ในทุกงานก่อสร้าง ไม่ว่าจะเป็นอาคาร บ้านเรือน สะพาน หรือสถานที่ใด ๆ ก็ตาม ย่อมต้องมาจากรากฐานที่แข็งแรง ซึ่งหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญที่ขาดไม่ได้ก็คือ “เหล็กแท่งสี่เหลี่ยม” ซึ่งมีหลายรูปแบบ หลายขนาด นำมาใช้ในงานก่อสร้างได้ตั้งแต่ทำราวระเบียงไปจนถึงสร้างรางรถไฟและเป็นชิ้นส่วนเครื่องจักร แต่ก่อนจะมาเป็นเหล็กแท่งสี่เหลี่ยมที่เราเห็นกันในชีวิตประจำวัน จะมีกระบวนการการผลิตอย่างไร แล้วเหล็กแท่งเหล่านี้สามารถนำไปใช้ประโยชน์อะไรได้บ้าง มาดูกันเลย

กระบวนการก่อนจะเป็นเหล็กแท่ง

        การผลิตเหล็กทุกประเภทเริ่มต้นจากการถลุงสิ่นแร่เหล็กจากธรรมชาติ ใช้หินปูนเป็นตัวช่วยจับสิ่งสกปรก เพื่อให้ได้ออกมาเป็นเหล็กหลอมเหลวหรือเหล็กถลุง หลังจากนั้นก็นำผลผลิตที่ได้จากการถลุงมาหลอมรวมกัน ผสมน้ำเหล็กกล้าเข้าไปเพื่อปรับปรุงคุณสมบัติต่าง ๆ ผ่านกระบวนการในเตาออกซิเจนหรือเตาอาร์คไฟฟ้าไปสู่การหลอมแบบต่อเนื่อง จนได้เป็นผลิตภัณฑ์เหล็กกล้ากึ่งสำเร็จรูป พร้อมนำไปขึ้นรูปเป็นเหล็กแท่งสี่เหลี่ยม ส่วนความแตกต่างของเหล็ก (Iron) และเหล็กกล้า (Steel) จะอยู่ที่ปริมาณของคาร์บอน โดยเหล็กจะมีส่วนผสมของคาร์บอนเกินกว่า 2% ส่วนเหล็กกล้ามีน้อยกว่า 2% นั่นเอง

เหล็กแท่งสี่เหลี่ยม วัสดุก่อสร้างสารพัดประโยชน์

        หลังจากผ่านกระบวนการต่าง ๆ และขึ้นรูปเรียบร้อยแล้ว ด้วยคุณสมบัติผิวเรียบ ขอบคม ไร้รอยต่อ มีความแข็งแรงทนทานและทนต่อสภาพแวดล้อมได้หลากหลาย ทำให้เหล็กแท่งชนิดนี้ถูกนำไปใช้ประโยชน์ในงานก่อสร้างหลายประเภท เหมาะกับงานโครงสร้างทั่วไป ไม่ว่าจะเป็นระเบียงเหล็ก ศรแหลม รางเครน รางรถไฟ รั้วบ้าน รั้วหน้าต่าง รวมทั้งใช้งานในงานประเภทอื่น ๆ เช่น

- ใช้งานแทนคอนกรีตเสริมเหล็กในกลุ่มงานระเบียง ซึ่งการใช้เหล็กแท่งทดแทนจะทำให้ระเบียงดูโปร่งโล่งสบายตามากขึ้น

- ใช้ประโยชน์ในงานอุตสาหกรรม ทำชิ้นส่วนเครื่องจักรหรือดัดแปลงให้ตอบโจทย์กับการใช้งานได้หลายรูปแบบ

- ด้วยคุณสมบัติตันทั้งเส้นของเหล็กแท่งสี่เหลี่ยมทำให้เกิดลวดลายที่สวยงามคมชัดและไม่สูญเสียความแข็งแรงเมื่อบิดหรืองอ จึงเหมาะกับงานเหล็กดัด งาน DIY ทั้งหลาย เช่น เฟอร์นิเจอร์ ชั้นวางของ ชั้นวางต้นไม้ และเหล็กดัดเพื่อกันขโมย

ดูแลรักษาถูกวิธี ยืดอายุการใช้งานผลิตภัณฑ์จากเหล็กแท่ง

       แม้ว่าจะมีความคงทนแข็งแรงและสวยงาม แต่รั้วเหล็ก ระเบียงเหล็ก รวมไปถึงเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ ที่ทำจากเหล็กก็มีข้อเสียคืออาจทำปฏิกิริยากับน้ำและอากาศจนเกิดสนิมได้ ซึ่งเราสามารถป้องกันได้ด้วยการทาสีซึ่งมีคุณสมบัติกันสนิม รวมทั้งหมั่นเช็ดทำความสะอาดอยู่เป็นประจำ  แต่หากเกิดสนิมขึ้นมาแล้ว ก็สามารถใช้กระดาษทรายเนื้อละเอียดปานกลางขัดคราบสนิมออกแล้วใช้ผ้าชุบทินเนอร์เช็ดซ้ำจนคราบจาง ตามด้วยใช้น้ำยาล้างจานขัด แค่นี้ก็สวยสะอาดเหมือนใหม่แล้ว