วางแผนเก็บตังค์ไปอยู่ประเทศอื่น ความหวังใหม่หรือไปตายเอาดาบหน้า
- จิปาถะ อื่นๆ
- promotion
- 1
- 26 ต.ค. 2563 12:27
- 101.108.103.***
ย้ายประเทศถาวร
ต้องพูดภาษานั้นได้คล่องเลยหรือเปล่า?
ต้องมีค่าใช้จ่ายเบื้องต้นเท่าไร
เรามีคำตอบให้แล้ว
ย้ายประเทศยากมั้ย? ใครที่มีความคิด “อยากอยู่ต่างประเทศ” เมืองไทยไม่เอาละ ทำงานก็น่าเบื่อ สังคมก็น่าเบื่อ อยากเจออะไรใหม่ ๆ ที่ทำให้ชีวิตมีไฟโชกโชนนน
การไปอยู่ที่ต่างประเทศก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจไม่น้อย เดี๋ยวนี้มันมีหลายวิธีที่จะทำให้เราไปอยู่ต่างประเทศได้แบบถาวร แต่! มันก็ไม่ได้ง่ายเสียทีเดียวค่ะ
วันนี้ปันโปรรวบรวมข้อมูลที่น่าสนใจสำหรับ “การย้ายประเทศ” มาแล้ว มีอะไรบ้าง เลื่อนลงไปพร้อมกันค่ะ
ต้องมีเงินขั้นต่ำในธนาคารเท่าไร
ก่อนจะไปดูว่าเราจะไปประเทศไหน ดูเงินในกระเป๋าก่อน จากการรีเสิร์ช เราควรมีเงินเก็บในธนาคาร ขั้นต่ำ 3 แสนบาท (ต่อคน) จำนวนเงินนี้ห้ามใช้จ่ายเด็ดขาด! และควรเป็น “บัญชีออมทรัพย์” ที่มีการเคลื่อนไหวอย่างสม่ำเสมอ (เหมือนเรามีการใช้งานค่ะ) เอาไว้เพื่อโชว์ใน Bank Statement เวลาที่เรายื่นขอวีซ่า ถ้าเป็น “บัญชีฝากประจำ” ก็ได้เช่นกัน แต่ต้องเวลายื่นต้องแนบ “บัญชีออมทรัพย์” ไปด้วย
ไปประเทศไหนดี
เราต้องดูความชอบของตัวเองก่อน แล้วศึกษาประเทศนั้น ๆ ไม่ว่าจะเรื่องเศรฐกิจ สิ่งแวดล้อม ผู้คน การปกครอง
- ค่าครองชีพของประเทศนั้น ๆ (ถ้ามันสูงเราจะสู้ไหวมั้ย)
- การเปิดกว้างรับคนเข้าประเทศ และการทำงาน อันนี้พี่ โปร ว่าสำคัญนะเพราะเราจะต้องในสภาวะแวดล้อมอย่างนี้ไปถาวรเมื่อเราย้ายเข้าไปแล้ว
- ความยาก-ง่าย ในการทำวีซ่าถาวรของแต่ละประเทศ ต้องศึกษาอย่างละเอียดว่ามันมีกฎเกณฑ์อะไรบ้าง
โดยประเทศหลัก ๆ ที่คนไทยชอบย้ายประเทศไปอยู่ก็จะมีดังนี้
- สวีเดน
- แคนนาดา
- ออสเตรเลีย
- อเมริกา
- เยอรมัน
- สวิสเซอร์แลนด์
*โดยสาเหตุหลัก ๆ คือ สภาพอากาศ สิ่งแวดล้อม รายได้จากการทำงาน ที่ดีกว่าไทย*
หาวิธีไปยังไงได้บ้าง
- ขอทุนไปเรียนต่อ หรือใช้ทุนตัวเอง แล้วหางานทำต่อ *วิธีนี้ง่ายสุด*
- แต่งงานกับคนสัญชาตินั้น ๆ
- หางานในต่างประเทศ หรือ ย้ายตำแหน่งจากภายในองค์กร
- ยื่น Migration Program (แคนาดา หรือ ออสเตรเลีย) : เป็นหลักเกณฑ์ที่พิจารณาการให้ PR Visa แก่ชาวต่างชาติ
