ปฏิเสธไม่ได้ว่า การเข้ามาของ PDPA ส่งผลกระทบต่อธุรกิจมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งธุรกิจที่ “ข้อมูล” จากผู้บริโภคมาทำการตลาดและโฆษณาบนแพลตฟอร์มต่าง ๆ อย่าง Facebook, Instagram และ Google ซึ่งการเข้ามาของ PDPA นั้นจะส่งผลให้ธุรกิจและแอปพลิเคชันไม่สามารถเก็บข้อมูลลูกค้าเพื่อมาใช้งานได้ง่าย ๆ เหมือนแต่ก่อนแล้ว ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ธุรกิจต่าง ๆ ควรปรับตัวตาม PDPA อย่างไร และ PDPA จะส่งผลกระทบในรูปแบบไหนอีก ตามมาไขข้อสงสัยกัน!

ธุรกิจจะไม่สามารถเก็บข้อมูลมาใช้ตามอำเภอใจได้แล้ว

    PDPA นั้นเป็นกฎหมายที่ยึดถือเรื่องความเป็นส่วนตัวของข้อมูลเป็นอย่างมาก ลองคิดง่าย ๆ หากแอปฯ ใดแอปฯ หนึ่งทำการเก็บข้อมูลของเราโดยไม่ขออนุญาต จากนั้นนำข้อมูลเหล่านี้มาใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์ นั่นก็เหมือนกับเป็นผู้พัฒนาและเจ้าของแอปฯ เหล่านี้กำลังตักตวงผลประโยชน์ และละเมิดความเป็นส่วนตัวของเราไปเลย 

แต่หากพูดถึงในภาคธุรกิจแล้ว “ข้อมูล” ต่าง ๆ เหล่านี้ถือว่ามีความจำเป็นอย่างมาก เพราะหากปราศจากข้อมูลของบุคคลไป การผลิตสินค้าเพื่อตอบโจทย์ความต้องการ และนำเสนอขายสู่ตลาดก็อาจจะเป็นเรื่องยาก และการเข้ามาของ PDPA ก็ส่งผลกระทบได้จริง หากพูดง่าย ๆ คือ สมัยก่อนเราอาจจะบอกว่า ทำไมแอปฯ ยิงแอดมาเหมือนกับรู้เลยว่าเรากำลังคิดอะไรอยู่ แต่การเข้ามาของ PDPA จะส่งผลกระทบในส่วนนี้ และทำให้การยิงแอดที่แม่นเหมือนรู้ใจกลับกลายเป็นไม่แม่นเหมือนแต่ก่อนอีกแล้ว

ด้วยเหตุนี้ การเข้ามาของ PDPA จะทำให้ธุรกิจต้องปรับตัว จากการหวังพึ่งพาโฆษณาที่ให้ผลรวดเร็วมากขึ้นมากลายเป็นการโฟกัสที่ตัวแบรนด์เพื่อพัฒนาสินค้าให้ตอบโจทย์ลูกค้ามากขึ้น และหาช่องทางการทำการตลาดให้เฉพาะกลุ่มที่สนใจจริง ๆ ซึ่งนี่ยังถือว่าเป็นเรื่องดีในเชิงธุรกิจ เพราะ นั่นก็เท่ากับว่า เราจะได้ลงสนามและพัฒนาสินค้าที่ดีเพื่อผู้บริโภค และทำให้ตลาดเติบโตแบบมีคุณภาพโดยพึ่งพาโฆษณาน้อยลงนั่นเอง 

บริษัททำการตลาดออนไลน์หรือ Digital Marketing Agency เองก็ต้องหาแนวทางใหม่

    ในสมัยก่อน ๆ หลายคนคงมองว่า การทำการตลาดออนไลน์ที่ดี คือ การยิงแอดที่แม่นจนมีการเปลี่ยนคนธรรมดาให้กลายมาเป็นลูกค้าได้แทบจะในทันที แต่เมื่อ PDPA เข้ามาส่งผลกระทบในส่วนนี้ แน่นอนว่าแนวทางการทำการตลาดก็ต้องเปลี่ยนไปเช่นกัน ลองคิดดูง่าย ๆ สมัยก่อนเรายิงแอดตามแพลตฟอร์มต่าง ๆ แม่น เพราะข้อมูลที่ได้จากแพลตฟอร์มนั้น ๆ ค่อย ๆ จัดให้เรามีเป้าหมายและกลุ่มในการยิงแอดที่ชัดเจนขึ้นเรื่อย ๆ 

แต่ในคราวนี้ จะถือว่าเป็นการวัดฝีมือกันจริง ๆ เลยว่า ทาง Digital Marketing Agency ให้ความสำคัญกับลูกค้าของตัวเอง และรับฟังลูกค้าของตัวเองมากแค่ไหน เพราะเมื่อข้อมูลจากทางระบบได้มี PDPA มาป้องกันแล้ว นั่นก็เท่ากับว่า หากอยากยิงโฆษณาให้แม่น หรือทำการตลาดให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เราก็ต้องศึกษาแบรนด์และนำข้อมูลต่าง ๆ ทั้งแบบ Insights และข้อมูลธรรมดาของลูกค้ามาหาแนวทางการทำตลาดเพิ่มขึ้นนั่นเอง

จะเห็นได้ว่า สำหรับภาคธุรกิจแล้ว PDPA ได้ส่งผลกระทบในวงกว้าง และอาจทำให้การวางแผนทำธุรกิจในอนาคตลำบากขึ้น แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้น หากเราลองหันกลับมามองวิธีบริหารแบบเดิม ๆ ที่เราต้องใส่ใจลูกค้า และทำให้แบรนด์เติบโตไปพร้อมกัน เราก็อาจจะเห็นแนวทางการต่อยอดธุรกิจจากส่วนนี้ก็เป็นได้ ดังนั้น อย่าลืมศึกษา PDPA ให้ดี และลองมาคิดแนวทางออกที่ไม่พึ่งพา “ข้อมูล” จากระบบให้น้อย และ “ใส่ใจ” ลูกค้าให้มากขึ้นนั่นเอง