สเต็มเซลล์กับการรักษาโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว
- จิปาถะ อื่นๆ
- admeadme
- 18
- 09 ธ.ค. 2565 09:58
- 171.101.113.***
สเต็มเซลล์สามารถรักษาโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวได้จริงหรือไม่
การเก็บ stem cell ทารกมีประโยชน์ในการรักษาโรคที่คุณอาจจะไม่คาดคิดได้ หนึ่งในนั้นคือมะเร็งเม็ดเลือดขาวที่เป็นโรคที่เกี่ยวกับความผิดปกติของระบบเลือด พบได้ตั้งแต่เด็กจนถึงผู้ใหญ่ ซึ่งสามารถรักษาได้โดยการปลูกถ่ายสเต็มเซลล์เข้าร่างกาย ยิ่งถ้าเป็นสเต็มเซลล์จากรกและสายสะดือที่คุณได้วางแผนการเก็บตั้งแต่ยังช่วงที่พ่อแม่ตั้งครรภ์และเก็บอยู่สภาพที่ปลอดภัย โอกาสการรอดชีวิตจากโรคร้ายดังกล่าวก็จะยิ่งมีเปอร์เซ็นต์ที่สูงขึ้น อีกทั้งยังสามารถเป็นประกันให้แก่คนในครอบครัวได้เช่นเดียวกัน
แล้วการใช้สเต็มเซลล์สามารถรักษาโรงมะเร็งเม็ดเลือดขาวหรือโรคที่เกี่ยวกับระบบเลือดได้อย่างไร มีขั้นตอนอย่างไรเพื่อให้มั่นใจว่าสิ่งที่เราลงทุนสำรอง Stem Cell สำหรับในอนาคตสามารถใช้ได้จริง
มาทำความรู้จักกับโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวก่อน
ก่อนจะทราบว่าสเต็มเซลล์จากรกรักษาโรคร้ายได้อย่างไร ให้มาทำความรู้จักกับโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวก่อน ซึ่งมะเร็งเม็ดเลือดขาวเป็นโรคที่มีจำนวนเม็ดเลือดขาวเพิ่มขึ้นมากผิดปกติโดยไม่ทราบสาเหตุอย่างแน่ชัด จนทำลายระบบการสร้างเม็ดเลือดปกติของไขกระดูก ทำให้เม็ดเลือดแดงและเกล็ดเลือดมีจำนวนลดน้อยลงและระบบเลือดทำงานผิดปกติไปจากเดิม โดยเม็ดเลือดขาวที่เพิ่มมากกว่าปกติก็อาจไปแทรกซึมตามอวัยวะต่าง ๆ เช่น ตับ ม้าม ต่อมน้ำเหลือง สมอง ส่งผลให้ระบบต่าง ๆ ของร่างกายทำงานผิดปกติ โดยมะเร็งเม็ดเลือดขาวสามารถแบ่งได้เป็น 2 ประเภทคือ
-
มะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเฉียบพลัน (Acute Leukemia)
-
มะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเรื้อรัง (Chronic Leukemia)
ซึ่งมะเร็งเม็ดเลือดขาวชนิดเฉียบพลันจัดเป็นโรคมะเร็งที่มีความรุนแรงสูง ผู้ป่วยโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวจะมีอาการที่พบได้ทั่วไปดังนี้
-
ถ้าสร้างเม็ดเลือดแดงได้น้อยผิดปกติ ผู้ป่วยอาจมีอาการภาวะโลหิตจาง อ่อนเพลียง่าย ออกแรงได้น้อยลง หน้าซีด หน้ามืดเป็นลมง่าย
-
ถ้าสร้างเม็ดเลือดขาวที่ผิดปกติ ภูมิคุ้มกันของร่างกายเสียไป ก็จะติดเชื้อได้ง่าย หรือถ้าติดเชื้อก็จะมีอาการรุนแรงกว่าปกติ
-
ถ้าสร้างเกล็ดเลือดที่ผิดปกติ เกล็ดเลือดที่ลดลงทำให้มีอาการเลือดออกง่ายกว่าปกติ มีเลือดออกตามไรฟัน มีเลือดกำเดาไหลปริมาณมาก มีจ้ำเลือดตามร่างกาย ฟกช้ำง่าย รวมถึงมีภาวะเลือดหยุดยาก