- ที่มีทักษะความชำนาญสูงในสาขาอาชีพต่าง ๆ เช่น อาชีพแพทย์ พยาบาล เป็นต้น
- Green Card : บัตรประจำตัวที่รัฐบาลสหรัฐออกให้สำหรับบุคลลที่ได้รับการอนุญาตให้เข้ามาอยู่อาศัย รวมถึงทำงานอย่างถาวรในสหรัฐโดยสามารถเข้า-ออกอเมริกาได้โดยไม่ต้องขอวีซ่า
เงินตั้งตัว
เงินตั้งตัวในการไปอยู่ประเทศอื่น คือเงินคนละส่วนกับ “บัญชีออมทรัพย์” ที่เรายื่นวีซ่านะคะ
ต้องมีเงินใช้อย่างต่ำ “สองเดือน” ระหว่างที่กำลังหางานทำ อย่างน้อย ๆ สัก 50,000 - 100,000 บาท เงินจำนวนนี้เป็น ค่าอาหาร ของใช้ในชีวิตประจำวัน ค่าเช่าบ้าน ค่าเดินทาง ค่าซิมโทรศัพท์ และค่าดำเนินการเอกสารจิปาถะ ที่สำคัญ พี่ promotion ขอเตือนเลยนะว่าเงินส่วนนี้ห้ามเอาไป “ช้อปปิ้ง” เด็ดขาด
กรณีที่เรามีเงินน้อยกว่า 50,000 บาท การใช้ชีวิตจะไม่เซฟ ต้องเลือกกินถูก ๆ ประหยัดเงินกันสุด ๆ ยิ่งแถบสแกนดิเนเวียค่าครองชีพสูง เช่น นั่งรถไฟชั่วโมงเดียวเที่ยวละ 500 บาท เป็นต้น (แต่อย่าลืมว่าถ้าหางานได้จะดีมาก ยกตัวอย่าง ออสเตรเลียติด 10 อันดับเมืองที่มีค่าครองชีพแพงสุดในโลก แต่ก็มีอัตราค่าแรงขั้นต่ำที่สูงสุดในหมู่ชาติพัฒนาแล้ว)
ภาษานั้นจำเป็น
- แต่ละประเทศก็มีจะมีเกณฑ์ของตัวเอง เราจะต้องสอบให้ผ่านขั้นต่ำให้ได้ก่อน (จากนั้นค่อยไปเรียนรู้ตอนย้ายประเทศได้แล้ว)
- ซึ่งผลคะแนนที่นิยมใช้กันแพร่หลายก็ได้แก่ TOEFL และ IELTS หรือบางคอร์ส (กรณีที่เราเลือกจะย้ายประเทศด้วยการเรียนหนังสือ) อาจต้องยื่นคะแนนอื่น ๆ เช่น GRE หรือ GMAT ด้วย ซึ่งวิธีฝึกทักษะด้านภาษา เพื่อการสอบ ก็แล้วแต่ความถนัด
- ใครที่คิดว่าเก่งแต่ในหนังสือ ไม่ต้องห่วง สิ่งแวดล้อมจะทำให้เราพูดเก่งเอง เพราะมันจะบังคับให้เราพูดให้ได้
ภาษาเป็นสิ่งที่ไม่มีเพดาน ความเก่งอยู่ที่เราปรับตัว เอาตัวรอดได้
- จากนั้น Up Level ขึ้นมาหน่อย คือ เราสามารถสนทนากับเจ้าของภาษาได้แบบลื่นไหล
- ถ้าพูดถึงภาษาในระดับทำงานบริษัท อย่างน้อย เราต้องแก้ Essay ของตัวเองให้ได้ และเข้าใจความแตกต่างระหว่างภาษาที่เป็นทางการ และไม่เป็นทางการ (เหมือนกับภาษาไทย ที่มีคำสุภาพที่พูดกับอาจารย์ และการคุยสบาย ๆ กับเพื่อน)
เข้าเมืองตาหลิ่ว ต้องหลิ่วตาตาม
การเตรียมตัวย้ายประเทศมีหลายวิธีมาก ๆ แล้วแต่ความถนัดของแต่ละคน
