สำหรับคนที่กำลังจะซื้อที่อยู่อาศัย ไม่ว่าจะเป็น คอนโดมิเนียม, ทาวน์โฮม หรือโครงการบ้านเดี่ยว ทั้งจากผู้ประกอบการโครงการบ้านจัดสรรหรือว่าจะซื้อจากบุคคลทั่วไปก็ตาม ทั้งผู้ซื้อและผู้ขายจะต้องเตรียมเงินอีกจำนวนหนึ่งไว้สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายในการ โอนบ้าน, ค่าโอนคอนโด รวมถึงค่าจดจำนอง โดยจะต้องชำระให้ครบถ้วนที่สำนักงานที่ดินในวันนัดโอนกรรมสิทธิ์หรือโอนบ้านด้วย

ค่าธรรมเนียมแต่ละประเภทที่ผู้ซื้อและผู้ขาย จะต้องรู้ก่อนซื้อขายบ้าน ได้แก่ 

1. ค่าจดจำนอง เป็นค่าใช้จ่ายส่วนที่เรียกเก็บจากผู้ซื้อโดยตรง เพราะผู้ซื้อคือผู้ขอกู้เงินจากสถาบันการเงินเพื่อนำมาใช้ในการซื้อโครงการบ้านและที่อยู่อาศัยครั้งนี้ โดยจะเรียกเก็บค่าธรรมเนียมดังกล่าว 1% ของวงเงินกู้ และสูงสุดไม่เกิน 200,000 บาท เช่น ราคาบ้านจัดสรรที่ซื้ออยู่ที่หลังละ 2.8 ล้านบาท แต่ผู้ซื้อทำเรื่องขอสินเชื่อจากธนาคารเพียง 2 ล้านบาท ก็จะเสียค่าจดจำนอง 1% เฉพาะวงเงินส่วน 2 ล้านบาทเท่านั้น ซึ่งเป็นค่าธรรมเนียมที่จะต้องจ่ายจำนวน 20,000 บาท แต่จากมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ของรัฐบาล ก็ได้ลดหย่อนค่าธรรมเนียมส่วนนี้ลงเหลือ 0.01% ของวงเงินกู้ สำหรับที่อยู่อาศัยที่มีราคาไม่เกิน 3 ล้านบาทเช่นเดียวกัน ทำให้ค่าใช้จ่ายส่วนที่ผู้ซื้อจะต้องเตรียมไว้ในวันโอน ลดลงได้อย่างมากเช่นเดียวกัน 
2. ค่าโอนบ้านหรือค่าโอนคอนโด โดยปกติแล้วในการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัยทุกรูปแบบจะต้องมีค่าธรรมเนียม 2% ของราคาประเมิน ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายส่วนที่ผู้ซื้อและผู้ขายจะต้องตกลงกันว่าใครจะเป็นผู้จ่าย ซึ่งมีหลายกรณีที่ผู้ซื้อและผู้ขายตกลงจ่ายคนละ 1% แต่สำหรับในปี 2563 รัฐบาลมีมาตรการกระตุ้นภาคอสังหาริมทรัพย์ จึงได้ลดหย่อนค่าธรรมเนียมส่วนนี้ลงเหลือ 0.01% ของราคาประเมิน สำหรับ บ้าน และคอนโด ที่มีราคาไม่เกิน 3 ล้านบาท ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายส่วนนี้ลดลงได้มาก บรรดาผู้ประกอบการโครงการอสังหาริมทรัพย์ส่วนใหญ่ จึงนิยมจ่ายค่าโอนคอนโดและค่าโอนกรรมสิทธิ์บ้านแทนผู้ซื้อทั้งหมด โดยถือเป็นหนึ่งในกลยุทธ์การตลาดที่มาแรงสำหรับการขายคอนโดและ บ้านใหม่ ในปีนี้ 

การลดหย่อนค่าธรรมเนียมทั้งสองประเภทให้กับที่อยู่อาศัยที่มีราคาไม่เกิน 3 ล้านบาทตามมาตรการของรัฐครั้งนี้ จะมีผลไปจนถึงวันที่ 24 ธันวาคม 2563 

นอกจากนี้ก็ยังมีค่าธรรมเนียมอื่น ๆ ที่ควรจะต้องรู้ก่อนทำการโอนกรรมสิทธิ์ที่อยู่อาศัย ได้แก่ ค่าภาษีธุรกิจเฉพาะ 3.3% ของราคาขาย ซึ่งจะเป็นค่าใช้จ่ายที่ผู้ขายจะต้องทำการรับภาระ ยกเว้นแต่ว่าจะมีการครอบครองมานานกว่า 5 ปี ก็จะได้รับการยกเว้นไม่ต้องเสียภาษีดังกล่าว, ค่าอากรแสตมป์ 0.5% ของราคาซื้อขาย ที่เป็นภาระของผู้ขายเช่นกัน แต่จะได้รับการยกเว้นหากว่าผู้ขายได้เสียภาษีธุรกิจเฉพาะแล้ว และภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาที่ผู้ขายจะต้องยื่นตามเงื่อนไขของกรมสรรพากร

ค่าธรรมเนียมและค่าใช้จ่ายเหล่านี้เป็นสิ่งที่ผู้ซื้อและผู้ขายบ้านหรืออสังหาริมทรัพย์ประเภทอื่น ๆ  จะต้องทำความเข้าใจกันให้ดี และจะต้องมีการติดตามข่าวสารอย่างใกล้ชิดว่ารัฐจะมีนโยบายสนับสนุนเรื่องนี้อย่างไรต่อไป หลังจากครบกำหนดระยะเวลามาตรการกระตุ้นการซื้อขายในรอบนี้ และหากท่านใดอยากทราบเพิ่มเติมเกี่ยวกับการโอนบ้าน คลิกอ่านได้ที่นี่เลย https://www.sansiri.com/thai/คำแนะนำ/ค่าธรรมเนียมโอนบ้าน-คอนโด-ทาวน์โฮม