นอกจากนี้ ผู้ป่วยโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว อาจมีอาการเบื่ออาหาร น้ำหนักลด คลำพบก้อนตามตัวหรือมีอาการปวดกระดูกได้
การรักษาโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว
การรักษาโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวหลัก ๆ จะรักษาด้วยเคมีบำบัดร่วมกันหลายชนิด ซึ่งจำเป็นต้องมีการบริหารยาหลายวิธี เช่น การกินยา ยาฉีดเข้าเส้น ยาฉีดเข้ากล้ามเนื้อ ยาฉีดเข้าใต้ผิวหนัง ยาฉีดเข้าน้ำในไขสันหลัง และบางรายอาจมีการฉายรังสีรักษาร่วมด้วย และการใช้ยาร่วมกันหลายตัวเพื่อช่วยกันกำจัดเซลล์มะเร็ง ซึ่งวิธีนี้อาจจะทำให้เกิดผลข้างเคียงแก่ผู้ป่วยที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังมีการรักษาแบบฉากแสงในกรณีที่มีมะเร็งเม็ดเลือดขาวแบบเฉียบพลันที่มีความเสี่ยงในการลุกลามเข้าสมอง และให้ยาเคมีบำบัดทางน้ำไขสันหลังเพื่อป้องกันการกระจายของมะเร็งเข้าระบบสมองและน้ำไขสันหลัง
ส่วนอีกวิธีหนึ่งที่ปัจจุบันเป็นที่นิยมมากขึ้นกว่าการใช้เคมีบำบัดคือ การปลูกถ่ายสเต็มเซลล์จากรกของผู้ป่วยเองหรือสเต็มเซลล์จากคนในครอบครัวที่เข้ากันได้มาบำบัดรักษามะเร็งเม็ดเลือดขาว ซึ่งเป็นการรักษาโรคที่หายขาดได้ โดยการรักษาแบบนี้ต้องทำในระยะที่โรคสงบหลังได้รับยาเคมีบำบัดแล้ว ทีมแพทย์จะให้คำแนะนำเรื่องการหาผู้บริจาคเซลล์ต้นกำเนิดที่เหมาะสมตั้งแต่ระยะแรกเริ่มเพื่อย่นระยะเวลาการรอปลูกถ่ายเซลล์ต้นกำเนิด
สเต็มเซลล์สามารถช่วยรักษาโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวได้อย่างไร
สเต็มเซลล์์คือเซลล์ที่สามารถแบ่งตัวเพิ่มจำนวนได้อย่างไม่จำกัดและสามารถให้กำเนิดเซลล์ร่างกายชนิดต่าง ๆ ได้ แต่ละชนิดมีคุณสมบัติไม่เหมือนกันให้กำเนิดเซลล์ต่างชนิดกัน ขึ้นอยู่กับสเต็มเซลล์นั้นมาจากเนื้อเยื่อชนิดใด ไม่สามารถเปลี่ยนไปสร้างเซลล์ของอีกเนื้อเยื่อหนึ่งได้ เช่น เซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือดไม่สามารถเปลี่ยนเป็นเซลล์สมองได้
Stem Cell ที่ได้รับยอมรับจากแพทย์เพื่อใช้ในการรักษาคือ การปลูก Stem Cell แทน Stem Cell ชนิดที่เสียไปให้สร้างเซลล์ของเนื้อเยื่อนั้น ๆ ในร่างกาย ให้เกิดการฟื้นฟูเป็นเซลล์ใหม่ขึ้นมาและช่วยกำจัดเซลล์มะเร็งออกไป โดยก่อนที่จะทำการรักษานั้น ผู้ป่วยต้องได้รับการประเมินก่อนว่า จำเป็นต้องรักษาด้วยสเต็มเซลล์จากรกมากน้อยแค่ไหน โดยประเมินจากชนิดของโรค, ระยะโรค, การตอบสนองต่อการรักษา, สุขภาพและโรคร่วมต่างๆของผู้ป่วยที่รวมถึงอายุ
