กองทุนรวมตราสารหนี้เสี่ยงกว่าหุ้นจริงหรือไม่?
- จิปาถะ อื่นๆ
- jbtsaccount
- 0
- 25 ส.ค. 2567 00:27
- 171.7.101.***
การลงทุนในกองทุนรวมตราสารหนี้และหุ้นเป็นวิธีที่นิยมในการสร้างความมั่งคั่ง แต่มีคำถามว่ากองทุนรวมตราสารหนี้มีความเสี่ยงมากกว่าหุ้นหรือไม่ บทความนี้จะพาเรามาทำความเข้าใจถึงความแตกต่างระหว่างการลงทุนทั้งสองแบบ และวิเคราะห์ถึงความเสี่ยงที่เกี่ยวข้อง
กองทุนรวมตราสารหนี้คืออะไร?
กองทุนตราสารหนี้คือ (เพิ่มเติม https://www.krungsri.com/th/krungsri-the-coach/investments/investment-knowledge/krungsri-fixed-income-fund) การรวมเงินทุนจากนักลงทุนหลายคนเพื่อลงทุนในตราสารหนี้ต่างๆ เช่น พันธบัตรรัฐบาล หุ้นกู้บริษัทเอกชน และตราสารหนี้ระยะสั้น กองทุนเหล่านี้มีการจ่ายดอกเบี้ยอย่างสม่ำเสมอและมีการคืนเงินต้นเมื่อครบกำหนด
ลักษณะความเสี่ยงของกองทุนรวมตราสารหนี้
ความเสี่ยงด้านเครดิต: ตราสารหนี้ที่ออกโดยบริษัทหรือรัฐบาลอาจมีความเสี่ยงที่ผู้ออกตราสารจะไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามสัญญา
ความเสี่ยงด้านอัตราดอกเบี้ย: อัตราดอกเบี้ยที่เปลี่ยนแปลงมีผลต่อมูลค่าของตราสารหนี้ หากอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น มูลค่าของตราสารหนี้ที่มีอัตราดอกเบี้ยคงที่อาจลดลง
ความเสี่ยงด้านสภาพคล่อง: ตราสารหนี้บางประเภทอาจไม่สามารถขายได้ง่ายในตลาดรอง ทำให้การเข้าถึงเงินทุนอาจยากขึ้นในช่วงที่ต้องการใช้เงิน
หุ้นคืออะไร?
หุ้นคือส่วนแบ่งความเป็นเจ้าของในบริษัท การลงทุนในหุ้นหมายความว่าเรามีส่วนร่วมในความสำเร็จและความล้มเหลวของบริษัทที่เราลงทุน หุ้นมีศักยภาพในการสร้างผลตอบแทนสูง แต่ก็มาพร้อมกับความเสี่ยงที่สูงด้วย
ลักษณะความเสี่ยงของหุ้น
ความเสี่ยงด้านตลาด: ราคาหุ้นสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามสภาวะตลาด ซึ่งอาจเกิดจากปัจจัยต่างๆ เช่น ข่าวสารเศรษฐกิจ การเมือง หรือผลประกอบการของบริษัท
ความเสี่ยงด้านการบริหารจัดการ: บริษัทที่บริหารจัดการไม่ดีอาจทำให้ผลประกอบการลดลง ส่งผลต่อราคาหุ้น
ความเสี่ยงด้านอุตสาหกรรม: การเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมที่บริษัทดำเนินการอยู่สามารถส่งผลกระทบต่อผลประกอบการและราคาหุ้น
การเปรียบเทียบความเสี่ยงระหว่างกองทุนรวมตราสารหนี้และหุ้น
ความผันผวน: หุ้นมีความผันผวนสูงกว่าตราสารหนี้ ดังนั้นนักลงทุนในหุ้นต้องพร้อมรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของราคาที่รวดเร็วและใหญ่โต ในขณะที่ตราสารหนี้มีการเปลี่ยนแปลงของมูลค่าน้อยกว่า
การจ่ายผลตอบแทน: ตราสารหนี้มีการจ่ายดอกเบี้ยที่ค่อนข้างแน่นอนและสม่ำเสมอ ในขณะที่หุ้นให้ผลตอบแทนจากการเพิ่มขึ้นของราคาหุ้นและการจ่ายเงินปันผล ซึ่งอาจไม่แน่นอนและขึ้นอยู่กับผลประกอบการของบริษัท
ความเสี่ยงด้านเครดิต: การลงทุนในตราสารหนี้มีความเสี่ยงจากการที่ผู้ออกตราสารอาจไม่สามารถชำระหนี้ได้ ในขณะที่การลงทุนในหุ้นมีความเสี่ยงจากการที่บริษัทอาจดำเนินงานไม่สำเร็จ
แนวทางการจัดการความเสี่ยงในการลงทุน
การกระจายความเสี่ยง: การลงทุนในสินทรัพย์หลากหลายประเภทและหลากหลายบริษัทช่วยลดความเสี่ยงในการสูญเสียเงินทุน
การวิจัยและวิเคราะห์: การศึกษาและวิเคราะห์ข้อมูลทางการเงินของบริษัทหรือผู้ออกตราสารหนี้ช่วยให้เราตัดสินใจลงทุนได้อย่างมีข้อมูล
การติดตามผลการลงทุน: การติดตามและประเมินผลการลงทุนอย่างสม่ำเสมอช่วยให้เราปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การลงทุนตามสภาวะตลาด
ข้อดีของการลงทุนในกองทุนรวมตราสารหนี้
ความเสี่ยงต่ำ: กองทุนรวมตราสารหนี้มีความเสี่ยงต่ำกว่าหุ้น ทำให้นักลงทุนที่ต้องการความมั่นคงในเงินทุนเลือกลงทุนในกองทุนเหล่านี้
รายได้สม่ำเสมอ: การจ่ายดอกเบี้ยสม่ำเสมอทำให้มีรายได้ที่คาดการณ์ได้
การลงทุนระยะสั้นและยาว: ตราสารหนี้มีทั้งระยะสั้นและระยะยาว ทำให้นักลงทุนสามารถเลือกลงทุนตามความต้องการของตนเอง
ข้อดีของการลงทุนในหุ้น
โอกาสในการเพิ่มมูลค่า: หุ้นมีศักยภาพในการเพิ่มมูลค่าอย่างมากในระยะยาว
รายได้จากเงินปันผล: การได้รับเงินปันผลจากหุ้นสามารถเป็นแหล่งรายได้เสริม
ความหลากหลายในการลงทุน: การลงทุนในหุ้นสามารถเลือกลงทุนในหลากหลายอุตสาหกรรมและบริษัท
สรุป
การลงทุนในกองทุนรวมตราสารหนี้และหุ้นมีความเสี่ยงที่แตกต่างกัน นักลงทุนควรพิจารณาความเสี่ยงและผลตอบแทนที่ต้องการเพื่อเลือกการลงทุนที่เหมาะสม การกระจายการลงทุน การวิจัยข้อมูล และการติดตามผลการลงทุนอย่างสม่ำเสมอเป็นวิธีที่ดีในการจัดการความเสี่ยงและเพิ่มโอกาสในการประสบความสำเร็จในการลงทุน