จะทำอย่างไรเมื่อน้ำในหูไม่เท่ากัน
- คุยเฟื่องเรื่องแต่งรถ
-
jiraporn748
- 0
- 16 ก.ค. 2564 17:18
- 184.22.95.***
อาการเวียนศีรษะบ้านหมุนเป็นอาการที่เกิดขึ้นได้ทุกเพศทุกวัย โดยคนที่มีอาการนี้มีเพียง 10-20% เท่านั้นที่มีโอกาสเป็น “น้ำในหูไม่เท่ากัน” ซึ่งคอลัมน์ “Friday Health” สัปดาห์นี้จะพาไปรู้จักกับโรคนี้
โรคหูชั้นในคืออะไร?
“ความยากในหู” หรือ “โรคเมเนียร์” เกิดจากความผิดปกติในหูชั้นใน กล่าวคือ ความผิดปกติ หรือบางสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการบวมที่หูชั้นใน อาการส่วนใหญ่เกิดขึ้นทีละข้าง เมื่อหูทั้งสองข้างบวมไม่เท่ากันทำให้ผู้ป่วยรู้สึกว่าการทรงตัวไม่ดีมีอาการวิงเวียนศีรษะบ้านหมุน
สาเหตุและปัจจัยเสี่ยง
อาการบวมที่หูชั้นใน เกิดจากหลายสาเหตุ เช่น การติดเชื้อที่หูชั้นใน โรคภูมิคุ้มกันบางชนิด หรือแม้แต่อาหารรสเค็ม โซเดียม ซอสต่างๆ อาหารสำเร็จรูป ผงฟู ฯลฯ จะทำให้ผู้ป่วยมีอาการ
อาการ
ผู้ป่วยจะมีอาการวิงเวียนศีรษะรุนแรง ร่วมกับการปั่นกลับบ้านทำให้รู้สึกมีเสียงในหูหรือสูญเสียการได้ยิน ซึ่งหากไม่รักษา อาจส่งผลให้การได้ยินลดลงเรื่อยๆ จนสูญเสียการได้ยินไปตลอดกาล
การวินิจฉัย
แพทย์จะทำการซักประวัติคนไข้ และประเมินปัจจัยที่ทำให้เกิดอาการของโรคหู polycystic จากนั้นจะตรวจสอบการได้ยิน และตรวจหาอาการบวมของหูชั้นในซึ่งเป็นการตรวจเฉพาะ จะสามารถวินิจฉัยได้ว่าเป็นโรคนี้หรือไม่
การได้รับประวัติผู้ป่วยเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการวินิจฉัย เพราะมันบ่งบอกถึงอาการ ลักษณะเรียกของโรคนี้. รวมทั้งแพทย์อาจพิจารณาส่งการทดสอบการได้ยิน หรือการตรวจพิเศษเพิ่มเติมให้เหมาะสมกับผู้ป่วยแต่ละราย
การรักษา
ดูแลสุขภาพโดยรวมของคุณให้ดี หลีกเลี่ยงการกินอาหารที่มีโซเดียม ผงชูรสสูง และนอนหลับให้เพียงพอ
หากดูแลตัวเองตามที่กล่าวข้างต้น อาการไม่ทุเลาลงก็จะได้รับการรักษาด้วยยา ซึ่งหากผู้ป่วยยังไม่ดีจะพิจารณาผ่าตัดเอาน้ำออกจากหูชั้นใน ซึ่งสามารถควบคุมอาการวิงเวียนศีรษะและรักษาการได้ยินได้
การดูแลตนเอง
หากได้รับยาก็ควรทำต่อไป ดาวน์โหลด slotxo และหลีกเลี่ยงการกินอาหารรสเค็ม นอกจากนี้ในขณะที่มีอาการวิงเวียนศีรษะ เวียนศีรษะบ้านหมุน ไม่ควรทำกิจกรรมที่เสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ เช่น การขับรถ เล่นกีฬา เป็นต้น ในผู้สูงอายุก็ต้องระวังเรื่องการหกล้ม เพราะหากเกิดขึ้นจะเป็นอันตรายต่อผู้สูงอายุ และอาจนำไปสู่ความพิการ
การป้องกัน
ในคนที่ไม่มีอาการ ควรดูแลสุขภาพโดยรวมให้ดีด้วยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ มีคุณค่าทางโภชนาการ รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ สิ่งสำคัญคือต้องหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารที่มีโซเดียม เช่น อาหารรสเค็ม ผงชูรส ผงฟู อาหารแปรรูป และอาหารพร้อมรับประทาน และควรนอนหลับให้เพียงพอ