ตอบ ตามที่ถามนะ ผมแนะนำcbr400 มันซ่อมง่ายและจุกจิกน้อยกว่าเอ็นซี30 น้อยกว่านะแต่น้อยกว่าแค่ไหนไม่แน่ใจขึ้นอยู่กับสภาพรถ เพราะผมเคยมีnc30 บอกตรงๆ ว่า ค่าบำรุงรักษา มันเยอะนะ จุกๆจิกๆ รถผมไม่มีปัญหาเรื่องความร้อนแต่ก็มีเรื่องอื่นอยู่ดี อยากให้ดี ต้องไปโอเว่อฮอล เครื่องด้วย รักะขี่ทำใจเรื่องดูแลด้วยนะครับ ยังไงก็มีมาเรื่อยๆแหละ ไม่ต้องห่วง ไม่ห้ามหรอก ของงี้ ศักยภาพแต่หละคนไม่เหมือนกัน ไม่ว่าเด็ก หรือผู้ใหญ่ ถ้าถามว่ามันคุ้มไหมดีไหมสนุกไหม สำหรับผม คุ้มครับ...พอใจครับ...สนุกครับ

ผมเคยใช้Cbr400rrปี89ครับ ซื้อมา45000 ซ่อมไปอีก ประมาณ 20000 ไฟช็อต เดินไฟใหม่ เปลี่ยนกล่องไฟ มันรวนอะครับรถเก่า แต่ต่อมาก็จบนะ .. ขี่อยู่สักพักก็ขาย ไปซื้อ cb400 ขี่ ดีกว่านะ ไม่จุกจิกด้วย ลองเลือกดูครับ หาข้อมูลให้มากๆเข้าไว้ ตังค์อยู่ที่เรายังไงก็มีเวลาให้คิดเสมอ อย่าซื้อไปแล้วมานั่งเครียด ไม่ดีนะครับ โชคดี

จุกจิกพอตัวเลยครับ เจอกับตัวมา2คันแล้ว ต้องมีความรู้พื้นฐานช่างอยุพอตัวเลยแหละ คับ เพราะบางทีมันงอแงเอาดื้อๆเลย คนที่ไม่มีประสบการณ์ อาจจะมึนตึ้บได้ แล้วฝากไว้นิดนึงครับ ถ้าสนใจcbr 400 หรือvfr400 อย่าหลงไหลแฟริ่งอวกาศทั้งหลายครับ เพราะ 100ทั้ง100 โดน"เฉาะ"ทั้งนั้นคับ (เคยไปร้านซ่อม กำลังเหนช่างบรรเลงเครื่องเจียร ตัดเฟรม อย่างเมามัน) เหนแล้วสยองครับ บางทีก้ คลายน๊อตเปลท้ายออกยกขึ้นแล้วเอาน๊อตหนีบไว้เพื่อยกท้ายขึ้น เหนแล้วรับไม่ได้ครับ สุดท้ายก้ขอให้ได้รถต่มที่หวังครับ แต่ขอให้ใจร่มๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ครับ

หนาวนี้ออกทริปที่ไหนกัน บ้างครับ ขอขอบคุณความหวังดีของพี่ๆๆที่ไม่ให้ผมรีบออกรถแต่ผมต้องการข้อมูลความและคำแนะนำ เรื่องก่การขี่ที่อยากมาขี่รถ Big Bike เพราะผมเปนคนตัวใหญ่ ครับขี่พวกรถบ้านไม่ค่อยได้อืด

เหมือนกัลกับผม(แต่ก่อนเลย)ผมก้อศึกษาเรื่องรถพร้อมกับเรียนไปด้วยควรแบ่งเวลาด้วยนะคับ ตอนนี้ก้ออายุ16แล้ว มีcbr400ปี89 คันหนึ่ง ค่าบำรุงรักษาต้องทำใจน่อยนะคับ รถพวกนี้อายุมากแล้วละคับ ควรคิดให้ดีๆๆก่อนซื้อ แต่ก่อนผมอยากได้จนลืมคิดคับ มันเป็นอารามณ์ชั่ววูบ ช่วยไม่ได้คับ ซื้อมันมาแล้วก้อต้องรักมันดูแลมันให้ดีที่สุด เป็นกำลังใจให้นะคับ หน้าหนาวแล้วไว้ออกทริปกัลนะคับ

