เรามาดูการประกันภาคบังคับ หรือ พรบ. รถยนต์กันก่อนว่ามีเงื่อนไขอย่างไร

  • มอไซค์ คาเฟ่
  • mahamongkol
  • 0
  • 23 มิ.ย. 2562 08:53
  • 49.230.6.***

การประกันรถยนต์ มีด้วยกันหลายประเภท ทั้งประกันภัยภาคบังคับ หรือ พรบรถยนต์และประกันภัยภาคสมัครใจ ซึ่งล้วนมีความสำคัญทั้งสิ้น และจะมีเบี้ยประกันที่ต่างกันไป ทั้งราคาถูกและแพงทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความคุ้มครอง และการเคลมนั้นเอง รวมทั้งการซ่อมซึ่งผู้เอาประกันจะเลือกว่าจะซ่อมอู่ หรือซ่อมศูนย์ แต่พรบ. รถยนต์จะไม่มีการซ่อมรถให้ทั้งของผู้เอาประกัน และคู่กรณี แต่จะชดใช้ค่าสินไหมให้เฉพาะเงินชดเชยการรักษาพยาบาล และต่อชีวิตเท่านั้น ซึ่งเงินชดเชยเหล่านี้จะเป็นไปตามความเป็นจริง ต่างจากการประกันรถยนต์ชั้น 1 ซึ่งจะชดใช้ให้ทั้งผู้เอาประกันและคู่กรณี ส่วนการประกันชั้น 2 คุ้มครองอะไรบ้างนั้นก็ขึ้นอยู่กับการทำสัญญา แต่ในความเป็นจริงแล้วการประกันชั้น 2 คุ้มครองอะไรบ้างนั้นก็ย่อต้องแตกต่างจากการประกันชั้น 1 อยู่แล้ว เนื่องจากการประกันชั้น 1 ราคาค่าเบี้ยจะสูงกว่า

แต่เรามาดูการประกันภาคบังคับ หรือ พรบ. รถยนต์กันก่อนว่ามีเงื่อนไขอย่างไร

พรบ.รถยนต์ สำหรับผู้ที่มีรถยนต์ ต้องรู้จัก พ.ร.บ.เป็นอย่างดี เพราะการทำ พรบ. ถือว่าเป็นการประกันภัยภาคบังคับ ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ พ.ศ. 2535 และแก้ไขเพิ่มเติม แต่เชื่อไหมว่าน้อยคนนักที่จะรู้ว่า พ.รบ.รถยนต์ คุ้มครองอะไรบ้าง

เมื่อพูดถึงการคุ้มครอง ผู้ทำประกันภัยจะนึกถึง ประกันรถยนต์ชั้น1 ชั้น 2 ชั้น 3 เป็นส่วนใหญ่ ซึ่งจริง ๆ แล้ว การทำประกันภัยตาม พ.ร.บ. รถยนต์ ก็สามารถคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถยนต์ได้เช่นกัน ซึ่งรถที่ต้องทำประกันภัยตาม พ.ร.บ. ได้แก่ รถทุกชนิด ทุกประเภทตามกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ กฎหมายว่าด้วยการขนส่งทางบก และกฎหมายว่าด้วยรถยนต์ทหาร

ผู้ที่ต้องต่อประกันภัย พ.ร.บ.รถยนต์ เป็นใครบ้าง สำหรับคนที่ต้องต่อ พ.ร.บ.รถยนต์  คือ เจ้าของรถ ผู้ครอบครองรถในฐานะผู้เช่าซื้อรถยนต์

ผู้ที่ได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ. มีใครบ้าง ผู้ที่ได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ. คือ ผู้ประสบภัยจากรถ ไม่ว่าจะเป็นผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร คนเดินเท้า ได้รับความเสียหายแก่ชีวิต ร่างกาย จากอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นจากรถที่ได้รับความคุ้มครองตาม พ.ร.บ. ซึ่งมีความคุ้มครองเบื้องต้น ดังนี้

ค่าเสียหายเบื้องต้นที่ผู้ประสบภัยจะได้รับความคุ้มครองจาก พ.ร.บ.รถยนต์ คือค่ารักษาพยาบาลกรณีบาดเจ็บและเป็นค่าปลงศพในกรณีเสียชีวิต โดยไม่ต้องรอพิสูจน์ความผิด ซึ่งบริษัทจะชดใช้ให้แก่ผู้ประสบภัย/ทายาท ภายใน 7 วัน นับแต่บริษัทได้รับคำร้องขอค่าเสียหาย ดังนี้

พรบ.รถยนต์ คุ้มครองอะไรบ้าง

1. กรณีบาดเจ็บ จะได้รับการชดใช้เป็นค่ารักษาพยาบาลที่จ่ายจริง ไม่เกิน 30,000 บาทต่อหนึ่งคน

2. กรณีทุพพลภาพ อย่างใดอย่างหนึ่ง บริษัทจะจ่ายค่าเสียหายเบื้องต้นไม่เกิน 35,000 บาทต่อหนึ่งคน

3. กรณีบาดเจ็บ ตามข้อ1 และต่อมาทุพพลภาพตามข้อ 2  บริษัทจะจ่ายรวมไม่เกิน 65,000 บาทต่อคน

4. กรณีเสียชีวิตจะได้รับค่าชดใช้เป็นค่าปลงศพ จำนวน 35,000บาทต่อหนึ่งคน

5. กรณีเสียชีวิตภายหลังการรักษาพยาบาล ตามข้อ 1 จะจ่ายรวมไม่เกิน 65,000 บาท

หากเกิดความเสียหารตั้งแต่ 2 คันขึ้นไป พรบ.รถยนต์ ที่ทำให้ผู้ซึ่งอยู่ในรถไม่ว่าจะเป็นผู้ขับขี่ ผู้โดยสาร ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต ให้บริษัทประกันภัยรถของแต่ละคันจ่ายค่าเสียหายเบื้องต้นให้แก่ผู้ประสบภัยซึ่งอยู่ในรถคันที่บริษัทประกันภัยไว้ แต่ถ้าผู้ประสบภัยเป็นบุคคลภายนอกไม่ได้อยู่ในรถ ให้บริษัทร่วมกันจ่ายค่าเสียหายเบื้องต้นแก่ผู้ประสบภัยโดยเฉลี่ยจ่ายในอัตราเท่ากัน