- ดูหนังซีรีส์ ฟังเพลง สังเกตว่าชีวิตประจำวันเขาทำตัวอย่างไร เช่น การเข้าหาคนอื่น เวลาไปทานข้าว สำนวนภาษา (ที่อาจจะแตกต่างจากในหนังสือเรียน) การแต่งกาย ภาษากาย ฯลฯ หาให้เจอว่าเราต่างกับเขายังไง เป็นวิธีการเรียนรู้วัฒนธรรมเพื่อการปรับตัวค่ะ
- พอฟังมาก ๆ เราต้องหัดพูดเสียงดังฟังชัด พูดตาม Dialogue ที่เราดู พูดวนไปจนกว่าจะเหมือน
หาโอกาสเข้าสังคมกับเพื่อนต่างชาติ
- ออกนอกบ้าน ทำกิจกรรม เพื่อได้ฝึกภาษาที่ได้เรียนมา พร้อมกับดูชีวิตประจำวันของคนในประเทศนั้น ๆ
อย่าเขินอาย มีความมั่นใจในการทำ
- เราควรเปลี่ยน Mindset ความเป็นไทยของเราออก เพราะคนไทยนิสัยขี้อาย ขี้เกรงใจ กลัวเสียหน้า การศึกษาบ้านเราทำให้เด็กส่วนมากกลัวในการตอบคำถาม ซึ่งคนต่างชาติไม่เข้าใจความเกรงใจของคนไทย ในสังคมเมืองนอก ถ้าอยากได้อะไรเราต้องพูดชัดเจน ถ้าไม่พูดก็แสดงว่าโอเคแล้ว
- เป็นคนชอบถาม ชอบตอบ และกล้าแสดงออก ต่อรองให้เป็น และรู้เท่าทันคน มีความ Flexible สูง
ล้มแล้วลุกให้ไว อย่าเสียเวลากับเรื่องที่ไม่จำเป็น
หางานทำ แล้วเราจะรอด
“เงิน” คือสิ่งที่จำเป็น ดังนั้นเมื่อเราจัดการเรื่องที่พัก ซื้อข้าวของได้แล้ว ควรหางานทำทันที
งานบริการ
- พอถึงเมืองที่เราอยู่แล้ว เปิด Map ดูเลยว่ามี ร้านอาหาร หรือ ร้านขายของ ร้านไหนบ้าง มีกี่ที่ แล้วเดินไปเคาะประตูทีละร้าน หากร้านปิดอยู่ลองเคาะก่อน สักพักจะมีคนเปิดประตูให้เรา ซึ่งพี่ โปรโมชั่น ขอแนะนำวิธีการ Walk in เขาจะชอบมากกว่าการส่ง Email เพราะได้คุยกับเราตัว ๆ
- เวลาไปหาร้าน ควร แต่งตัว แต่งหน้าให้พร้อม เล็บมือต้องสะอาด ถึงร้านแล้วให้ขอคุยกับ “ผู้จัดการร้าน” คนอื่นถ้าไม่จำเป็นไม่ต้องคุย
- เขาจะถามว่าเคยทำอะไรมาก่อน ให้ตอบตามตรงสั้น ๆ ถ้าที่เคยทำมาไม่เกี่ยวกับร้านอาหารก็บอกไปว่าเราต้องเรียนรู้อะไรใหม่ ๆ มาหาประสบการณ์ในสายงานใหม่ ๆ
- ถ้าเขาบอกว่าไม่มีงานเปิดรับสมัคร ให้ปิดท้ายด้วยการขอคำแนะนำในการหางาน แล้วขอบคุณเขา บางทีถ้าเขาชอบเรา เขาอาจจะขอ Contact เราไว้
- เวลาไปสมัครงานเมืองนอก ให้เตรียม CV หน้าเดียวพอ ถ้าเราสมัครงานบริการ เราก็ควรเขียนให้เข้าทางอาชีพบริการ แล้วพิมพ์ออกมาเผื่อสัก 5 - 6 ฉบับ หากเขาขอแบบกระดาษก็หยิบให้เลย แต่ถ้าขอทาง Email เราก็แค่ส่งเมลให้ จบ!
