อย่ารีบจ่าย! ถ้ายังไม่ได้ เปรียบเทียบประกันรถยนต์ ดีพอ

  • มอไซค์ คาเฟ่
  • mahamongkol
  • 0
  • 11 ธ.ค. 2562 11:52
  • 14.207.172.***

อย่ารีบจ่าย! ถ้ายังไม่ได้ เปรียบเทียบประกันรถยนต์ ดีพอ

            เมื่อกล่าวถึงการทำประกันรถยนต์ เชื่อว่าคงเป็นหนึ่งในเรื่องทำให้คิดมากเรื่องหนึ่งของผู้มีรถยนต์ส่วนบุคคล ไม่ว่าจะเป็นจะทำประกันชั้นแบบชั้นไหนดี จำเป็นต้องเป็นประกันชั้น1 เสมอไปหรือไม่ จึงจะได้รับการคุ้มครองที่ดี เบี้ยประกันสูงสามารถลดได้หรือไม่ รวมถึงบริษัทผู้รับประกันไหนที่ดูแลลูกค้าผู้เอาประกันได้ดีที่สุด เป็นต้น ซึ่งน่าจะเป็นปัญหาที่ชวนคิดแก่ผู้ที่จะทำประกันทุกคน

            ตามที่กล่าวข้างต้นในการทำประกันรถยนต์ในปัจจุบันนั้น มีผู้ให้บริการรับประกันอยู่หลากหลายบริษัท รวมถึงมีประกันหลายรูปแบบ ดังนั้น เพื่อความเข้าใจขอ เปรียบเทียบประกันรถยนต์ แต่ละประเภท ดังนี้

            ประกันชั้น 1 ถือว่าเป็นการประกันที่ครอบคลุมมากที่สุด โดยดูแลความเสียหายแทบทุกสาเหตุ แม้ไม่มีคู่กรณี กล่าวคือแม้ความเสียหายนั้นไม่มีผู้ใดรับผิด หรือเป็นความประมาทโดยแท้ของผู้เอาประกันก็ตาม เช่น ขับรถเฉี่ยวชนฟุตบาท ก็สามารถทำเรื่องเพื่อเคลมประกันได้ อย่างไรก็ตาม ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขของแต่ละบริษัทผู้รับประกันด้วย

            ประกันชั้น 2+ หรือแท้จริงแล้วคือ กรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ประเภท 5 ให้ความคุ้มครองใกล้เคียงประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 แต่ให้ความคุ้มครองมากกว่าประกันชั้น 2 คือ เพิ่มความคุ้มครองรถยนต์คันที่เอาประกันด้วย แต่ต้องรู้คู่กรณีและต้องเป็นยานพาหนะทางบกเท่านั้น

            ประกันชั้น 2 เป็นประกันที่คุ้มครองรองลงมาจากประกันชั้น 1 ลักษณะโดยทั่วไปเหมือนประกัน 2+ แต่ต่างกันที่วงเงินคุ้มครองที่ต่ำกว่า เนื่องจากค่าเบี้ยต่ำกว่า และไม่คุ้มครองต่อรถผู้เอาประกัน ยกเว้นบางกรณี เช่น การสูญหายและไฟไหม้

            ประกันชั้น 3+ เป็น กรมธรรม์ประกันภัยรถยนต์ประเภท 5 เช่นกัน (เหมือน ประกันชั้น 2+) ความคุ้มครองคล้าย 2+ แต่ต่างกันที่วงเงิน และยกเว้นไม่คุ้มครองการสูญหายและไฟไหม้ตัวรถคันที่เอาประกันภัย

            ประกันชั้น 3 ถือเป็นหนึ่งในประกันภาคสมัครใจเช่นเดียวกัน โดยมีความคุ้มครองในระดับมาตรฐาน คือ ชีวิต ร่างกาย หรืออนามัย ทั้งบุคคลภายนอกและผู้โดยสารในรถคันที่เอาประกันภัย และคุ้มครองทรัพย์สินของบุคคลภายนอก แต่ไม่คุ้มครองรถยนต์คันที่เอาประกัน ดังนั้นหากมีค่าใช้จ่ายส่วนเกินจากนี้ ก็เป็นหน้าที่ของผู้เอาประกันเอง

            ตามที่กล่าวมาเป็นลักษณะการเปรียบเทียบเบื้องต้นในลักษณะของประกันแต่ละประเภท ซึ่งบุคคลที่รู้ดีสุดว่าตนเองเหมาะสำหรับประกันประเภทไหน ก็คงมีเพียงผู้เอาประกันเท่านั้นที่รู้ เช่น หากเป็นผู้ที่ต้องเดินทางบ่อย และต้องการความคุ้มครองเต็มรูปแบบ ก็ย่อมเหมาะกับประชั้นที่ 1 ซึ่งคุ้มครองสูงสุด อย่างไรก็ตาม ค่าเบี้ยประกันต่อปี ก็ย่อมสูงตามไปด้วย ส่วนหากเป็นผู้ที่ไม่ค่อยได้ใช้รถยนต์ส่วนบุคคลของตนเองบ่อยนัก เพราะอาจใช้ขนส่งสาธารณะเป็นหลัก ก็ย่อมไม่มีความจำเป็นต้องเช็คเบี้ยประกันรถยนต์เสียก่อน การทำประกันชั้น 2 หรือชั้น 3 จึงย่อมน่าจะเหมาะสมกว่า นอกจากในเรื่องประเภทชั้นของประกันแล้ว สิ่งที่ไม่ควรมองข้ามอย่างยิ่งคือ บริษัทผู้รับประกัน เพราะหากเป็นบริษัทที่มีความน่าเชื่อถือดังเช่น DriveDee  ประกันภัยรถยนต์นั้น นอกจากจะได้รับการดูแลอย่างดีแล้ว ยังมอบสิทธิพิเศษแก่ผู้เอาประกันผู้มีวินัยในการขับรถที่ดี โดยสามารถลดเบี้ยประกันสูงสุดได้ถึง 50% ซึ่งช่วยให้ผู้เอาประกันจ่ายเบี้ยน้อยลง แต่ยังคุ้มครองเท่าเดิม