รู้จักกันในชื่อ "โรคภูมิต้านตนเอง" (SLE) โรคที่เกิดจากระบบภูมิคุ้มกันผิดปกติ

  • ทริป ท่องเที่ยว
  • jiraporn748
  • 0
  • 20 ก.ค. 2564 13:12
  • 184.22.94.***

 


โรคภูมิต้านตนเอง (SLE) เป็นโรคร้ายแรงอีกโรคหนึ่งซึ่งไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด แต่มีข้อบ่งชี้ที่แสดงถึงทางเข้า slotxoความเจ็บป่วยในร่างกายได้หลายประการ อวัยวะร่วมโดยไม่ทราบสาเหตุ อาการเหล่านี้อาจเกิดขึ้นในช่วงเวลาเดียวกัน หรือในแต่ละช่วงเวลาจะมีอาการเป็นระยะๆ และความรุนแรงของโรคต่างๆ อาจมีการบ่งชี้โรคภูมิต้านตนเอง SLE

โรคภูมิต้านตนเอง (SLE) คืออะไร?
นพ. กัญญากรณ์ เชาว์วิศิษฐ์ อายุรศาสตร์โรคข้อและโรคข้อ โรงพยาบาลกรุงเทพ กล่าวว่า โรคภูมิต้านตนเองหรือ SLE (Systemic Lupus Erythematosus) เป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน โดยภูมิคุ้มกันของบุคคล จะทำลายเนื้อเยื่อภายในร่างกายเองจนเกิดการอักเสบและทำให้เกิดความผิดปกติต่ออวัยวะต่างๆ ทั่วร่างกาย พบในเพศหญิงมากกว่าเพศชายในช่วงวัยแรกรุ่น นอกจากนี้ยังมีปัจจัยสนับสนุนอื่นๆ เพิ่มเติมที่อาจเกี่ยวข้องกับโรค เช่น การถ่ายทอดทางพันธุกรรม (อาจมีสารพันธุกรรมบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับโรคภูมิต้านตนเอง)

ปัจจัยที่กระตุ้นให้โรครุนแรงขึ้น ได้แก่ การติดเชื้อภายในร่างกายและแสงแดด เป็นต้น ในโรคนี้ ร่างกายของผู้ป่วยจะผลิตโปรตีนชนิดหนึ่งที่เรียกว่า Antinuclear antibody ซึ่งใช้ในการวินิจฉัยโรค

อาการของโรคภูมิต้านตนเอง (SLE)
อาการของโรคปรากฏเป็นความผิดปกติในร่างกายในอวัยวะหนึ่งหรือหลายอวัยวะ ที่พบมากที่สุดคือ

ปวดข้อ
ไข้ตั้งแต่ไข้ต่ำไปจนถึงไข้สูง
เหนื่อย
อาการเบื่ออาหาร
ผื่นที่ผิวหนังบริเวณใบหน้า แขน ขา นอกเสื้อผ้า
ผมร่วง
มีภาวะโลหิตจาง
เม็ดเลือดขาวต่ำ
มีเกล็ดเลือดต่ำ
หากเป็นโรครุนแรง อาจมีภาวะเม็ดเลือดแดงแตก ปอดบวม โรคไตอักเสบ

การรักษาโรคภูมิต้านตนเอง (SLE)
การวินิจฉัยต้องอาศัยประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของแพทย์ผู้รักษา แพทย์ส่วนใหญ่จะวินิจฉัยจากประวัติผู้ป่วย การตรวจร่างกายเผยให้เห็นรอยโรคร่วมกับการตรวจทางห้องปฏิบัติการ เช่น การตรวจเลือด การตรวจปัสสาวะ การเอกซเรย์หัวใจและปอด เป็นต้น

SLE เป็นโรคเรื้อรังที่ต้องติดตามผลอย่างสม่ำเสมอ เพราะการรักษาสม่ำเสมอสามารถทำให้โรคสงบลงได้ เริ่มต้นด้วยการประเมินความรุนแรงของอาการที่ผู้ป่วยมี เพราะอาการของโรคแต่ละคนจะมีความรุนแรงเท่ากัน หลังจากนั้นจะมีการวางแผนการรักษาและการใช้ยา ในคนไข้ที่มีอาการรุนแรงมากและการอักเสบของร่างกายในหลายระบบ แพทย์ของคุณอาจพิจารณาใช้สเตียรอยด์หรือยากดภูมิคุ้มกันเพื่อควบคุมโรค ดังนั้นผู้ป่วยแต่ละรายจึงได้รับยาที่แตกต่างกันไปตามความรุนแรงของโรค

แนวทางปฏิบัติสำหรับผู้ป่วยโรคภูมิต้านตนเอง (SLE)
ควรนอนหลับให้เพียงพอ
หลีกเลี่ยงแสงแดด
ลดและหลีกเลี่ยงการติดเชื้อด้วยการรับประทานอาหารที่สะอาด
ใช้ยาตามที่แพทย์สั่งเป็นประจำ
ห้ามลดหรือเพิ่มยาเอง
มาตรวจหรือพบแพทย์ตามนัด ห้ามพลาด การไปพบแพทย์และรับการรักษาที่เหมาะสมจะช่วยให้ผู้ป่วยกลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติ