จุฬาฯ เตรียมทดสอบวัคซีนโควิด-19
- มอไซค์ คาเฟ่
- kubarnaza
- 0
- 14 ก.ค. 2563 18:37
- 124.120.8.***
วันนี้มีข่าวความคืบหน้า ถือว่าเป็นข่าวดีของคนไทย หลังคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และหน่วยงานภาคี ที่ได้ผลิตและพัฒนาวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ซึ่งก็ถือเป็นข่าวที่น่ายินดีของคนไทย หลังจากที่เราได้รับผลกระทบจากโควิด 19 มาอย่างยาวนาน และซึ่งวัคซีนตัวนี้ได้ลองผลทดสอบวัคซีนในลิงได้ผลดี
ผอ.บริหารโครงการพัฒนาวัคซีนโควิด-19 ศูนย์วิจัยวัคซีน คณะแพทยศาสตร์ จุฬาฯ กล่าวว่า หากการทดสอบเป็นไปตามแผนและผ่านการรับรอง คาดว่าคนไทยจะได้ใช้วัคซีนตัวนี้ในช่วงไตรมาสที่ 3 หรือ 4 ปีหน้า
วัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 ชนิด mRNA ที่มีชื่อว่า "CU-Cov19" เป็นการพัฒนาร่วมกันระหว่างโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ศูนย์วิจัยวัคซีน คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยเพนซิลเวเนีย
ปัจจุบันวัคซีนที่อยู่ในขั้นวิจัยทดลองในสัตว์ทดลองขนาดเล็กและลิงมีอยู่ราว 130 ชนิด ทั่วโลก
ขณะที่วัคซีนป้องกันโควิด-19 ที่มีการวิจัยในมนุษย์ในหลายประเทศทั่วโลกขณะนี้มีอยู่ประมาณ 18-20 ชนิด อย่างน้อย 4 ชนิด เป็นเทคโนโลยี mRNA ซึ่งเป็นเทคโนโลยีตัวเดียวกับที่ศูนย์วัคซีน จุฬาฯ ทดลองอยู่ เพียงแต่มีเนื้อวัคซีนคนละชนิดกัน
วัคซีนชนิด mRNA ผลิตจากสารพันธุกรรมของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่บางส่วน ซึ่งเมื่อชิ้นส่วนของสารพันธุกรรมนี้ถูกฉีดเข้าไปในร่างกาย จะถูกเปลี่ยนเป็นโปรตีนเพื่อกระตุ้นให้เกิดการสร้างภูมิคุ้มกันชนิดแอนติบอดีที่ช่วยต่อสู้กับไวรัสได้
ผศ.ดร.ชุติธร เกตุลอย หนึ่งในทีมวิจัยวัคซีน กล่าวว่า การตรวจสอบประสิทธิภาพจะวัดปริมาณของระดับของแอนตีบอดีที่ช่วยยับยั้งได้ในสัตว์ทดลอง ผลการทดสอบประสิทธิภาพของวัคซีนชนิด mRNA ในหนู พบว่า "หลังจากที่หนูได้รับวัคซีนเข็มแรก ภูมิคุ้มกันขึ้นมาในระดับ 100 หลังจากนั้นฉีดวัคซีนเข็มที่ 2 เป็นเวลาหนึ่งเดือน และเจาะเลือดมาตรวจหลังจากนั้นสองสัปดาห์พบว่าระดับภูมิคุ้มกันขึ้นมาสูงระดับ 40,000 เพิ่มมากกว่า 400 เท่าตัว"
เมื่อเห็นผลจึงดำเนินการต่อในสัตว์ทดลองที่ใหญ่ขึ้น คือ ลิง ซึ่งมีการทดลองที่ทำแบบควบคู่กันไป ทางศูนย์เริ่มการฉีดวัคซีนในลิงเข็มแรกที่ศูนย์ไพรเมทแห่งชาติ จ.สระบุรี เมื่อวันที่ 23 พ.ค. และฉีดกระตุ้นซ้ำเป็นเข็มที่สองห่างกัน 1 เดือน ผลการทดสอบประสิทธิภาพพบว่าเป็นผลดีหลังจากฉีดกระตุ้นด้วยวัคซีนเข็มที่สอง
ที่มา : https://variety.thaiza.com/