เงื่อนไขสมัคร "บัตรคนจน" ปี 63 เปลี่ยนไป ปรับเกณฑ์ใหม่เข้มกว่าเดิม!
- มอไซค์ คาเฟ่
- promotion
- 0
- 30 ม.ค. 2563 15:02
- 125.24.167.***
บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เตรียมเปิดลงทะเบียนใหม่ ต้นเดือน ก.พ. 63
ปรับเกณฑ์ผู้มีสิทธิ์ขึ้นทะเบียนคนจนเข้มงวดขึ้น
โดยจะยังได้รับสิทธิ์และเงินช่วยเหลือในด้านต่างๆ เหมือนเดิมเลย
บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือบัตรคนจน ที่เราเรียกกันสั้นๆ ถือเป็นมาตรการช่วยเหลือประชาชนของภาครัฐ เริ่มต้นโครงการมาตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2560 นับมาจนถึงวันนี้ก็เป็นระยะเวลา 2 ปีกว่าแล้ว หลักการคร่าวๆ ของเจ้าบัตรนี้ก็คือให้คนว่างงานหรือมีรายได้น้อยลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการกับภาครัฐ จากนั้นก็จะมีการตรวจสอบคุณสมบัติว่าตรงตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้มั้ยนั่นเอง ถ้าไม่ผ่านเกณฑ์ก็จะไม่ได้รับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ส่วนคนที่ผ่านเกณฑ์ก็จะต้องไปรับบัตร เพื่อนำมาใช้จ่ายและรับสิทธิ์ที่ภาครัฐได้กำหนดไว้แบบง่ายเวอร์
สำหรับสวัสดิการที่ภาครัฐมอบให้กับผู้ได้สิทธิ์ ก็ถือว่าเยอะทีเดียวเลยล่ะ จนบางครั้งคนที่ไม่ได้รับสิทธิ์เห็นแล้ว ก็ว้าวอยู่เหมือนกัน อยากจะได้สิทธิ์บ้างไรงี้ 555 เดินทางฟรี ค่าน้ำฟรี ค่าไฟฟรี ซื้อของมาได้รับ ส่วนลดราคา หรือใช้ฟรีอีก นับถึงตอนนี้มีผู้ได้รับสิทธิ์รวม 14.5 ล้านคน ก็ประมาณ 1/5 ของประชากรทั้งประเทศกันเลย
ปรับเกณฑ์ใหม่ "บัตรคนจน" ถ้าใครไม่จนจริง ก็หมดสิทธิ์นะ
หลังจากที่บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (บัตรคนจน) ได้ให้ผู้มีรายได้น้อยลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ เพื่อรับช่วยเหลือในด้านต่างๆ ของภาครัฐในหลากหลายมุม ไม่ว่าจะเป็นค่าสาธารณูปโภค ค่าเดินทาง ค่าใช้จ่ายแต่ละเดือน จนตอนนี้มีผู้เข้าร่วมโครงการมากถึง 14.5 ล้านคน ก็ยังมีบางคนอาจจะไม่มีรายได้น้อยจริงแต่กลับได้รับสิทธิ์ ทำให้หน่วยงานรัฐฯ หาทางที่คัดคนที่ตรงคุณสมบัติจริงๆ ให้ได้รับสิทธิ์เท่านั้น เรียกว่าเป็น promotion เฉพาะผู้มีรายได้น้อยที่ยืนยันได้จริง ๆ เท่านั้น โดยจะนำเทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) มาใช้ตรวจสอบคัดกรองคุณสมบัติ ซึ่งหลักการคร่าวๆ จะเปลี่ยนแปลงเกณฑ์ใหม่ตามนี้เลย
? หลักเกณฑ์เดิม : ดูจากรายได้รวมส่วนบุคคล จะต้องเป็นผู้ว่างงาน หรือมีรายได้ไม่เกิน 100,000 บาทต่อปี
? หลักเกณฑ์ใหม่ : ดูจากรายได้รวมของทั้งครอบครัว หารเฉลี่ยด้วยจำนวนคนในครอบครัว จะต้องไม่เกินคนละ 100,000 บาทต่อปี จะได้รับสิทธิ์ทั้งครอบครัว
