ประกัน รถยนต์ แต่ละประเภทต่างกันยังไง

โดยพื้นฐานประกันของ บริษัทประกันรถยนต์ แต่ละบริษัทจะแบ่งประเภทของประกันออกเป็น 3 ขั้น ซึ่งจะเสียเงินจำนวนมากในการซื้อ ประกัน รถยนต์ ไปทำไมหากยังไม่แน่ใจว่าประกันที่ซื้อนั้นช่วยเหลือคุณในด้านใดบ้าง?  แต่ประกันแต่ละประเภทก็ให้การคุ้มครองที่แตกต่างกันไป ดังนี้

• ประกันชั้น 1 เหมาะกับผู้ที่เพิ่งจะซื้อรถมาใหม่ๆ หรือรถมีอายุไม่เกิน 10 ปี ซึ่งให้การคุ้มครองเจ้าของรถได้ครอบคลุมที่สุด เพราะประกันชั้น 1 ไม่เพียงแต่คุ้มครองค่าใช้จ่ายจากการสูญเสียทรัพย์สินและค่ารักษาพยาบาลเท่านั้นยังมีอีก 4 กรณีด้วยกัน คือ

1. รถได้รับความเสียหายจากภัยธรรมชาติ เช่น รถถูกน้ำท่วมหรือลมพายุ เป็นต้น
2. อุบัติเหตุที่เกิดจากการชน
3. อุบัติเหตุที่ทำให้เกิดไฟไหม้ตัวรถ
4. อุบัติเหตุต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นกับตัวรถยนต์ เช่น การถอยรถชนเสา, ขับรถชนฟุตบาท, ขับรถตกหลุม เป็นต้น

โดยประกันชั้น 1 ดูแลค่าเสียหายในส่วนนี้ให้ด้วย และค่าเสียหาย (ทุนประกันภัย) ที่ทางบริษัทประกันภัยรถยนต์จะดูแลนั้น โดยจะขึ้นอยู่กับราคารถ ณ วันที่เริ่มทำประกัน

• ประกัน รถยนต์ 2 เป็นประกันชั้นรองลงมาที่ให้การคุ้มครองต่างจากประกันชั้น 1 ในส่วนการคุ้มครองค่าใช้จ่ายในการสูญเสียทรัพย์สินของคู่กรณีเมื่อเกิดอุบัติเหตุ นอกจากนี้ประกันชั้น 2 นั้นจะไม่ครอบคลุมอุบัติเหตุจากภัยธรรมชาติ เหมาะกับรถที่มีอายุไม่เกิน 15 ปี ให้การคุ้มครอง ซึ่งหากเกิดอุบัติเหตุที่มีคู่กรณี ประกัน รถยนต์ 2 จะจ่ายค่าเสียหายให้กับคู่กรณีเช่นเดียวกับประกันชั้น 1 เพียงแต่วงที่เงินน้อยกว่า ดังนั้นจึงควรทำประกันชั้น 2 ควบคู่กับ พร บ รถยนต์ เพราะ พ.ร.บ.จะช่วยในส่วนค่ารักษาพยาบาลได้เพิ่มขึ้น โดยค่าทุนประกันภัยที่จะได้รับนั้นก็ขึ้นอยู่กับราคาของรถในวันที่ทำประกัน
• ประกันชั้น 3 นี้จะจ่ายค่าเสียหายด้านการรักษาพยาบาลและค่าทรัพย์สินเสียหายให้กับคู่กรณีเท่านั้น โดยประกันชั้นนี้จะเหมาะกับรถเก่าที่มีอายุไม่เกิน 30 ปี ไม่ว่าจะเป็นรถมือหนึ่งหรือมือสองก็ได้

ทั้งนี้หากเกิดกรณีที่ผู้เอาประกันเกิดอุบัติเหตุร้ายแรงในระหว่างการขับรถขึ้น ไม่ว่าจะทำประกัน รถยนต์ ชั้นไหนก็ตาม บริษัทประกันจะออกค่ารักษาพยาบาล, ค่าประกันตัวและค่าชดเชยให้กับผู้เอาประกันตามวงเงินที่ทาง บริษัทประกันรถยนต์ แต่ละแห่งกำหนดไว้

ประเภทประกันที่แตกต่าง กับ DirectAsia

          DirectAsia ไม่ได้มีแค่ประกันขั้นพื้นฐานเท่านั้น แต่มีประกันอีก 2 ขั้นเพิ่มขึ้นมาเพื่อเป็นทางเลือกให้กับผู้ถือประกัน คือ

• ประกันชั้น 2+ ที่สามารถรองรับความต้องการได้จนอายุรถถึง 15 ปี มีความคล้ายกับประกันชั้น 1 แต่ต่างกันตรงที่ประกันชั้น 2+ นั้นไม่ครอบคลุมอุบัติเหตุอื่น ๆ ที่เกิดกับรถยนต์เท่านั้นเอง
• ประกันชั้น 3+ สามารถรับรองความต้องการได้จนอายุรถถึง 15 ปีเช่นเดียวกัน แต่คุ้มครองเฉพาะกับอุบัติเหตุที่เกิดจากการชนกับยานพาหนะทางบกที่มีทะเบียนเท่านั้น

ซึ่งสิ่งที่พิเศษจากประกันรถยนต์ทั้ง 2 แบบที่เพิ่มขึ้นมานั้น ก็คือหากต้องใช้บริการยกรถทางบริษัทมีบริการเสริมด้านนี้ที่พร้อมให้บริการ 24 ชั่วโมงและยังสามารถเช็ค ประกัน รถยนต์ได้ด้วยตนเองอีกด้วย โดยคิดค่าใช้จ่ายไม่เกิน 20% ของค่าซ่อมรถด้วย ซึ่งทางบริษัทยังคงออกค่าชดเชยกรณีเสียชีวิตหรือพิการ, ค่ารักษาพยาบาลและค่าประกันตัวเช่นกัน

สุดท้ายหากใครมีพฤติกรรมในการขับรถถูกกฎระเบียบและมีความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุน้อยอยู่แล้ว และอยากได้การคุ้มครองที่ครอบคลุมคล้ายกับประกันชั้น 1 ซึ่งเปรียบเทียบประกันรถยนต์กันแล้วแต่อยากจ่ายเบี้ยประกันในราคาที่ถูกกว่า การเลือกซื้อประกันรถชั้น 3+ ก็เป็นทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจไม่น้อย และสิ่งสำคัญอีกสิ่งหนึ่งก็คือ การทำประกันทุกประเภทจำเป็นที่จะต้องทำ พร บ รถยนต์ ตามกฎหมายควบคู่กันไปด้วย