[quote]บ่นตลอด ขี้น้อยใจ กินเปลือง......[/quote] พูดซะเห็นภาพเลย

จอดพังง่าย เอามาวิ่งพังยากแต่ถ้าเสื่อมตามกาลเวลายังไงก็พัง

เอ่อ ก่อนอื่น ต้องถามตัวเองว่า เราดูแลเขาไหวมั้ย มีมอเตอร์ไซด์เก่าๆนี่ก็เหมือนมีเมียแก่น่ะครับ บ่นตลอด ขี้น้อยใจ กินเปลือง...... ค่าใช้จ่ายจะค่อนข้างมากกว่าพวกรถสูบเดียวปีใหม่ๆเยอะอยู่ครับ แล้วก็ พวกอะไหล่หรืออะไรเถือกนี้ ใช่ว่ามีเงินแล้วจะซื้อได้ครับ ต้องมีความรู้พอควรเลย ไม่งั้นโดนหลอกกระจุยแน่ๆ สังคมส่วนใหญ่มันค่อนข้างโหดร้ายหากไม่มีเพื่อนฝูงน่ะครับ ตอนผมเจียดเงินซื้อคันแรกด้วยความชอบมานี่ก็ เชื่อใครแทบไม่ได้เลย เรียกได้ว่าโดนหลอกตั้งกะอ้าปากพูดเลย ต้องทุ่มเทพอควรครับ ถ้าคิดจะซื้อมาเพราะแค่ความชอบชั่ววูบ เพราะเท่ห์ ขี่โชว์ไปเรื่อยล่ะก็ อาจจะเสียใจภายหลังได้ครับผม แล้วก็ไม่ว่าจะซื้อรุ่นอะไรก็ตาม อย่าไปหลงคารมคนขายเอาล่ะครับ อย่าให้กิเลสหรือความอยากได้มันแซงหน้าสติสัมปชัญญะของเรา (พิมพ์ถูกรึเปล่าหว่า) พยายามคุมอารมณ์ไว้ อย่าออกอาการครับ เง่อ ๆ ๆ ๆ ที่บอกก็เพราะเคยเป็นมาก่อน อารมณ์แบบไม่เคยเห็นแม้แต่ตัวจริง เดินไปถึงเขาสตาร์ทเครื่องแล้วให้ขี่ช้าๆวนในหมูบ้านรอบนึง แล้วก็ร่ายยาวมาบทสองบท ผมก็ตกลงซื้อเลย (โง่มั้ยล่ะครับผม) ซื้อรถเก่า อยากได้ร้อย แต่ยังไงก็ไม่ไ้ด้ร้อยครับ ถึงจะเอาช่างที่เราไว้ใจได้ แต่ช่างก็คนครับ ผิดพลาดกันได้บ้าง แล้วก็ดูได้แค่ภายนอก ผมเคยเห็นบางคนพาช่างไปซื้อ แล้วทำเป็นโชว์ภูมิตัวเอง ตินู่นตินี่ ติแม้กระทั่งหัวน๊อตเป็นสนิมหรือมีรอย -_-" แบบนี้อย่าเลยนะครับ อาจจะโดน "เต็มๆ" เรื่องแฟริ่ง มุมมองของผมนั้น คิดว่าเดิมๆน่ะเหมาะที่สุดแล้ว แต่ถ้าจะแต่งแฟริ่ง ก็ต้องสุดจริงๆ ต้องเก็บละเอียดจริงๆ ไ่ม่ใช่ทำมาแต่กรอบนอก ดูภายในแล้วเน่าใน บางทีเห็นขี่ๆกันดูสวย แต่พอจอดปุ๊บ เหมือนจับเป็ดมาแต่งตัวเป็นหงส์่น่ะครับ พวกแฟริ่งที่นิยมก็พวก RC211 ,212 หรืออาจะเป็น CBR500 ตรงนี้ต้องดูดีๆครับ - จุดยึดแน่นหนามั้ย - Subframe ถูกตัด และดามมาดีมั้ย หรือตัดออกหมดแล้วยกองศาขึ้นให้เบาะสูงกว่าเดิมขนาดไหน (มีผลกับท่าขับขี่) - มีส่วนไหนขาดหายไปบ้าง - เบาหน้าหลัง ถอดแยกชิ้นได้มั้ย (บางคันหล่อแฟริ่งหลังทั้งชิ้นแล้วเอาเบาะซ้อนติดกาวแปะไว้เฉยๆ) - ไฟหน้า แปลงมาเบี้ยวมั้ย ส่องตรงหรือเบี้ยวขนาดไหน (ขึ้นอยู่กับฝีมือคนทำ) - ช่วงท้ายเก็บสายไฟดีมั้ย (รถรุ่นน้องผมแปลงมาจอดตากฝนสองวัน น้ำเข้าตามชุดสายไฟ กล่องCDI รวนเลย) - ช่วงหน้ายึดมาหนาแน่นหรือไม่ ตรงโครงเหล็กที่ยึดกับแฟริ่งหน้ายังแน่นหนาอยู่มั้ย (บางคันเห็นเอาโครงเหล็กยึดแฟริ่งด้านหน้าออก เวลาขี่เร็วๆแล้วแฟริ่งหน้าบิดเบี้ยวตามลม หรือเวลาล้มแล้วหน้าหายทั้งชุดก็มี (เพื่อนผมเองล่ะครับ ล้มทีชุดหน้ากระจายทั้งชุดเลย) เท่าที่นึกออกก็มีแค่นี้ล่ะครับ สุดท้ายเรื่องงบประมาณครับผม เมื่อคนได้รถมาก็อยากให้มันขี่ดี ถึงแม้มันจะขี่ได้ แต่ในฐานะเจ้าของ เราก็อยากให้มันดีที่สุดหรือดีในระดับที่เรายอมรับได้ ดังนั้น ยังไงก็ต้องเตรียมงบไว้แก้ไขตกแต่งเพิ่มเติมครับ ปกติที่เห็น จะเตรียมกันไว้ประมาณ 10,000 ฐาทเป็นค่าใช้จ่ายซ่อมบำรุงเมื่อได้รถน่ะครับ (สำหรับคนที่คิดจะเอาไว้ใช้เอง) แต่ในบางกรณี เจ้าของเก่าขายรถมาให้ในสภาพแค่วิ่งได้ โดยที่เอารูปทรงภายนอกมาหลอกตา ก็อาจเจ็บตัวหน่อยครับผม ถ้าเจอช่างดีก็ไว้ใจได้ จบไม่จบแต่อย่างน้อยเราก็ได้รับรู้ความจริงครับ แต่ถ้าไปเจอช่างเลวๆล่ะก็อาจจะบานปลายได้ครับ พิมพ์เยอะเริ่มมึน ก็ขอให้โชคดีก็แล้วกันครับสำหรับรถคันแรก แต่ถ้ามีงบซัก แสนกว่าบาท ผมว่าน่าลองเล่นพวก Ninja 250 หรือพวกรถปีใหม่ๆหน่อยก็ดีครับผม อ่อ อีกอย่าง รถพวกนี้ จอดทิ้งไว้นานๆไม่ดีนะครับ จะพาลเสียเอาดื้อๆ บางทีผมก็งงเหมือนกันว่าทำไม

ผมว่าไม่เหมาะครับ เนื่องจากยังอยู่ในวัยเรียน ค่าซ่อมบำรุงรถมันแพงเอาการครับ อย่าทำให้พ่อแม่ลำบากเลยครับ ผมว่าช่วงเวลานี้สนุกสนานกับการเรียนและเพื่อนๆให้เต็มที่ก่อนดีกว่าครับ เป้าหมายก็คือเตรียมตัวเรียนมหาวิทยาลัยดีกว่า ของแบบนี้ถึงเวลามันก็จะวิ่งวเข้ามาหาเอง ยิ่งรถวิ่งเข้าหามันเหมือนกับแม่เหล็กขั้วเดียวกันไม่บรรจบกันเสียที ผมว่า ณ เวลานี้ น้องเก็บข้อมูลศึกษาไปดเรื่อยๆ รอเมื่อตัวเองพร้อม ดีกว่าถึงวันนั้นน้องอาจจะได้รถดีๆ ใหม่ๆสภาพโชว์รูมไม่ต้องซ่อมขี่อย่างเดียวก็ได้ครับ