นความคิดของผมในแง่ของการตลาด สำหรับรถจักรยานยนต์ ไม่น่าจะกระทบครับ เพราะรถจักรยานยนต์มีอายุการใช้งานสั้น หากไม่รักจริง ฝืนซ่อมต่อไปราคาซ่อมจะสูงกว่าราคารถแน่นอน เป็นสิ่งที่ทางบริษัทได้วางแผนเอาไว้แล้ว ว่าสินค้าควรจะพังเมื่อใด หากยังดันทุรังซ่อมต่อไป ชิ้นส่วนอะไหล่ก็จะราคาสูงขึ้นไปเรื่อยๆ เนื่องจากบริษัทต้องสูญเสียพื้นที่ และงปประมาณในการจัดเก็บอะไหล่ ส่วนเรื่องบิ้กไบค์ที่ควรจะลดราคาลงมาหรือไม่นั้น ถ้าผมเป็นค่ายรถ ขอตอบได้เลยว่าผมจะไม่ยอมลดราคาแน่นอน เพราะอะไรหรือครับ เพราะมีกลุ่มลูกค้าหลากหลายกลุ่มมากๆครับ ซึ่งมีกำลังซื้อแตกต่างกัน มีเงินพอสมควรก็เล่นบิ้กไบค์ มีเงินน้อยก็เล่นรุ่นเล็กๆรถตลาดทั่วๆไป หากจะทำการลดราคาบิ้กไบค์เพื่อเพิ่มลูกค้า ในบางครั้งอาจไม่ดีเสมอไป ใช่ครับผมยอมรับว่า เป็นเรื่องจริงที่ลดราคาก็จะมีคนซื้อเพิ่มขึ้น(แต่เพิ่มเท่าไหร่ล่ะ) แต่ก็จะทำให้ต้นทุนในการผลิตเพิ่มขึ้นเช่นกัน หากมีการผลิตในจำนวนที่ไม่มากพอ การที่รถจะขายได้ในราคาที่ถูกลง จะต้องผลิตปริมาณที่สูงมากๆเพื่อประหยัดต่อหน่วย แต่รถบิ้กไบค์เป็นกลุ่มรถเฉพาะ ส่วนใหญ๋มักจะเห็นขี่กันเป็นงานอดิเรกไม่ค่อยนำมาใช้จริงจัง ลดราคาจะต้องเอาส่วนที่ลดราคาไปมาเพิ่มยอดขายซื่งก็ยังไม่รู้ว่าลูกค้ากลุ่มใหม่มีเยอะขนาดไหน แต่หากเป็นลูกค้ากลุ่มเดิมที่มีเงิน รับรองได้ว่าการซื้อเกิดขึ้นจากความพอใจ (กระเป๋าหนัก) เคยไหมล่ะครับที่เวลาซื้อของถูก แล้วรู้สึกว่าเค้าเอาของห่วยๆมาให้เราหรือเปล่า แต่หากของราคาสูงเราจะรู้สึกถึงความภูมิใจที่ได้ใช้สินค้าชิ้นนั้นๆ(แพงเท่าไหร่ไม่ว่า) แต่ถ้าผมเป็นลูกค้าผมก็อยากให้เหลือสักคันล่ะไม่เกินแสนเหมือนกันบิ้กไบค์250cc UP อยากได้นะครับ แต่ไม่มีเงินพอซื้อ ก็เลยต้องทำใจขี่คันเก่าเล็กๆต่อไป ใช้ทนก็ไม่รู้ทนใช้หรือ ขออภัยหากมีการเปรียบเทียบเรื่องมีเงินมากมีเงินน้อย เยอะจนเกินไป(ผมก็มีเงินน้อย) พล่ามมากอีกแล้วเรา พอดีกว่า เดี๋ยวโดนว่าเพ้อเจ้ออีก อิอิอิ555+++