งานบริษัท
- ต้องหา Local Platform ให้เจอว่าบ้านเขาใช้อะไร เช่น JobDB, JobTopGun ของประเทศนั้น ใครที่เพิ่งเริ่มหางาน ไม่มีประสบการณ์มาก่อน แนะนำว่าอย่าไปหางานจาก LinkedIn โปรไฟล์ในนี้มันคือชนชั้น Elite จะหมดกำลังใจได้
- ถ้าหาไม่เจอ ก็แนะนำให้ถามพนักงานเสิร์ฟที่ดูวัยรุ่น ๆ หน่อย แต่เดี๋ยวนี้ Facbook มันก็จะมีกรุ๊ปช่วยกันหางานหรือแชร์ข้อมูลที่อยู่ประเทศนั้น ๆ ลองเข้าไปหาแล้วขอเข้าร่วมกลุ่ม เราอาจจะได้ข้อมูล เผลอได้เพื่อนเพิ่มด้วยซ้ำ
- บางบริษัท เขาจะมีโปรแกรมฝึกงานสำหรับชาวต่างชาติ เข้าโปรแกรมนี้เสร็จจะได้ Placement ในบริษัทเลย
- ทำมากกว่าที่บริษัทขอเสมอ เช่น ถ้าเขาขอแค่ CV ให้ส่ง CV+Cover Letter (จดหมายสมัครงาน) กรอกแบบฟอร์มให้หมดทุกช่อง แม้ช่องนั้นจะเขียนว่า Optional เราต้องทำมากกว่า เพื่อพิสูจน์ตัวเองการเป็นชาวต่างชาติที่ทำงานในเมืองนอก เราต้องเทียบเท่าเขา หรือ เก่งกว่าคนของเขา
- เช็กตัวเอง! ขาด Skill อะไร ให้ไปเรียนออนไลน์ บางหลักสูตรเรียนจบแล้วจะให้ใบเซอร์ (Certificated) นอกจากเรียนเราก็ต้องพยายามเก็บพอร์ต ทุก Skill ที่เขียนใน Resume ต้องมีพอร์ตรองรับ
- สำหรับสาย Content แนะนำเปิด Instagram แล้วทำพอร์ต เพราะ Instagram เป็นแพลตฟอร์มที่ใช้ง่ายและอินเตอร์ Skill ไม่ต้องห่วงจำนวนจำนวนคนติดตาม ให้มันมีผลงานเยอะ ๆ ก็พอ ที่นำไปเสนอได้ เช่น Copywriting, Graphic Designing, Photography, Social Media Marketing ฯลฯ
- สมัครงานไปเรื่อย ๆ ให้เป็นกิจวัตรประจำวัน แล้วทำ CV Tracker เป็นไฟล์ Excel เพื่อให้เรารู้เองว่าเราสมัครไปกี่ที่ ที่ไหนบ้าง (เผื่อเราสมัครงานซ้ำ หน้าแตกได้)
อยากมีเสน่ห์ดึงดูดใคร
ก็ต้องรู้จักดูแลบุคลิกภาพกันด้วยน้าาาาา
Phathavie Herbal shampoo
แชมพูสำหรับลดผมร่วงหลังคลอด
เห็นผลภายใน 2 สัปดาห์ ลดผมร่วงได้อย่างชัดเจน
เร่งผมยาวไว , ช่วยเสริมผมขึ้นใหม่ (สามารถใช้แทนยาปลูกผมได้เล๊ยยยย!!)
