให้หายขาดได้