หลายคนอาจจะไม่เข้าใจว่าแบบเก่ากับแบบใหม่แตกต่างกันยังไง แล้วจะต้องคำนวณยังไงเพื่อหาว่าสามารถขึ้นทะเบียนคนจนได้รึป่าว ลองดูจากตัวอย่างกันดีกว่า
กรณีที่ 1 เช่น ครอบครัว A มีจำนวนสมาชิก 4 คน พ่อมีรายได้ 300,000.- ต่อปี / แม่มีรายได้ 200,000.- ต่อปี ส่วนลูกอีก 2 คนยังไม่มีรายได้ แสดงว่าทั้งครอบครัวจะมีรายได้รวม 500,000.- ต่อปี มีสมาชิกทั้งหมด 4 คน เฉลี่ยแล้วจะมีรายได้คนละ 125,000.- ต่อปี
? หลักเกณฑ์เดิม : ลูก 2 คนที่ยังไม่มีรายได้ สามารถขึ้นทะเบียนคนจนได้
? หลักเกณฑ์ใหม่ : เมื่อเฉลี่ยรายได้ต่อคนแล้ว พบว่าเกิน 100,000.- ต่อปี จึงทำให้สมาชิกทั้ง 4 คนในครอบครัว ไม่สามารถขึ้นทะเบียนคนจนได้
กรณีที่ 2 เช่น ครอบครัว A มีจำนวนสมาชิก 5 คน พ่อมีรายได้ 200,000.- ต่อปี / แม่มีรายได้ 150,000.- ต่อปี ส่วนลูกอีก 3 คนยังไม่มีรายได้ แสดงว่าทั้งครอบครัวจะมีรายได้รวม 350,000.- ต่อปี มีสมาชิกทั้งหมด 5 คน เฉลี่ยแล้วจะมีรายได้คนละ 70,000.- ต่อปี
? หลักเกณฑ์เดิม : ลูก 3 คนที่ยังไม่มีรายได้ สามารถขึ้นทะเบียนคนจนได้
? หลักเกณฑ์ใหม่ : เมื่อเฉลี่ยรายได้ต่อคนแล้ว พบว่าไม่เกิน 100,000.- ต่อปี จึงทำให้สมาชิกทั้ง 5 คนในครอบครัว สามารถขึ้นทะเบียนคนจนได้
จะเห็นได้ว่าหลักเกณฑ์ใหม่เน้นรายได้ของสมาชิกทั้งครอบครัวเป็นตัวตัดสินว่าจะถือบัตรคนจนได้มั้ย ไม่ได้สนใจรายได้ส่วนบุคคลอีกต่อไปแล้ว เพราะบางคนอาจจะไม่ได้จนจริง ตัวเองไม่มีรายได้ แต่คนในครอบครัวกลับมีรายได้เยอะมาช่วยดูแล ซึ่งไม่ตอบโจทย์เป้าหมายของโครงการที่ต้องการช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อยที่แท้ทรู
สิทธิประโยชน์สำหรับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (บัตรคนจน) ปี 63
หลังจากที่เราได้รู้กันแล้วว่าในช่วงต้นปี 63 นี้ จะเปลี่ยนแปลงหลักเกณฑ์การสมัครบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (บัตรคนจน) ใหม่ รวมถึงผู้ถือบัตรคนจนเดิมกว่า 14.5 ล้านคน ก็จะถูกตรวจสอบตามหลักเกณฑ์ใหม่ด้วย เพื่อให้ผู้มีรายได้น้อยที่แท้จริงได้รับเงินช่วยเหลือในด้านต่างๆ จากทางภาครัฐอย่างเต็มที่ แล้วผู้ถือบัตรคนจนจะได้รับสิทธิ์ โปรโมชั่น อะไรบ้าง? เช็คลิสต์กันหน่อย
วงเงินซื้อสินค้าอุปโภค-บริโภค คนละ 200-300 บาทต่อเดือน (จะได้รับเงินทุกวันที่ 1 ของเดือน)
ผู้มีรายได้ไม่ถึง 30,000 บาท (ต่อปี) จะได้รับเงิน 300 บาท
ผู้มีรายได้เกิน 30,000 บาทขึ้นไป (ต่อปี) จะได้รับเงิน 200 บาท
-วงเงินซื้อก๊าซหุงต้ม 45 บาท ต่อ 3 เดือน (จะได้รับเงินทุกวันที่ 1 ของเดือน ม.ค., เม.ย., ก.ค. และ ต.ค.)