เรื่องของผมอย่าปล่อยให้ผมบางจนบุคลิกภาพเสียซ่ะล่ะ
เงื่อนไขในการทำ “วีซ่าถาวร”
ศึกษารายละเอียด “วีซ่าถาวร” (Green Card) ของแต่ละประเทศให้ดีก่อน เมื่อเลือกที่จะไปอยู่ต่างประเทศถาวรแล้ว สิ่งสำคัญคือสิทธิการเป็นพลเมืองที่เราจะได้รับ และขั้นตอนการได้รับสิทธินั้น ๆ ค่ะ
เช่น
วีซ่าถาวรของอเมริกา
ผู้ที่จะมีได้ต้องเป็นดังกรณีต่อไปนี้
- แต่งงานกับคนอเมริกัน
- มีญาติทางสายเลือดที่ใกล้ชิดเป็นอเมริกันชนยื่นขอให้
- ขอได้จากการได้รับวีซ่าอนุญาตให้ทำงานได้ระยะเวลาหนึ่ง
- ขอได้จากการลงทุน
- ขอได้จากการรับใช้ชาติช่วยราชการของทางอเมริกา
วีซ่าถาวรของแคนาดา
ผู้ที่จะมีได้ ต้องเป็นดังกรณีต่อไปนี้
- กลุ่มนักลงทุน : คนที่ต้องการย้ายเข้าไปอยู่ในแคนาดาต้องมีการนำเงินไปฝากไว้กับธนาคารในประเทศแคนาดาขั้นต่ำคนละ 4 แสนดอลลาร์แคนาดา ระยะเวลาทั้งหมด 5 ปี และไม่ได้รับดอกเบี้ยใด ๆ เป็นการตอบแทนทั้งสิ้น
- กลุ่มนักธุรกิจ : ผู้ต้องการย้ายไปในแคนาดากลุ่มนี้ต้องมีการเปิดธุรกิจในแคนาดาขั้นต่ำเป็นเวลา 1 ปี มีพนักงานชาวแคนาดาอยู่ในธุรกิจอย่างต่ำ 1 คน
- กลุ่มนักวิชาชีพ : กลุ่มที่ประเทศแคนาดาต้องการทุกปีอยู่แล้วคือ แพทย์, พยาบาล, วิศวกร ขณะที่กลุ่มวิชาชีพอื่น ๆ เช่น นักกฎหมาย, นักการเงิน, นักบัญชี, ด้านคอมพิวเตอร์ ฯลฯ จะต้องการตามความเหมาะสมในแต่ละปี
- กลุ่มผู้ลี้ภัย : คนกลุ่มนี้ต้องมาจากประเทศที่มีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องการเมือง
- กลุ่มแรงงานต่างชาติชั่วคราว : ต้องเป็นกลุ่มคนที่เข้าไปทำงานใช้งาน เป็นคนต่างชาติและทำได้แค่ระยะเวลาหนึ่งเท่านั้น
สรุปก่อนย้ายประเทศ
- อยากย้ายประเทศควรมีเงินอย่างน้อย 400,000 บาท นี่คือเงิน “บัญชีออมทรัพย์” รวมกับ ค่ากินอยู่เริ่มต้นสองเดือนในประเทศที่เราเลือกไปค่ะ
- “ภาษา” สำคัญจริง แต่ถ้าไม่ได้ไม่เป็นไร เพราะสิ่งแวดล้อมจะทำให้เราปรับตัวได้เองค่ะ
- การเอกสารเป็นเรื่องที่วุ่นวายมาก แต่หากใครที่ไปอยู่ที่ต่างประเทศ จะเข้าใจเลยว่า การทำเอกสารคือเรื่องที่ธรรมดา เดี๋ยวก็ต้องเจอบ่อย ๆ ค่ะ ทำใจไว้เลย
27 ต.ค. 2563