คำนวณภาษีก่อนต่อภาษีรถยนต์ออนไลน์ อย่างไรให้ถูกต้อง

  • จิปาถะ อื่นๆ
  • mahamongkol
  • 0
  • 11 มิ.ย. 2562 11:34
  • 58.82.140.***

          คนที่เป็นเจ้าของรถยนต์ทุกคนคงจะรู้ดีอยู่แล้วว่าการจ่ายภาษีรถยนต์คือหน้าที่สำคัญของเจ้าของรถยนต์ทุกคน นั่นก็เพราะว่าภาครัฐจะต้องนำเงินจากการจ่ายภาษีนี้ไปใช้ในการพัฒนาถนนหนทางและสิ่งอำนวยความสะดวกอื่น ๆ บนท้องถนนที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นไฟจราจรป้ายบอกทาง เสาไฟและแสงสว่างบนท้องถนน รวมถึงอุปกรณ์อื่น ๆ ตามความจำเป็น และถ้าหากเกิดกรณีที่ถนนหนทางและสิ่งอำนวยความสะดวกเหล่านี้ชำรุดเสียหาย หรือเสื่อมสภาพไปตามลักษณะการใช้งาน เงินจากการเสียภาษีก็จะถูกนำไปใช้ในการบำรุงรักษาเช่นกัน ซึ่งในปัจจุบันทางกรมการขนส่งได้พัฒนารูปแบบการให้บริการรูปแบบใหม่แก่เจ้าของรถนั่นก็คือการต่อภาษีรถยนต์ออนไลน์ที่มีความสะดวกและรวดเร็วขึ้นผ่านระบบอินเทอร์เน็ต เจ้าของรถสามารถดำเนินการต่อภาษีได้ตลอดเวลาที่ต้องการ โดยไม่ต้องเดินทางไปถึงกรมขนส่งและต่อคิวให้เสียเวลา อย่างไรก็ตามก่อนใช้บริการต่อภาษีรถยนต์แบบออนไลน์นั้น เจ้าของรถควรพิจารณาคำนวณ ค่าภาษีรถยนต์ให้ดีเสียก่อนตามรายละเอียดต่อไปนี้

  1. ขนาดและกำลังของรถยนต์ เป็นสิ่งที่ส่งผลต่ออัตราภาษีที่ต้องชำระ หากพิจารณาจากกำลังของเครื่องยนต์อาจระบุได้ว่า อัตราภาษีของรถยนต์ตามขนาดของรถนั้นมีวิธีการคำนวณ ดังนี้ รถที่มีขนาดกำลัง1 - 600cc  อัตราการคำนวณภาษีจะเป็นcc ละ 0.50 บาท แต่ถ้าหากกำลังรถยนต์เพิ่มขึ้นเป็น 601-1800cc การคำนวณภาษีจะคิดเป็น cc ละ 1.50บาท แต่หากกำลังของรถมีขนาดกำลัง 1801 cc ขึ้นไป จะคำนวณภาษีต่อ cc เป็น cc ละ 4 บาท รวมทั้งประเภทรถยนต์4 ที่นั่งทั้งรถเก๋งและรถกระบะ จะคำนวณในอัตราภาษีนี้ หรืออาจกล่าวได้ว่าหากรถมีขนาดกำลัง 3000 cc อัตราภาษีจะคิดเป็น 3 ส่วน โดยแบ่งออกเป็น ช่วง 600 cc แรกคิดอัตราภาษีเป็น 600 x 0.50 = 300 บาท ต่อมาระหว่างส่วนที่เป็น 600 – 1800 cc จะคิดเป็นอัตราภาษี 1200 x 1.50 = 1800 บาท และส่วนสุดท้ายคือ 1800 – 3000 cc นั้นจะคิดเป็น 1200 x 4 = 3600 บาท ดังนั้นอัตราภาษีของรถยนต์ขนาด 3000 cc จะเท่ากับ 300 + 1800 + 3600 = 5700 บาท อย่างไรก็ดีเจ้าของรถควรทำการตรวจสอบอัตราภาษีด้วยตนเองคร่าว ๆ ก่อนเพื่อความถูกต้อง แม้ว่าการ ต่อภาษีรถยนต์ออนไลน์จะมีการคำนวณอัตราภาษีให้แล้วก็ตาม
  2. ประเภทของรถยนต์ คืออีกหนึ่งปัจจัยที่ส่งผลต่ออัตรา ภาษีรถเก๋งนอกเหนือไปจากขนาดและกำลังของเครื่องยนต์ โดยการคำนวณภาษีจะแบ่งรถออกเป็น 4 ประเภท ได้แก่ ภาษีรถกระบะ2 ประตู, รถเก๋ง หรือรถกระบะขนาด 4 ประตู, รถตู้ และรถบรรทุก ซึ่งในการทำธุรกรรมภาษีรถยนต์แบบออนไลน์นั้นยังไม่รองรับสำหรับการเสียภาษีรถบรรทุก จะรองรับแค่รถยนต์ รถกระบะ และรถตู้เท่านั้น ดังนั้นเจ้าของรถจึงควรจัดเตรียมข้อมูลต่าง ๆ ของรถยนต์ให้พร้อมเพื่อให้สะดวกต่อการคำนวณอัตราภาษีที่ถูกต้อง
  3. อายุการใช้งานของรถยนต์ นอกจากจะพิจารณาจากกำลังของเครื่องยนต์ และประเภทของรถยนต์แล้ว การคิดอัตราภาษีรถยนต์4ประตูยังต้องพิจารณาจากอายุการใช้งานด้วย โดยรถที่มีอายุการใช้งานตั้งแต่ 6 ปีขึ้นไปจะมีส่วนลดในการคำนวณอัตราภาษีรถยนต์ ตามรายละเอียดดังนี้
  • รถยนต์ที่ใช้งานนานกว่า 6ปี จะได้รับส่วนลดอัตราภาษี 10%
  • รถยนต์ที่ใช้งานนานกว่า 7ปี จะได้รับส่วนลดอัตราภาษี 20%
  • รถยนต์ที่ใช้งานนานกว่า 8ปี จะได้รับส่วนลดอัตราภาษี 30%
  • รถยนต์ที่ใช้งานนานกว่า 9ปี จะได้รับส่วนลดอัตราภาษี 40%
  • รถยนต์ที่ใช้งานนานกว่า 10 ปี จะได้รับส่วนลดอัตราภาษี 50%                                                                                ยิ่งรถยนต์มีอายุหรือผ่านการใช้งานมาเป็นระยะเวลานาน ๆ ก็จะยิ่งได้รับอัตราส่วนลดในการเสียภาษีเพิ่มมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตามหากรถมีอายุการใช้งานมากกว่า 7 ปี เจ้าของรถจะดำเนินการต่อภาษีรถยนต์ออนไลน์ได้ก็ต่อเมื่อนำรถไปตรวจสภาพให้เรียบร้อยก่อนเท่านั้น เพราะจะต้องใช้เอกสารการตรวจสอบสภาพในการดำเนินการเพิ่มเติมนอกเหนือจากเอกสาร พรบ.รถยนต์ และเอกสารเลขทะเบียน 

          การที่เจ้าของรถมีการคำนวณอัตราค่าภาษีรถยนต์ด้วยตัวเองให้เรียบร้อยก่อนดำเนินการยื่นภาษีรถยนต์ผ่านระบบออนไลน์ จะช่วยให้ทราบได้ว่าอัตราภาษีที่ทางระบบคำนวณให้นั้นมีความถูกต้องหรือไม่ ก่อนจะเข้าสู่ขั้นตอนการจ่ายเงินซึ่งก็จะเป็นการปลอดภัยกับตัวเจ้าของรถเอง หากพบว่าอัตราของการต่อภาษีรถยนต์ออนไลน์ไม่ตรงกับที่คิดคำนวณเอาไว้ก็สามารถเข้าไปติดต่อสอบถามได้ตามช่องทางที่ระบุไว้ในเว็บไซต์ของกรมการขนส่งแต่สามารถทำได้ในเวลาราชการเท่านั้นเพียงเท่านี้การยื่นภาษีรถยนต์แบบออนไลน์ก็จะเป็นเรื่องที่ง่ายและสะดวกมากยิ่งขึ้นกว่าเดิมแล้ว