ถ้าเป็นในช่วงนี้ผมคิดว่าไม่กระทบเท่าไรหรอกครับ แต่ในอนาคตไม่แน่ถ้ายังเป็นยังงี้อยู่ ..เนื่องมาจากว่ามอร์ไซค์ ณ ปัจจุบัน ถือได้ว่าเป็นปัจจัยที่ 5 ที่ 6 ที่ 7 เข้าไปแล้วมั๊ง คงขาดมันไม่ได้ครับ ไม่แตกต่างจากโทรศัพท์มือถือ แม้ในความหมาย มอร์ไซค์ไม่ใช่ปัจจัยการอยู่รอด หรือถ้าไม่มีขี่ก็ไม่ตาย และจัดเป็นกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย แต่ในปัจจุบันผมว่ามันจำเป็นซะแร่วคับ..ยกเว้นไม่เคยมี ไม่เคยขับ ไม่เคยขี่ จึงจะเฉยๆ ถ้าเกิดได้เคยมีใช้ มีขี่ ขาดมันแล้วเหมือนไม่สะดวกเอาซะเลย..ว้าเหว่ เหงา เพื่อนไม่คบ..(ว่าไปโน่น) สุดท้ายมันจึงยังพอขายได้ครับ แต่อาจต้องมีการปรับกลยุทธ ยุทธวิธีการขาย หรือตัวสินค้าให้เหมาะสมกับสภาวะเศรษฐกิจ และกำลังซื้อนิดนึง .คุยกันเล่นๆ ครับ ..มอร์ไซค์ ก็เหมือนเสื้อผ้า ใช้ไปนานๆ ก็เริ่มเบื่อ อยากเปลี่ยนใหม่ เปลี่ยนลุค เปลี่ยนแนวไปเรื่อย วนเวียนอยู่ยังงี้แหละครับตามกระแสแฟชั่น..กลุ่มตลาดก็มีตั้งแต่ ออร์โต้ กะเทย กะบังลม สปอร์ต เปลือย โมตาด สกุตเตอร์ อย่างนี้เป็นต้น หมุนเวียนมาให้เราได้เลือกใช้ เลือกเสียตังค์กันไม่ได้ขาด และก็อยู่ที่บริษัทจะพิจารณาเน้นทำตลาดในกลุ่มผู้ใช้ กลุ่มกำลังซื้อ กลุ่มใดด้วย ..บิกไบค์แพงๆ หากเป็นของในประเทศก็มีมาแล้วอย่าง Kawasaki Ninja 250 (บิกค์ไบจูเนียร์) ส่วนกลุ่มนำเข้าบิกๆ ไบค์ๆ มือสองและใหม่ก็มีกันมานานแล้ว ในกลุ่มนี้จะเป็นอีกกลุ่มกับพวกเราครับ (ของแพง) เป็นชนส่วนน้อยแต่มีกำลังซื้อสูง... ในบ้านเรารถตลาดซื้อง่าย ขายคล่องจะอยู่ที่เพดานราคา 3-5 หมื่นบาทไทยครับ หากเกินกว่านี้ไม่ค่อยดีนัก....แต่ก็ไม่แน่หากทำออกมาสวยๆ เฉกเช่นในอดีตที่สปอร์ตครองเมือง รถราคา 6-7 หมื่น ยังดิ้นรนหาซื้อกันมาขี่ตรึม ตอนนั้นยังมองภาพไม่ออกเลยว่า หากเป็นรถบังลม ไม่มีล้อแม็ก ดิสไม่หน้า-หลัง ช็อคหลังคู่โง่ๆ หม้อลม มันจะขายได้มั๊ยว้า ไม่น่าได้เกิด ...แต่ ณ ปัจจุบันมันมาแล้ว ..และอีกครั้งไม่นานเกินรอสปอร์ตจะกลับมาทวงคืนครับ แต่เมื่อไหร่ไม่รู้ ดังคำกล่าวอันเป็นอมตะนิรันกาลของท่านเซ่อ หม่อง อับดุลเอ๊ยย..ได้กล่าวไว้ว่า "เมื่อจะถึงจุดสูงสุด ให้อั้นไว้" อุ๊ย ..มิใช่ "เมื่อถึงจุดสูงสุด ย่อมมีจุดต่ำสุด" ครับผม

ทำงานเงินเดือนหายไปเดือนละ4-5พันเลยครับ ทำไรก็ต้องคิดครับขนาดเปลี่ยนยางยังหายาง% ใส่เลยครับ ใครจะซื้อรถตอนนี้คิดหนักแน่นอน ถึงราคาน้ำมันจะลงแล้วก็เถอะ ผมว่าจะซื้อ 250 cc อีกคันยังต้องพักไว้ก่อนเลย:rabit14: