คู่มือสำหรับเจ้าของรถ EV ตู้ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ราคาเท่าไร ?

  • จิปาถะ อื่นๆ
  • nenechan
  • 0
  • 11 ต.ค. 2567 11:07
  • 125.25.38.***

 

ในยุคที่โลกหันมาให้ความสำคัญกับพลังงานสะอาด รถยนต์ไฟฟ้า (EV) ก็ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ แต่สิ่งหนึ่งที่เจ้าของรถ EV ทุกคนต้องให้ความสำคัญเป็นพิเศษ นั่นก็คือตู้ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า เพราะเป็นอุปกรณ์สำคัญที่ช่วยให้รถพร้อมใช้งานอยู่เสมอ ซึ่งแน่นอนก่อนจะตัดสินใจซื้อตู้ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ราคาก็เป็นปัจจัยสำคัญไม่น้อย บทความนี้จะจึงพาไปทำความรู้จักกับประเภท ฟีเจอร์ของตู้ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าแต่ละแบบ พร้อมเปรียบเทียบราคาให้ชัด

 

ทำไมต้องมีตู้ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า?

ความสะดวกสบาย: ชาร์จรถได้ที่บ้าน ไม่ต้องเสียเวลาเดินทางไปสถานีชาร์จสาธารณะ

ประหยัดค่าใช้จ่าย: ชาร์จรถที่บ้านในช่วงที่ไฟฟ้าราคาถูก ช่วยประหยัดค่าใช้จ่ายได้มาก

เพิ่มประสิทธิภาพแบตเตอรี่: การชาร์จที่บ้านเป็นประจำ ช่วยให้แบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้ามีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น

 

ประเภทของตู้ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า

1. ตู้ชาร์จแบบติดผนัง (Wall-mounted Charger)

ตู้ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ราคาประหยัดที่สุดคือแบบติดผนัง

- เหมาะสำหรับติดตั้งที่บ้านหรือที่จอดรถส่วนตัว

- กำลังไฟ 7.4 kW ถึง 22 kW

- ราคาเริ่มต้นประมาณ 15,000 - 40,000 บาท

2. ตู้ชาร์จแบบตั้งพื้น (Floor-standing Charger)

ตู้ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ที่มีราคาสูงกว่าแบบติดผนัง

- เหมาะสำหรับพื้นที่สาธารณะหรือที่จอดรถในอาคาร

- กำลังไฟ 22 kW ถึง 50 kW

- ราคาเริ่มต้นประมาณ 50,000 - 200,000 บาท

3. ตู้ชาร์จแบบเร็วพิเศษ (DC Fast Charger)

ตู้ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า ราคาสูงสุดคือแบบชาร์จเร็ว

- ใช้ในสถานีชาร์จสาธารณะ

- กำลังไฟ 50 kW ถึง 350 kW

- ราคาเริ่มต้น 500,000 บาทขึ้นไป

 

ปัจจัยที่ส่งผลต่อราคาตู้ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า

1. ขนาดของช่องต่อ (Connector Type)

- Type 1: เป็นชนิดที่พบได้ทั่วไปในรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นแรก ๆ มีขนาดเล็กและราคาประหยัด

- Type 2: เป็นชนิดที่ได้รับความนิยมมากขึ้น เนื่องจากมีขนาดใหญ่กว่าและสามารถรองรับกำลังไฟได้สูงขึ้น

- CCS Combo: เป็นชนิดที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในยุโรปและอเมริกาเหนือ สามารถรองรับทั้งการชาร์จแบบ AC และ DC

- CHAdeMO: เป็นชนิดที่ได้รับความนิยมในญี่ปุ่น สามารถรองรับการชาร์จแบบ DC ได้อย่างรวดเร็ว

2. ความเร็วในการชาร์จ

- ชาร์จเร็ว (DC Fast Charging): สามารถชาร์จแบตเตอรี่ได้รวดเร็วภายในเวลาอันสั้น แต่มีราคาสูงกว่า

- ชาร์จช้า (AC Charging): ใช้เวลานานในการชาร์จ แต่มีราคาประหยัดกว่า

3. ฟังก์ชันการทำงาน

- การเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชัน: ตู้ชาร์จบางรุ่นสามารถเชื่อมต่อกับแอปพลิเคชันบนสมาร์ทโฟน เพื่อให้คุณสามารถควบคุมการชาร์จได้จากระยะไกล

- การควบคุมการเข้าถึง: ตู้ชาร์จบางรุ่นมีระบบควบคุมการเข้าถึง เช่น การใช้บัตร RFID หรือแอปพลิเคชัน เพื่อเพิ่มความปลอดภัย

- การตรวจสอบสถานะการชาร์จ: ตู้ชาร์จบางรุ่นสามารถแสดงสถานะการชาร์จได้อย่างละเอียด เช่น ระดับการชาร์จ เวลาที่ใช้ในการชาร์จ และค่าใช้จ่าย

4. การรับประกัน:

ระยะเวลาการรับประกันของตู้ชาร์จแต่ละรุ่นก็แตกต่างกันไป โดยทั่วไป ตู้ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่มีระยะเวลาการรับประกันนานจะมีราคาสูงกว่า

 

    การมีตู้ชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าที่บ้านเป็นการลงทุนระยะยาวที่คุ้มค่า เพราะนอกจากจะช่วยให้สะดวกสบายในการใช้งานรถยนต์ไฟฟ้าแล้ว ยังช่วยลดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง อีกทั้งยังเป็นส่วนหนึ่งในการช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมอีกด้วย