แน่นอนสำหรับผู้ที่มีรถยนต์นั้นจะต้องมีการทำประกันภัยไว้อย่างแน่นอน โดนเฉพาะผู้ที่เพิ่งเป็นมือใหม่หัดขับ หรือผู้ที่เพิ่งซื้อรถยนต์ใหม่ป้ายแดง ทั้งนี้ก็เพราะว่าเราไม่สามารถคาดการณ์ได้เลยว่าในอนาคตข้างหน้านั้นจะเกิดอะไรขึ้นกับรถยนต์ของเราหรือไม่ ฉะนั้นแล้วการทำประกันภัยรถยนต์ไว้ก็เหมือนเป็นการกระจายความเสี่ยงในความเสียหายต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในอนาคตนั่นเอง ซึ่งการเลือกทำประกันภัยนั้นหลายๆ คนอาจจะหาข้อมูลก่อนเลยว่า ทำประกันรถยนต์ที่ไหนดี

ซึ่งจริงๆ แล้วนั้นการทำประกันรถยนต์ควรที่จะดูจากความคุ้มครองที่เราต้องการร่วมไปถึงเรื่องของเบี้ยประกันภัยก่อน แล้วค่อยนำรายละเอียดของบริษัทต่างๆ เหล่านั้นมาพิจารณาว่า ประกันภัยรถยนต์ที่ไหนดี แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ว่าเราเห็นว่าการ ซื้อประกันรถยนต์ที่ไหนดี นั้นก็เป็นเรื่องของแต่ละบุคคลไป เพราะไม่ว่าอย่างไรก็ตามนั้นการเคลมประกันภัยก็จะคล้ายๆ กัน ซึ่งในปัจจุบันนั้นมีการแบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ คือ เคลมประกันสดกับเคลมประกันแห้ง ฉะนั้นในวันนี้เราจะพาไปทำความรู้จักกับการเคลมประกันสดกัน

สำหรับการเคลมประกันสดนั้นก็คือ การเคลมในรูปแบบที่มีคู่กรณี อย่างเช่น รถยนต์ชนกับรถยนต์หรือรถมอเตอร์ไซต์ ซึ่งโดยส่วนมากนั้นก็จะมีการแจ้งเหตุกับทางบริษัทประกันภัยในทันทีที่เกิดอุบัติเหตุขึ้น และทางบริษัทประกันภัยนั้นก็จะส่งเจ้าหน้าที่มาที่เกิดเหตุ ทั้งนี้ก็เพื่อทำหลักฐานต่างๆ ในที่เกิดเหตุนั่นเอง อย่างเช่น ถ่ายรูป ออกใบเคลมให้กับผู้เอาประกันภัยเพื่อใช้ในการเอารถยนต์เข้าซ่อม หรือถ้าหากว่ามีผู้บาดเจ็บนั้นก็จะต้องมีการไปแจ้งความที่สถานีตำรวจ โดยใช้หลักฐานเป็นใบขับขี่และหน้ากรมธรรม์ประกันภัยที่เราได้ทำไว้

ซึ่งส่วนใหญ่นั้นการเคลประกันสดจะได้รับการตรวจสอบในขั้นตอนต่างๆ ได้รวดเร็ว ทั้้งนี้ก็เพราะเป็นการแจ้งเหตุทันทีนั่นเองและประกันภัยที่สามารถเคลมประกันสดได้นั้นก็จะเป็นในกรณีที่เราซื้อประกันภัยที่คุ้มครองตัวรถยนต์ของเราไว้นั่นเอง โดยเราสามารถนำรถยนต์เข้าอู่ซ่อมได้เลย อย่างเช่น ประกันภัยรถยนต์ชั้น 1, 2+ หรือ 3+ แต่ถ้าหากเป็นประเภทที่ไม่คุ้มครอง เช่น ประกันภัยรถยนต์ชั้น 2 หรือ 3 ซึ่งไม่คุ้มครองตัวรถยนต์ของเรานั้น เราก็จะต้องรับผิดชอบค่าซ่อมตัวรถเอง คราวนี้เราไปดูขั้นตอนการเคลมสดกันบ้สงดีกว่า

1. เมื่อเกิดเหตุให้รีบโทรศัพท์แจ้งกับบริษัทที่ทำประกันไว้ให้มาตรวจสอบทันที โดยมากแล้วเจ้าหน้าที่จะมาที่เกิดเหตุภายใน 30 นาที
2. แจ้งทะเบียนรถยนต์หรือเลขที่กรมธรรม์ให้กับทางเจ้าหน้าที่ทราบ รวมถึงบอกลักษณะการเกิดเหตุและสถานที่เกิดเหตุให้ชัดเจนเพื่อความรวดเร็วในการตรวจสอบ
3. หลังเจ้าหน้าที่ตรวจสอบเสร็จแล้ว บริษัทประกันภัยจะแจ้งชื่อพนักงานที่จะเข้าไปทำการตรวจสอบยังที่เกิดเหตุพร้อมกับเบอร์โทรศัพท์และหมายเลขเพื่อทำการเคลม เมื่อเคลมเสร็จแล้ว ก็จได้รับใบแจ้งเคลมที่ระบุความเสียหายของรถไว้
4. นำรถเข้าซ่อมในเครือของบริษัทประกันภัยที่ได้แจ้งเอาไว้ โดยศูนย์หรืออู่จะทำการตีประเมินราคาค่าซ่อมเพื่อตกลงราคาและวางบิลกับบริษัทประกันภัย