โรคมะเร็งปากมดลูก เป็นมะเร็งที่พบได้บ่อยในผู้หญิง โดยพบได้ประมาณ 9,000 รายต่อปีในประเทศไทย และประมาณ 266,000 รายต่อปีทั่วโลก มะเร็งปากมดลูกเกิดจากการติดเชื้อเอชพีวี (Human papillomavirus) ซึ่งเป็นเชื้อไวรัสที่ติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ซึ่งมะเร็งปากมดลูกนั้นเป็นโรคร้ายแรงที่สามารถคร่าชีวิตของคนได้จึงจำเป็นต้องคอยระวัง และต้องรู้จักสัญญาณของอาการมะเร็งปากมดลูกเอาไว้

 

สัญญาณอันตรายที่บ่งบอกอาการมะเร็งปากมดลูก

- มีเลือดออกทางช่องคลอดผิดปกติ อาจเป็นเลือดออกระหว่างมีประจำเดือน เลือดออกหลังมีเพศสัมพันธ์ เลือดออกหลังหมดประจำเดือน หรือเลือดออกกะปริบกะปรอย

- ตกขาวผิดปกติ อาจเป็นตกขาวที่มีสีหรือกลิ่นผิดปกติ เช่น ตกขาวสีน้ำตาล ตกขาวสีเขียว ตกขาวมีกลิ่นเหม็น

- ปวดท้องน้อย ปวดท้องน้อยเรื้อรัง ปวดท้องน้อยเวลามีเพศสัมพันธ์

- ปัสสาวะบ่อย ปัสสาวะบ่อยขึ้น โดยเฉพาะเวลากลางคืน

- ปัสสาวะขัด ปัสสาวะขัดหรือปัสสาวะลำบาก

- มีก้อนในอุ้งเชิงกราน รู้สึกมีก้อนหรือความผิดปกติในอุ้งเชิงกราน

- น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ

หากพบสัญญาณอันตรายที่บ่งบอกอาการมะเร็งปากมดลูกเหล่านี้ ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาโดยเร็วที่สุด

 

ปัจจัยเสี่ยงที่ก่อให้การเกิดมะเร็งปากมดลูก

- การมีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุยังน้อย

- มีคู่นอนหลายคน

- สูบบุหรี่

- ติดเชื้อเอชพีวี (Human papillomavirus)

การป้องกันมะเร็งปากมดลูก

- ฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อเอชพีวี

- มีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย

- ตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกเป็นประจำทุกปี

การตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก

หากสงสัยว่าตนเองมีอาการมะเร็งปากมดลูกสามารถตรวจคัดกรองได้ โดยการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก สามารถทำได้โดยการตรวจภายในและตรวจป้ายเซลล์ปากมดลูก (Pap smear) โดยแพทย์จะสอดนิ้วเข้าไปในช่องคลอดเพื่อตรวจดูสภาพของปากมดลูก จากนั้นจะเก็บป้ายเซลล์จากปากมดลูกไปตรวจหาความผิดปกติ หากพบความผิดปกติ แพทย์อาจแนะนำให้ทำการตรวจเพิ่มเติม เช่น การตรวจชิ้นเนื้อปากมดลูก เป็นต้น

 การเตรียมตัวก่อนการตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก

- งดการมีเพศสัมพันธ์อย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนการตรวจ

- ไม่ควรสวนล้างช่องคลอดก่อนการตรวจ

- ไม่ควรใช้ยาเหน็บหรือยาสอดช่องคลอดก่อนการตรวจ

ใครบ้างที่ควรตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูก

- สตรีที่มีอายุ 21-29 ปี ควรตรวจคัดกรองทุก 3 ปี

- สตรีที่มีอายุ 30-65 ปี ควรตรวจคัดกรองทุก 3 ปี หรือตรวจคัดกรองทุก 5 ปีร่วมกับการตรวจหาเชื้อเอชพีวี (HPV testing)

คอยสังเกตตัวเองให้ดีว่ามีอาการมะเร็งปากมดลูกหรือไม่ และควรไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจคัดกรอง เพื่อการป้องกัน และรักษาอย่างทันท่วงที