ส่องสะพานแมนฮัตตัน แลนด์มาร์คอันโด่งดัง

  • มอไซค์ คาเฟ่
  • kubarnaza
  • 0
  • 19 ม.ค. 2564 18:09
  • 183.89.96.***

โควิดทำให้แพลนการเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศของใครหลายๆคนต้องล่มสลายไป ถึงตัวจะไม่ได้ไปแต่วันนี้เราจะพาคุณไปส่องสะพานแมนฮัตตัน แลนด์มาร์คอันโด่งดัง ที่ตั้งอยู่ นครนิวยอร์ก พร้อมกับประวัติความเป็นมาของสะพานนี้กันครับ 
 

สะพานแมนฮัตตัน แลนด์มาร์คอันโด่งดัง แห่งมหานครนิวยอร์ก

สะพานแมนฮัตตันเป็นสะพานแขวนที่ข้ามผ่านแม่น้ำอีสต์เชื่อมเขตแดนระหว่างฝั่งเกาะแมนฮัตตันทางทิศใต้และฝั่งบรูคลินทางทิศตะวันตก อยู่ในนิวยอร์กซิตี ประมาณ 8 ปีหลังจากที่เริ่มก่อสร้างสะพานนี้ขึ้น สะพานแขวนแห่งนี้ก็ได้เปิดให้สาธารณะชนได้ใช้กันในปี ค.ศ. 1909 สะพานแมนฮัตตันเป็นสะพานที่ถูกสร้างขึ้นทีหลังสะพานบรูคลินและสะพานวิลเลียมสเบิร์ก โดยสะพานแขวนสองแห่งนี้ที่ข้ามผ่านแม่น้ำอีสต์มักจะเป็นทางเลือกของผู้คนในการสัญจรข้ามไปทางฝั่งบรูคลินเนื่องจากอยู่ใกล้กับสะพานบรูคลินมากกว่า


    
สะพานแมนฮัตตัน มีความยาวประมาณ 2,089 เมตร ประกอบไปด้วยทางยกระดับสองชั้น โดยถนนด้านบนมีทั้งหมด 4 เลน และถนนด้านล่างจะมีแค่ 3 เลน ถูกออกแบบมาเพื่อให้รถยนต์ที่สัญจรไปมาสามารถเปลี่ยนเส้นทางได้เพื่อให้การจราจรไม่ติดขัด นอกจากเส้นทางสำหรับรถยนต์ที่ให้วิ่งข้ามผ่านสะพานแล้ว สะพานแมนฮัตตันยังประกอบไปด้วยทางรถไฟทั้งหมด 4 สาย มีเลนสำหรับคนเดินถนนและเลนสำหรับขี่จักรยานอีกด้วย ดังนั้นจึงมีจำนวนรถยนต์เกือบ 80,000 คันวิ่งผ่านและมีประชาชนมากกว่า 320,000 คนที่ใช้รถขนส่งสาธารณะผ่านสะพานนี้ในแต่ละวัน



     โครงการสร้างสะพานแมนฮัตตันได้เกิดขึ้นในปี ค.ศ. 1901 ภายใต้การกำกับดูแลการก่อสร้างโดยอธิบดีกรมการก่อสร้างสะพานของมหานครนิวยอร์คนำโดยวิศวกรโยธากุสตาฟ ลินเดนธาล (Gustav Lindenthal) และหัวหน้าวิศวกรรม R.S. Buck หลังจากนั้นสะพานแมนฮัตตันได้ถูกเปลี่ยนทีมผู้กำกับดูแลการก่อสร้างและถูกออกแบบให้ใช้งบประมาณที่ประหยัดขึ้นโดยวิศวกร Josef Melan และหัวหน้าทีมวิศวกร Leon Moisseiff จนกระทั่งสะพานแมนฮัตตันถูกก่อสร้างแล้วเสร็จและได้รับการเปิดให้ใช้อย่างเป็นทางการในวันที่ 31 ธันวาคม ค.ศ. 1999 หลังจากนั้นจึงได้รับการพัฒนาให้สามารถรองรับรถไฟใต้ดินได้และเพื่อให้สามารถรองรับการโดยสารในรูปแบบสาธารณะของประชาชนได้มากยิ่งขึ้น จึงทำให้สะพานแมนฮัตตันแห่งนี้กลายเป็นสะพานที่สง่างามและมีการใช้ประโยขน์สูงสุดในมหานครนิวยอร์ค


ที่มา:https://travel.thaiza.com/