-ค่าโดยสารรถเมล์-รถไฟฟ้า 500 บาท ต่อเดือน (จะได้รับเงินทุกวันที่ 1 ของเดือน)
แต่ละคนสามารถรับสิทธิ์โดยใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐจ่ายเงินได้เลย ระบบจะตัดเงินจากกระเป๋าเงินให้โดยอัตโนมัติ เช่น เดินทางด้วยรถไฟฟ้า BTS/MRT/ARL ก็ต้องติดต่อที่ห้องจำหน่ายตั๋วก่อน ส่วนขึ้นรถเมล์ ขสมก. เอาบัตรแตะจ่ายผ่านเครื่อง EDC กับพนักงานได้เลย
สังเกตง่ายๆ พนักงานจะห้อยเครื่องไว้กับตัว โชว์บัตรแตะจ่ายได้เลย
ค่าโดยสารรถ บขส. 500 บาท ต่อเดือน (จะได้รับเงินทุกวันที่ 1 ของเดือน)
-ค่าโดยสารรถไฟ 500 บาท ต่อเดือน (จะได้รับเงินทุกวันที่ 1 ของเดือน)
-ค่าน้ำประปา ไม่เกิน 100 บาท ต่อเดือนต่อครัวเรือน (จนถึงเดือน ก.ย. 63)
จะต้องลงทะเบียนรับสิทธิ์เพื่อรับเงินชดเชยค่าน้ำประปาผ่านทางเว็บไซต์ของหน่วยงานที่เราใช้บริการก่อน จึงจะมีสิทธิ์รับเงินคืนด้วยนะ
การประปานครหลวง : กดลงทะเบียนที่ https://eservicesapp.mwa.co.th/welfareregist/
การประปาส่วนภูมิภาค : กดลงทะเบียนที่ https://payment.pwa.co.th/welfare-register/
-ค่าไฟฟ้า ไม่เกิน 230 บาท ต่อเดือนต่อครัวเรือน (จนถึงเดือน ก.ย. 63)
จะต้องลงทะเบียนรับสิทธิ์เพื่อรับเงินชดเชยค่าไฟฟ้า ผ่านทางเว็บไซต์ของหน่วยงานที่เราใช้บริการก่อน จึงจะมีสิทธิ์รับเงินคืนด้วยนะ
การไฟฟ้านครหลวง : กดลงทะเบียนที่ https://meagate1.mea.or.th/welfareregis
การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค : กดลงทะเบียนที่ https://eservice.pea.co.th/welfareregister
PEA
หน้าตาของเว็บไซต์การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค สำหรับลงทะเบียนรับสิทธิ์
โปร เงินคืนภาษี VAT 5% สูงสุด 500 บาท/เดือน (จนถึงเดือน ก.ย. 63)
จะต้องเป็นยอดใช้จ่ายผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (บัตรคนจน) เท่านั้น ก็คือเหมือนกับเอาบัตรเดบิต/บัตรเครดิตไปรูดซื้อสินค้าตามร้านค้าต่างๆ นั่นเอง
สินค้าที่ซื้อจะต้องเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม (Vat) ด้วย ถ้าหากเป็นสินค้าที่ไม่ได้จดเสียภาษีมูลค่าเพิ่ม เช่น ผัก ผลไม้ เนื้อสัตว์ ข้าวสาร จะไม่ได้รับเงินคืนนะ ซึ่งระบบสามารถเช็กได้จากร้านค้าที่เราไปซื้อ
ทางภาครัฐฯ จะโอนเงินคืนเข้ากระเป๋าเงินอิเล็กทรอนิกส์ (E-Money) ภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป โดยสามารถนำบัตรคนจนไปถอนเงินสดที่ตู้ ATM ออกมาใช้ หรือรูดซื้อของตามร้านธงฟ้าฯ และร้านค้าอื่นๆ ที่ร่วมโครงการได้
สรุปง่ายๆ ก็คือผู้ถือบัตรคนจนสามารถใช้จ่ายได้สูงสุด 10,000.- ได้คืนภาษี 5% เท่ากับ 500.- ในแต่ละเดือนนั่นเอง
ปันโปรสรุปให้
-เตรียมเปิดให้ลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (บัตรคนจน) สำหรับผู้สมัครใหม่ในช่วงต้นเดือน ก.พ. 63 โดยเปลี่ยนหลักเกณฑ์ให จะดูจากรายได้ของสมาชิกครอบครัว ไม่ได้ดูจากรายได้ส่วนบุคคลเหมือนสมัยก่อนแล้ววว
-ใครที่ถือบัตรคนจนกลุ่มเดิม จำนวน 14.5 ล้านคนก็จะโดนด้วย เพราะเค้าจะเช็กย้อนหลังด้วยว่ามีรายได้น้อยจริงมั้ย ยังมีสถานะเป็นผู้มีรายได้น้อยเพื่อรับสวัสดิการต่างๆ ของภาครัฐอยู่รึป่าว
-สิทธิประโยชน์ของผู้ถือบัตรคนจน ก็จะยังได้รับเหมือนเดิม ไม่มีการเปลี่ยนแปลงจากปีก่อนหน้า ทั้งค่าเดินทาง ค่าน้ำ ค่าไฟ, ซื้อก๊าซหุงต้ม
ขอขอบคุณข้อมูลจากไทยรัฐ ออนไลน์