พาสชั้นแบบมีคุณภาพ! รวมเทคนิคพิชิตสนามสอบด้วยขั้นตอนการเตรียมตัวสอบ GED ฉบับกูรูที่ไม่ว่าใครก็สามารถทำตามได้อย่างแน่นอน!

         น้อง ๆ มอปลายคนไหนที่กำลังวางแผนจะเลื่อนชั้นแบบก้าวกระโดด จากวัยมัธยมปลายไปสู่รั้วอุดมศึกษาในมหาวิทยาลัยชั้นนำ บทความนี้ได้นำเทคนิคที่จะช่วยให้น้อง ๆ สามารถเตรียมตัวสอบ GED ให้ได้คะแนนตรงตามเป้าหมาย ทะลุ 660 คะแนน พร้อมยื่นจุฬาฯ, มธ., MUIC และอีกหลากหลายที่ที่หมายตา การันตีเลยว่าแค่ทำตามก็พิชิตคณะที่ฝันได้แน่นอน!

1. ทำความเข้าใจกับกติกาการสอบ GED โดยละเอียด 

         ถือเป็นขั้นตอนแรกและสำคัญมาก ๆ ในการเตรียมตัวสอบ GED เพราะหลาย ๆ คนมักจะพลาดท่าให้กับกติกาที่ไม่ได้ศึกษาให้เข้าใจแบบชัดแจ้ง พอไปสอบจริงก็ไม่สามารถทำคะแนนได้ตามเป้า และที่สำคัญ GED ถือเป็นสนามสอบที่ท้าทายได้ครั้งแรกและครั้งเดียว กว่าจะทำเรื่อง Rescroe (ตามโควต้า 1 ครั้ง/วิชา หรือขึ้นตามดุลยพินิจของ GED) ก็ใช้เวลานานนับหลายเดือน และนี่คือกติกาสำคัญที่ต้องท่องจำให้ขึ้นใจ

- ท่องไว้เสมอว่า GED สอบได้ครั้งเดียวต่อวิชา! (เพราะถึงจะมีโอกาสก็ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของ GED อยู่ดี)

- ต้องส่ง GED parental consent form สำหรับน้อง ๆ ที่อายุมากกว่า 16 ปี แต่น้อยกว่า 18 ปี 

- ก่อนจองสอบต้องปลดล็อกโดยทำ GED Ready ทั้ง 4 วิชา ให้ได้คะแนนวิชาละ 155 คะแนน

2. อัปสกิลภาษาอังกฤษให้เหนือชั้น

         เหนือชั้นที่แปลว่าต้องอ่านออกและเขียนได้ แถมยังต้องมีความเข้าใจใน Grammar และ Vocab ที่ดีในระดับหนึ่ง เพราะ GED ถือเป็นข้อสอบที่ใช้กันทั่วโลก ดังนั้น ในขั้นตอนการเตรียมตัวสอบ GED การเรียนตัว ท่องจำ และทำอะไรก็ตามเพื่ออัปสกิลภาษาอังกฤษให้มีประสิทธิภาพ จึงเป็นเรื่องที่สำคัญที่จะช่วยเพิ่มคะแนน ถึงแม้ว่าตัวข้อสอบจะเน้นการวัดผลในระดับการคิดวิเคราะห์เชื่อมโยงก็ตาม

3. เตรียมตัวสอบ GED ต้องทำตัวคุ้นกับสไตล์ของโจทย์

         เพราะโจทย์การสอบ GED จะเน้นเรื่องการคิดวิเคราะห์และเชื่อมโยง ซึ่งถ้าน้อง ๆ ไม่มีการเตรียมตัวสอบให้ชินกับแนวทางโจทย์ GED ก็จะไม่มีทางเชื่อมโยงและทำได้อย่างแน่นอน ดังนั้น การเตรียมตัวสอบ GED จึงมีกฎเหล็กเหมือนกับการสอบทั่ว ๆ ไป คือการวนไปหาโจทย์มานั่งทำแบบซ้ำ ๆ  เพื่อให้ชินจนกลายเป็นความเข้าใจ พร้อมนำไปต่อยอดในการทำโจทย์ได้อย่างถูกต้องตามกระบวนการคิด และวิธีที่ง่ายที่สุดคือการฝึกทำกับ GED READY แบบซ้ำ ๆ เพื่อให้ได้คะแนนที่มากกว่า 165 หรือคิดเป็น 80% ขึ้นไปในหลาย ๆ ครั้ง เพื่อเป็นการวัดความน่าเชื่อถือของคะแนน จึงจะเป็นตัวชี้วัดได้ว่าน้อง ๆ อยู่ในสถานะที่ “พร้อมสอบ” แล้ว