เราดูกันดีกว่าว่าที่เขาพูดว่า ?เคลมประกันภัยแบบแห้ง? นั้นมันเป็นอย่างไรกัน

  • จิปาถะ อื่นๆ
  • mahamongkol
  • 1
  • 26 เม.ย. 2562 10:34
  • 118.174.167.***

ในเรื่องของการมีรถยนต์ไว้ใช้งานสักคันนั้น แน่นอนว่าเราจำเป็นที่จะต้องพิจารณาในเรื่องต่างๆ อย่างรอบคอบ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของงบประมาณในการซื้อ ค่าใช้จ่ายต่างๆ ในการบำรุงดูแลรักษา รวมไปถึงเรื่องของการทำประกันภัยรถยนต์ ซึ่งหลายคนนั้นอาจจะเลือกไว้แล้วว่าเราควรที่จะทำ ประกันภัยรถยนต์ที่ไหนดี แต่ในบางคนนั้นก็อาจจะยังดูรีวิวต่างๆ อยู่ว่า บริษัทประกันภัยรถยนต์ที่ดีที่สุด นั้นคือบริษัทอะไรจะได้เลือกทำ ซึ่งจริงๆ แล้วในเรื่องของการดูว่า ประกันรถยนต์ของอะไรดี นั้นมันก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยต่างๆ

ซึ่งมันไม่เหมือนกันหรอกในแต่ละคน อย่างเช่น ในบางคนนั้นอาจจะซื้อรถยนต์ใหม่ป้ายแดงก็จริง แต่ทว่าเขานั้นก็เป็นผู้มีประสบการณ์ในการขี่รถยนต์มาพอสมควรแล้ว อีกทั้งงบประมาณในเรื่องของการจ่ายค่าเบี้ยประกันนั้นก็มีจำกัด ซึ่งเมื่อเป็นเช่นนี้แล้วนั้นเขาก็อาจจะไม่เลือกทำประกันภัยรถยนต์ชั้น 1 ก็ได้ แต่อาจจะไปเลือกไปทำประกันภัยรถยนต์ชั้น 2+ แทน เป็นต้น และแน่นอนว่าการทำประกันภัยรถยนต์นั้นก็ใช่ว่าเราต้องการที่จะให้รถยนต์ของเราไปเกิดอุบัติเหตุขึ้นเสียเมื่อไหร่กัน

ต่ที่เราทำประกันภัยรถยนต์กันนั้นก็เพื่อเเป็นการกระจายความเสี่ยงหลังจากที่มันเกิดเหตุที่ไม่คาดคิดขึ้นต่างหาก ฉะนั้นแล้วใครหลายคนที่กำลังจะนำรถยนต์เข้าเคลมประกันภัยหลังจากที่เกิดอุบัติเหตุขึ้นนั้ะกำลังสงสัยว่าการเคลมนั้นมันมีกี่ประเภทอย่างแน่นอน ซึ่งโดยทั่วไปนั้นการเคลมมีอยู่ 2 ประเภทด้วยกัน คือ การเคลมสดและการเคลมแห้ง แต่ทว่าในวันนี้นั้นเราจะพาไปทำความรู้จักกับการเคลมประกันภัยแบบแห้งกัน สำหรับการเคลมประกันแห้ง นั้นก็คือ การเคลมแบบไม่มีคู่กรณี อย่างเช่น การชนฟุตบาท เฉี่ยวชนกำแพง ต้นไม้ หรือเสาไฟฟ้า เป็นต้น

ซึ่งการเคลมแบบนี้เราจะต้องทำการจดวันเวลา สถานที่เกิดเหตุ และสาเหตุการชนว่าชนกับอะไรไว้ด้วยเพื่อรวบรวมไว้แจ้งเคลม  ซึ่งหลักฐานที่ต้องใช้แจ้งเคลมก็จะมีข้อมูลที่เราเก็บบันทึกเอาไว้ ใบขับขี่ บัตรประชาชน และหน้าตารางกรมธรรม์ หลังจากนั้นก็ให้เรานำรถยนต์ไปติดต่อซ่อมกับศูนย์หรืออู่ในเครือของบริษัทประกัน โดยทางศูนย์หรืออู่จะทำการประเมินและเสนอค่าใช้จ่ายในการซ่อมตามกรมธรรม์กับทางบริษัทประกันของเรา คราวนี้เรามาดูขั้นตอนในการเคลมแห้งกันบ้างดีกว่า

  1. โทรศัพท์แจ้ง Call Center กับบริษัทประกันภัยก่อนที่จะนำรถยนต์เข้าซ่อม
  2. ให้เราแจ้งวัน เวลา สถานที่เกิดเหตุ และสาเหตุการชนว่าชนกับอะไร ซึ่งไม่ควรทิ้งระยะเวลานานเกินไป
  3. หลังจากได้รับเลขที่ในการเคลมแล้ว ก็ให้นำรถยนต์เข้าซ่อมที่ศูนย์หรืออู่ในเครือของบริษัทประกันได้เลย

และไม่ว่าเราจะแจ้งเคลมประกันภัยแบบใดก็ตามนั้น สิ่งสำคัญที่สุดเลยก็คือ การเคลมประกันภัยนั้นจะต้องเป็นไปตามเงื่อนไขที่ได้ตกลงกันไว้ในสัญญากรมธรรม์ ฉะนั้นแล้วการเลือกทำประกันภัยในความคุ้มครองใดๆ นั้นเราต้องนำรายละเอียดต่างๆ มาพิจารณาให้รอบคอบเสียก่อน ไม่ใช่ดูแค่ว่าใครบอกว่า ประกันภัยรถยนต์ที่ไหนดี ก็ทำเลย