การซื้อกองทุน SSF ลดหย่อนภาษีเป็นอีกหนึ่งทางเลือกการลงทุนเพื่อการเกษียณสำหรับใครหลายคน ซึ่งไม่เพียงแต่จะมีโอกาสสร้างผลตอบแทนเพื่อเป้าหมายทางการเงินที่ต้องการแล้ว การซื้อกองทุน SSF ยังลดหย่อนภาษีได้ ทั้งยังมีสินทรัพย์การลงทุนให้เลือกลงทุนได้อย่างหลากหลาย ทำให้ตอบโจทย์นักลงทุนได้ทุกระดับและทุกความต้องการ

อย่างไรก็ดี ก่อนตัดสินใจลงทุนกองทุน SSF ทุกครั้ง ลองมาดู 3 เรื่องที่ต้องรู้และพิจารณาให้ดี เพื่อช่วยให้วางแผนการลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตลอดจนวางแผนสร้างผลตอบแทนได้ตรงกับความต้องการมากที่สุดกัน 

รู้จักก่อน SSF คืออะไร

    ก่อนจะตัดสินใจซื้อกองทุน SSF เพื่อลดหย่อนภาษีทุกครั้ง นักลงทุนจำเป็นต้องทำความเข้าใจก่อนว่ากองทุน SSF คืออะไร มีหลักการสร้างผลตอบแทนและสิทธิประโยชน์ทางภาษีอย่างไร

    กองทุน SSF หรือ Super Saving Fund เป็นการลงทุนที่นักลงทุนจะต้องถือครองเป็นเวลาอย่างน้อย 10 ปี โดยมีจุดประสงค์เพื่อการออมเงินในระยะยาว ไม่เพียงแต่จะลดหย่อนภาษีได้ 30% ของเงินได้เท่านั้น แต่การลงทุน SSF ยังมีความหลากหลายสูง นักลงทุนสามารถเลือกลงทุนในสินทรัพย์ใดก็ได้ ทั้งยังเลือกลงทุนกับสินทรัพย์ที่สร้างผลตอบแทนแบบสม่ำเสมออย่างสินทรัพย์ที่มีการให้ผลตอบแทนแบบปันผลและแบบสะสมมูลค่า

    หากเปรียบเทียบกับกองทุน RMF แล้ว นักลงทุนสามารถซื้อกองทุน SSF ลดหย่อนภาษีเมื่อไหร่ก็ได้ ไม่มีการจำกัดจำนวนครั้งที่ต้องซื้อในแต่ละปี ทำให้นักลงทุนสามารถวางแผนการลงทุนได้สะดวกมากยิ่งขึ้น

อย่าลืมพิจารณาความเสี่ยงที่รับไหว

    เช่นเดียวกับการลงทุนในสินทรัพย์อื่น ๆ การซื้อกองทุน SSF เพื่อลดหย่อนภาษีก็มีความเสี่ยงเช่นกัน ดังนั้น นักลงทุนจึงควรพิจารณาเลือกลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงที่รับไหว โดยสามารถพิจารณาได้จากหลายปัจจัย

    ไม่ว่าจะเป็นสภาพการเงินในปัจจุบัน ภาระหนี้สิน ภาระทางครอบครัว อายุและสุขภาพ ไปจนถึงความเสี่ยงรอบด้านที่มีค่าใช้จ่ายมาเกี่ยวข้อง หากยังนึกไม่ออก ลองคิดถึงสถานการณ์ง่าย ๆ ว่า หากตอนนี้มีภาระทางการเงินหลายด้าน อยู่ในช่วงสร้างตัว หรือ จำเป็นต้องส่งลูกเรียนหนังสือ ก็สามารถเลือกลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำแต่ให้ผลตอบแทนอย่างต่อเนื่องได้เช่นกัน

วางแผนการเงินให้รอบคอบ

เมื่อพิจารณาความเสี่ยงที่รับไหวแล้ว ก่อนซื้อกองทุน SSF เพื่อลดหย่อนภาษี นักลงทุนจำเป็นที่จะต้องวางแผนการเงินให้รอบคอบด้วยเช่นกัน ทั้งนี้เพื่อบริหารความเสี่ยงจากการลงทุน ตลอดจนเป็นการรักษาสภาพคล่องและเพิ่มโอกาสในการนำเงินมาต่อยอด

นักลงทุนควรเริ่มต้นจากการวางแผนการเงินสำหรับใช้ส่วนตัวแยกออกจากแผนการเงินสำหรับการลงทุน ทั้งนี้เพื่อป้องกันไม่ให้ผลจากการขาดทุนมาทำให้การเงินส่วนบุคคลต้องขาดสภาพคล่อง หรือ เกิดอาการชักหน้าไม่ถึงหลังได้ จากนั้นจึงค่อยวางแผนเก็บเงินและแบ่งเงินมาเพื่อต่อยอดในด้านอื่น ๆ ต่อไป

เพียงเท่านี้ นักลงทุนก็สามารถซื้อกองทุน SSF เพื่อลดหย่อนภาษีได้อย่างมีประสิทธิภาพ ตอบโจทย์ทั้งเป้าหมายทางการเงิน ความเสี่ยงที่รับไหว ตลอดจนผลตอบแทนที่ต้องการแล้ว รู้แบบนี้แล้ว อย่าลืมนำทั้ง 3 เรื่องที่นำมาฝากนี้ไปพิจารณาประกอบการตัดสินใจ เพื่อซื้อกองทุน SSF สำหรับลดหย่อนภาษีที่เหมาะสมต่อไป