การรักษาด้วยการใช้ Stem Cell จากการเก็บ stem cell ทารกมีนั้น ผู้ป่วยจำเป็นต้องมีสุขภาพกายและสุขภาพจิตที่แข็งแรง เพราะในการรักษาผู้ป่วยจะต้องอยู่แยกตัวในห้องปลอดเชื้อรวมทั้งในเรื่องของอาหารและน้ำดื่มอย่างน้อยประมาณ 2 - 3 สัปดาห์จนกว่าร่างกายจะยอมรับสเต็มเซลล์ใหม่ มิฉะนั้นแล้วผู้ป่วยจะมีผลข้างเคียงจากการติดเชื้อที่สูงมากจนเกิดอันตรายต่อชีวิตเฉียบพลันได้ ซึ่งไขกระดูกจะยอมรับเซลล์ใหม่และจะรักษาโรคมะเร็งได้หาย ต้องมีการทำลายเซลล์ไขกระดูกเดิมและเซลล์มะเร็งให้หมดไปก่อนด้วยการให้ยาเคมีบำบัดอย่างเข้มข้น อาจร่วมกับการฉายรังสีรักษาควบคู่ และอยู่ในการดูแลของแพทย์อย่างเคร่งครัด จนอาการจะดีขึ้น
ผลข้างเคียงหลังจากการปลูกถ่ายเซลล์ไขกระดูก
แม้ว่าการปลูกถ่ายเซลล์ไขกระดูกเพื่อรักษาโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวจะเป็นวิธีที่ทำให้คุณรักษาโรคได้หายขาด แต่ก็ยังมีผลข้างเคียงอื่น ๆ ตามมา โดยแบ่งเป็น 3 ประเภทคือ
ผลข้างเคียงเฉียบพลัน (Acute complication)
เกิดในช่วงรักษาจนถึงประมาณ 3 เดือนหลังรักษา ทั่วไปได้แก่ คลื่นไส้-อาเจียน เบื่ออาหาร ท้องเสีย อ่อนเพลีย ภาวะซีด ภาวะติดเชื้อต่าง ๆ และร่างกายปฏิเสธ Stem Cell เป็นช่วงที่ต้องเฝ้าระวังสูง
ผลข้างเคียงกึ่งเฉียบพลัน (Subacute complication)
เกิดในช่วง 3 เดือนถึง 6 เดือนหลังการรักษา เช่น ภาวะตับอักเสบจากหลอดเลือดดำ/ โพรงเลือดดำตับอุดตันและภาวะ Stem Cell ใหม่ต้านร่างกาย
ผลข้างเคียงเรื้อรังหรือระยะยาว (Chronic หรือ Delayed complication)
เกิดขึ้นนานเกินกว่า 6 เดือนขึ้นไปหลังการรักษาไปจนตลอดชีวิตของผู้ป่วย เช่น มีภูมิคุ้มกันต้านทานโรคต่ำ ภาวะ Stem Cell ใหม่ต้านร่างกาย และมีโอกาสเกิดโรคมะเร็งชนิดอื่น ๆ ได้อีกซึ่งโอกาสจะสูงกว่าคนทั่วไปกล่าวคือประมาณ 10 - 15% ของผู้ป่วยที่อยู่ได้นานตั้งแต่ 10 ปีขึ้นไป, นอกจากนั้นคือ ผลข้างเคียงทางด้านจิตใจที่จะเกิดเป็นระยะ ๆ ตลอดชีวิตของผู้ป่วยคือ อาการกังวล กลัว และซึมเศร้า
โรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวเป็นโรคที่อัตราเสียชีวิตค่อนข้างสูง ถ้าครอบครัวไหนได้สำรองสเต็มเซลล์จากรกและสายสะดือเตรียมไว้ตั้งแต่แรก ๆ ก็จะสามารถต่อชีวิตลูกหรือคนในครอบครัวของคุณได้ ยิ่งคุณรู้เร็วมากเท่าไร คุณก็จะมีโอกาสรอดชีวิตด้วยการรักษาโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาวด้วยสเต็มเซลล์ยิ่งขึ้น และไม่เป็นอันตรายเมื่อเทียบกับการรักษาด้วยวิธีอื่น ๆ ดังนั้น การเก็บ stem cell ทารกจึงเป็นอีกทางเลือกที่สามารถมั่นใจได้ว่า จะช่วยต่อชีวิตคนในครอบครัวจากโรคร้ายได้แน่นอน
10 มิ.ย. 2566
14 พ.ค. 2566
12 พ.ค. 2566
10 พ.ค. 2566
08 พ.ค. 2566
07 พ.ค. 2566
29 เม.ย. 2566
25 มี.ค. 2566
16 มี.ค. 2566
21 ก.พ. 2566